1
บาบิโลนทำให้เริศร้างเจ็ดสิบปี ถ้อยคำซึ่งมาถึงเยเรมีย์เกี่ยวด้วยเรื่องชนชาติ ยูดาห์ทั้งสิ้น ในปีที่สี่แห่งรัชกาลเยโฮยาคิม 2 พกษ. 24:1;2 พศด. 36:5-7; ดนล. 1:1-2 ราชบุตรของโยสิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ (ปีนั้นเป็นปีต้นรัชกาลของเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์ของกรุงบาบิโลน)2
ซึ่งเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ ได้กล่าวแก่ประชาชนยูดาห์ และแก่ชาวเยรูซาเล็มทั้งสิ้นว่า3
“ตั้งแต่ปีที่สิบสามของโยสิยาห์ ราชบุตรของอาโมนกษัตริย์แห่งยูดาห์ จนถึงวันนี้เป็นเวลายี่สิบสามปี พระวจนะของพระเจ้ามายังข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ได้บอกแก่ท่านทั้งหลายอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ท่านหาได้ฟังไม่4
ท่านไม่ฟังหรือเอียงหูของท่านฟัง แม้ว่าพระเจ้าทรงส่งบรรดาผู้เผย พระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์มาอย่างไม่หยุดยั้ง5
กล่าวว่า ‘บัดนี้เจ้าทุกคนจงหันกลับจากทางชั่วของตนและ จากการกระทำผิดของตน และอาศัยอยู่ในแผ่นดินซึ่งพระเจ้าทรงประทานแก่ เจ้าและบรรพบุรุษของเจ้าตั้งแต่โบราณและต่อไปเป็นนิตย์6
อย่าไปติดสอยห้อยตามพระอื่นเพื่อจะปรนนิบัติและ นมัสการพระเหล่านั้น หรือยั่วเย้าเราให้โกรธด้วยผลงานแห่งมือของเจ้า แล้วเราจะไม่ทำอันตรายแก่เจ้า’7
พระเจ้าตรัสว่า แม้กระนั้นเจ้าทั้งหลายก็ไม่ฟังเรา เพื่อเจ้าจะได้ยั่วเย้าเราให้กริ้วด้วยผลงานแห่งมือของเจ้า ซึ่งเป็นผลร้ายแก่เจ้าเอง8
“เพราะฉะนั้น พระเจ้าจอมโยธาจึงตรัสดังนี้ว่า เพราะเจ้าไม่เชื่อฟังถ้อยคำของเรา9
พระเจ้าตรัสว่า ดูเถิด เราจะเรียกเผ่าชนทั้งสิ้นของทิศเหนือและเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์บาบิโลนผู้รับใช้ของเรา และเราจะนำเขาทั้งหลายมาต่อสู้ แผ่นดินนี้และชาวเมืองนี้และบรรดา ประชาชาติเหล่านี้ซึ่งอยู่ล้อมรอบ เราจะทำลายเขาทั้งหลายให้สิ้นเชิง และเราจะกระทำเขาให้เป็นที่น่า หวาดเสียวและเป็นที่เยาะเย้ยและเป็นที่ร้างเปล่าเป็นนิตย์10
ยิ่งกว่านั้นอีกเราจะกำจัดเสียงบันเทิงและเสียงร่าเริง เสียงเจ้าบ่าวและเสียงเจ้าสาว ยรม. 7:34; 16:9 เสียงหินโม่และแสงตะเกียงเสียจากเจ้า วว. 18:22-2311
แผ่นดินนี้ทั้งสิ้นจะเป็นที่เริศร้างและทิ้งร้าง และบรรดาประชาชาติเหล่านี้จะปรนนิบัติกษัตริย์ กรุงบาบิโลนอยู่เจ็ดสิบปี 2 พศด. 36:21; ยรม. 29:10; ดนล. 9:212
พระเจ้าตรัสว่า เมื่อครบเจ็ดสิบปีแล้ว เราจะลงโทษกษัตริย์บาบิโลนและประชาชนชาตินั้น คือแผ่นดินของชาวเคลเดียเพราะบาปชั่ว ของเขาทั้งหลายกระทำให้แผ่นดินนั้นทิ้งร้างอยู่เป็นนิตย์13
เราจะนำถ้อยคำทั้งสิ้นให้สำเร็จที่แผ่นดินนั้น คือถ้อยคำที่เราได้กล่าวสู้เมืองนั้น คือทุกสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือนี้ ซึ่งเยเรมีย์ได้เผยพระวจนะแก่บรรดาประชาชาติทั้งสิ้น14
เพราะว่าจะมีหลายประชาชาติและบรรดา มหากษัตริย์กระทำให้เขาเหล่านั้นเป็นทาสแม้ว่า เขาทั้งหลายก็ดี และเราจะตอบแทนเขาทั้งหลาย ตามการกระทำและผลงานแห่งมือของเขา”15
ถ้วยพระพิโรธสำหรับประชาชาติ พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสกับ ข้าพเจ้าดังนี้ว่า “จงเอาถ้วยเหล้าองุ่นแห่งความพิโรธนี้ไปจากมือเรา และบังคับบรรดาประชาชาติซึ่งเราส่งเจ้าไปนั้น ให้ดื่มจากถ้วยนั้น16
เขาจะดื่มและเดินโซเซและบ้าคลั่งไปเนื่องด้วย ดาบซึ่งเราส่งไปท่ามกลางเขาทั้งหลาย”17
ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงรับถ้วยมาจากพระหัตถ์ของพระเจ้า และบังคับประชาชาติทั้งสิ้น ซึ่งพระเจ้าทรงใช้ให้ข้าพเจ้าไปหานั้นดื่ม18
คือกรุงเยรูซาเล็มและหัวเมืองแห่งยูดาห์ ทั้งบรรดากษัตริย์และเจ้านายของเมืองนั้น กระทำให้เป็นที่ร้างเปล่าและทิ้งร้าง เป็นที่เย้ยเยาะและเป็นที่แช่งสาปอย่างทุกวันนี้19
ฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์กับบรรดาข้าราชการ และเจ้านายและประชาชนของท่านนั้น20
และบรรดาชนต่างด้าวที่อยู่ท่ามกลางเขา บรรดากษัตริย์แห่งแผ่นดินอูส และบรรดากษัตริย์แห่งแผ่นดินฟีลิสเตีย (คือเมืองอัสเคโลน กาซา เอโครน และส่วนชาวเมืองอัชโดดที่เหลืออยู่)21
เอโดม โมอับและคนอัมโมน22
บรรดากษัตริย์แห่งเมืองไทระ บรรดากษัตริย์เมืองไซดอนและบรรดากษัตริย์แห่งเมือง ชายทะเลฟากโน้น23
เมืองเดดาน เทมา บุส และบรรดาคนที่โกนผมจอนหู24
บรรดากษัตริย์แห่งอาระเบียและบรรดากษัตริย์ แห่งเผ่าที่ปะปนกันอยู่ในถิ่นทุรกันดาร25
บรรดากษัตริย์แห่งศิมรี และบรรดากษัตริย์แห่งเอลาม และบรรดากษัตริย์ของมีเดีย26
บรรดากษัตริย์แห่งเมืองทิศเหนือ ทั้งไกลและใกล้ทีละเมืองๆ และบรรดาราชอาณาจักรแห่งโลกซึ่งอยู่บนพื้นพิภพ และกษัตริย์แห่งเชชัก คำรหัสหมายถึง บาบิโลนจะ ดื่มภายหลังกษัตริย์เหล่านี้27
“แล้วเจ้าจงพูดกับเขาทั้งหลายว่า ‘พระเจ้าจอมโยธา พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า จงดื่มให้เมาแล้วก็อาเจียน จงล้มลงและอย่าลุกขึ้นอีกเลย เนื่องด้วยดาบซึ่งเราจะส่งมาท่ามกลางเจ้าทั้งหลาย’28
“และถ้าเขาปฏิเสธไม่รับถ้วยจากมือของเจ้าดื่ม เจ้าจงพูดกับเขาทั้งหลายว่า ‘พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า เจ้าต้องดื่ม29
เพราะดูเถิด เราได้เริ่มทำโทษเมืองซึ่งเรียกตามชื่อของเราแล้ว และเจ้าจะลอยนวลไปได้โดยไม่ถูกโทษหรือ พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า เจ้าจะลอยนวลไปไม่ได้ เพราะเรากำลังเรียกดาบ เล่มหนึ่งมาเหนือชาวแผ่นดินโลกทั้งสิ้น’30
“เพราะฉะนั้น เจ้าจงเผยพระวจนะเหล่านี้ทั้งสิ้นสู้เขาทั้งหลาย และกล่าวแก่เขาว่า‘พระเจ้าจะทรงเปล่งพระสุรเสียงจากที่สูงและจากที่พำนักอันบริสุทธิ์ของพระองค์ พระองค์จะตรัสพระองค์จะเปล่งพระสุรเสียงมากมายต่อฝูงแกะของพระองค์และทรงโห่ร้องอย่างกับคนที่ย่ำองุ่นโห่ร้องต่อชาวพิภพทั้งสิ้น31
เสียงกัมปนาทจะก้องไปทั่วปลายพิภพเพราะพระเจ้าทรงมีคดีกับบรรดาประชาชาติพระองค์ทรงเข้าพิพากษาเนื้อหนังทั้งสิ้นส่วนคนอธรรมนั้นพระองค์จะทรงฟันเสียด้วยดาบ พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ’32
“พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่าดูเถิด โทษจะไปจากประชาชาตินี้ถึงประชาชาตินั้นและพายุใหญ่จะปั่นป่วนขึ้นมาจากส่วนพิภพโลกที่ไกลที่สุด33
“และบรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงประหารในวันนั้น จะมีจากปลายโลกข้างนี้ถึงปลายโลกข้างนั้น เขาเหล่านั้นจะไม่มีใครโอดครวญให้ หรือรวบรวมหรือฝังไว้ แต่จะเป็นเหมือนมูลสัตว์อยู่บนพื้นดิน34
ท่านผู้เลี้ยงแกะทั้งหลายเอ๋ย จงคร่ำครวญและร้องเถิดท่านเจ้าของฝูงแกะ จงกลิ้งเกลือกในขี้เถ้าเพราะวันเวลาของการสังหารเจ้าและที่เจ้าต้อง กระจัดกระจาย มาถึงแล้วและเจ้าทั้งหลายจะล้มลงเหมือนแกะผู้ตัวงาม35
ผู้เลี้ยงแกะจะไม่มีทางหนีหรือเจ้าของฝูงแกะไม่มีทางรอด36
จงฟังเสียงร้องของผู้เลี้ยงแกะและเสียงคร่ำครวญของเจ้าฝูงแกะเพราะว่าพระเจ้าทรงกำลังทำลายลานหญ้าของเขาทั้งหลายเสีย37
และคอกแกะที่สงบสุขก็เงียบเสียแล้วเนื่องด้วยความกริ้วอันแรงกล้าของพระเจ้า38
พระองค์ทรงออกจากที่ซุ่มของพระองค์อย่างสิงห์หนุ่มเพราะว่า แผ่นดินของเขาทั้งหลายเป็นที่ร้างเปล่าเนื่องด้วยพระแสงดาบของพระเจ้าและเนื่องด้วยความกริ้วอันแรงกล้าของพระองค์