1
บทเรียนจากเรื่องแอก ในต้นรัชกาลเศเดคียาห์ 2 พกษ. 24:18-20;2 พศด. 36:11-13 ราชบุตรของโยสิยาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์ พระวจนะนี้มาจากพระเจ้าถึงเยเรมีย์2
พระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “จงทำสายรัดและแอกสำหรับตัวเจ้า จงสวมคอของเจ้า3
และส่งมันไปยังกษัตริย์แห่งเอโดม กษัตริย์แห่งโมอับ และกษัตริย์แห่งคนอัมโมน กษัตริย์แห่งไทระ และกษัตริย์แห่งไซดอน ด้วยมือของทูตที่มาเข้าเฝ้าเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ที่กรุงเยรูซาเล็ม4
จงฝากคำกำชับเหล่านี้แก่บรรดานายของเขาว่า ‘พระเจ้าจอมโยธา พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า เจ้าจงกล่าวเรื่องต่อไปนี้ให้นายของเจ้าฟังว่า5
นี่คือเราเอง ผู้ได้สร้างโลก ทั้งมนุษย์และสัตว์ซึ่งอยู่ในโลกด้วยฤทธานุภาพ ใหญ่ยิ่งและด้วยแขนที่เหยียดออกของเรา และเราจะให้แก่ผู้ใดก็ได้สุดแต่เราเห็นชอบ6
บัดนี้ เราได้ให้แผ่นดินเหล่านี้ทั้งสิ้นไว้ใน มือของเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์แห่งบาบิโลนผู้รับใช้ของเรา และเราได้ให้สัตว์ป่าทุ่งแก่เขาด้วย ที่จะปรนนิบัติเขา7
บรรดาประชาชาติทั้งสิ้นจะต้องปรนนิบัติตัวเขา ลูกและหลานของเขา จนกว่าเวลากำหนดแห่งแผ่นดินของท่านเอง จะมาถึง แล้วหลายประชาชาติ และบรรดามหากษัตริย์จะกระทำให้ท่านเป็นทาส ของเขาทั้งหลาย8
“แต่ถ้าประชาชาติใด หรือราชอาณาจักรใด จะไม่ปรนนิบัติเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนคนนี้ และไม่ยอมวางคอไว้ใต้แอกของกษัตริย์บาบิโลน เราจะลงโทษประชาชาตินั้นด้วยดาบ ด้วยการกันดารอาหาร และด้วยโรคระบาด พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ จนกว่าเราจะล้างผลาญเสียด้วยมือของเขา9
เพราะฉะนั้นอย่าฟังผู้เผยพระวจนะ หรือผู้ทำนาย หรือคนช่างฝันของเจ้า หรือหมอดู หรือนักวิทยาคมของเจ้า ผู้ซึ่งกล่าวแก่เจ้าว่า ‘ท่านจะไม่ปรนนิบัติกษัตริย์แห่งกรุงบาบิโลนดอก’10
เพราะซึ่งเขาเผยพระวจนะให้ท่านนั้นเป็นความเท็จ อันยังผลให้ท่านต้องโยกย้ายไกลไปจากแผ่นดินของท่าน และเราจะขับไล่ท่านออกไป และท่านจะพินาศ11
แต่ประชาชาติใดซึ่งเอาคอของตนวางไว้ใต้แอก ของกษัตริย์แห่งบาบิโลนและปรนนิบัติท่าน เราจะละเขาไว้บนแผ่นดินของเขา เพื่อให้ทำไร่ไถนาและให้อาศัยอยู่ที่นั่น พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ”12
ข้าพเจ้าได้ทูลเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ใน ทำนองเดียวกันว่า “จงเอาคอของท่านไว้ใต้แอกของกษัตริย์แห่งบาบิโลน และปรนนิบัติเขาและประชาชนของเขา และจงมีชีวิตอยู่13
ทำไมท่านกับชนชาติของท่านจะมาตายเสียด้วยดาบ ด้วยการกันดารอาหารและด้วยโรคระบาด ดังที่พระเจ้าทรงลั่นวาจาเกี่ยวด้วยประชาชาติใดๆ ซึ่งจะไม่ปรนนิบัติกษัตริย์แห่งบาบิโลน14
อย่าฟังถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะผู้กล่าวแก่เจ้าว่า ‘ท่านจะไม่ปรนนิบัติกษัตริย์แห่งบาบิโลนดอก’ เพราะซึ่งเขาทั้งหลายเผยพระวจนะแก่ท่านนั้นก็เป็นการมุสา15
พระเจ้าตรัสว่า เราไม่ได้ใช้เขา แต่เขาเผยพระวจนะเท็จในนามของเรา ซึ่งยังผลให้เราต้องขับไล่เจ้าออกไปและเจ้าจะต้องพินาศ ทั้งตัวเจ้าและผู้เผยพระวจนะทั้งหลายซึ่งเผย พระวจนะให้แก่เจ้า”16
และข้าพเจ้าก็ได้พูดกับปุโรหิตและประชาชนนี้ทั้งสิ้นว่า “พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า อย่าเชื่อฟังถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะของเจ้า ซึ่งเผยพระวจนะให้แก่เจ้าว่า ‘ดูเถิด ไม่ช้าเขาจะนำเครื่องใช้ของพระนิเวศแห่งพระเจ้า กลับมาจากกรุงบาบิโลน เพราะซึ่งเขาเผยพระวจนะแก่ท่านนั้นก็เป็นความเท็จ’17
อย่าเชื่อฟังเขาเลย จงปรนนิบัติพระราชาแห่งบาบิโลนและมีชีวิตอยู่ ทำไมเมืองนี้จะร้างเปล่า18
ถ้าเขาเหล่านั้นเป็นผู้เผยพระวจนะ และถ้าพระวจนะของพระเจ้าอยู่กับเขา ก็ขอให้เขาทูลวิงวอนต่อพระเจ้าจอมโยธาว่า ให้เครื่องใช้ซึ่งอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้า และในพระราชวังของกษัตริย์แห่งยูดาห์ และในกรุงเยรูซาเล็ม อย่าให้ไปยังบาบิโลน19
เพราะพระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้เกี่ยวกับบรรดาเสาหาน ขันสาคร และขาตั้ง และเครื่องใช้อื่นๆที่เหลืออยู่ในเมืองนี้20
ที่เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนมิได้ริบเอาไป เมื่อท่านได้จับเอาเยโคนิยาห์ราชบุตรของ เยโฮยาคิมกษัตริย์ของยูดาห์ และบรรดาข้าราชการผู้ใหญ่ของเยรูซาเล็มถูกกวาดต้อน จากกรุงเยรูซาเล็มไปเป็นเชลยยังกรุงบาบิโลน21
พระเจ้าจอมโยธาพระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้เกี่ยว ด้วยเรื่องเครื่องใช้ซึ่งยังเหลืออยู่ในพระนิเวศของพระเจ้า ในพระราชวังของกษัตริย์แห่งยูดาห์และในกรุงเยรูซาเล็ม22
พระเจ้าตรัสว่า เครื่องใช้เหล่านี้จะถูกขนไปยังบาบิโลนและจะ ค้างอยู่ที่นั่นจนถึงวันที่เราเอาใจใส่มัน แล้วเราจึงจะนำมันกลับมา และให้กลับสู่สถานที่นี้”