1
และอยู่มาเนบูคัดเนสซาร์พระราชาแห่งบาบิโลน ได้ยกมาพร้อมกับกองทัพทั้งสิ้นของพระองค์เข้าสู้รบ กรุงเยรูซาเล็ม และล้อมกรุงนั้นไว้ ยรม. 21:1-10; 34:1-5; อสค. 24:2 และเขาทั้งหลายได้สร้างเครื่องล้อมไว้รอบ2
กรุงนั้นจึงถูกล้อมอยู่ถึงปีที่สิบเอ็ด แห่งรัชกาลกษัตริย์เศเดคียาห์3
เมื่อวันที่เก้าของเดือนที่สี่ การกันดารอาหารในกรุงนั้นก็ร้ายกาจนัก ไม่มีอาหารให้แก่ราษฎร4
แล้วกรุงนั้นก็แตก อสค. 33:21 ทหารทั้งสิ้นหนีออกไปในกลางคืนตามทางประตูเมือง ระหว่างกำแพงทั้งสองซึ่งอยู่ริมราชอุทยาน (ทั้งๆที่คนเคลเดียอยู่รอบเมือง) และพระราชาก็เสด็จตามทางไปลุ่มแม่น้ำจอร์แดน5
แต่กองทัพของคนเคลเดียได้ไล่ตามพระราชา และมาทันพระองค์ในที่ราบเมืองเยรีโค และกองทัพทั้งสิ้นของพระองค์ก็กระจัดกระจาย ไปจากพระองค์6
แล้วเขาจึงจับพระราชา นำขึ้นมายังพระราชาแห่งบาบิโลน ที่ริบลาห์ ผู้ทรงให้คำพิพากษา7
เขาได้ประหารชีวิตบรรดาโอรสของ เศเดคียาห์ต่อพระพักตร์ของพระองค์ แล้วทำพระเนตรเศเดคียาห์ให้บอดไป ตีตรวนพระองค์ไว้ และพาพระองค์ไปยังบาบิโลน อสค. 12:13ยูดาห์เป็นเชลย 8
( 2 พศด. 36:17-21 ; ยรม. 39:8-10 ; 52:12-30 ) เมื่อวันที่เจ็ดเดือนที่ห้า ซึ่งเป็นปีที่สิบเก้าของรัชกาลกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ พระราชาแห่งบาบิโลน เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ ข้าราชการคนหนึ่งของพระราชาแห่งบาบิโลนได้มายังเยรูซาเล็ม9
ท่านได้เผาพระนิเวศของพระเจ้าเสีย 1 พกษ. 9:8 และเผาพระราชวัง และเผาบ้านเรือนทั้งหมดของเยรูซาเล็ม ท่านเผาบ้านใหญ่ทุกหลังลงหมด10
และทหารคนเคลเดียทั้งหมดผู้ อยู่กับผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ ได้ทลายกำแพงรอบเยรูซาเล็มลง11
และประชาชนที่เหลืออยู่ซึ่งอยู่ในเมือง และคนหลบหนีซึ่งหลบหนีไปยังพระราชาแห่งบาบิโลน พร้อมกับมวลชนที่เหลืออยู่นั้น เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ได้ กวาดไปเป็นเชลย12
แต่ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ได้ละ คนจนที่สุดแห่งแผ่นดินไว้ให้ เป็นคนทำสวนองุ่นและเป็นคนทำไร่ไถนา13
และเสาทองสัมฤทธิ์ 1 พกษ. 7:15-22;2 พศด. 3:15-17 ซึ่งอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้า และเชิงกับขันสาครทองสัมฤทธิ์ 1 พกษ. 7:23-26;2 พศด. 4:2-5 ซึ่งอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้านั้นคนเคลเดียได้ทุบเป็นชิ้นๆ และขนเอาทองสัมฤทธิ์ไปยังบาบิโลน14
เขาขนหม้อ พลั่ว และตะไกรตัดไส้ตะเกียง และชามเครื่องหอม และเครื่องใช้ทองสัมฤทธิ์ซึ่งใช้ในงานของพระวิหารเอา ไปเสีย 1 พกษ. 7:45;2 พศด. 4:1615
ทั้งกระถางไฟด้วย กับชามอ่าง สิ่งใดที่ทำด้วยทองคำ ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ก็ขนเอาไปเป็นทองคำ และสิ่งใดที่ทำด้วยเงินก็ขนเอาไปเป็นเงิน16
ส่วนเสาหานสองต้น ขันสาครหนึ่งลูกและเชิง ซึ่งซาโลมอนทรงสร้างสำหรับพระนิเวศของพระเจ้านั้น ทองสัมฤทธิ์ของภาชนะเหล่านี้ก็เหลือที่จะชั่งได้17
เสาหานต้นหนึ่งสูงสิบแปดศอก และบัวคว่ำทองสัมฤทธิ์มีบนเสาบัวคว่ำนั้นสูงสามศอก มีตาข่ายกับลูกทับทิมล้วนทองสัมฤทธิ์อยู่บนบัวคว่ำโดยรอบ และเสาหานต้นที่สองก็เหมือนกัน พร้อมตาข่าย18
และผู้บัญชาการทหาร รักษาพระองค์ก็จับเสไรอาห์ปุโรหิตผู้ใหญ่ และเศฟันยาห์ปุโรหิตที่สอง กับผู้รักษาธรณีประตูสามคนไปด้วย19
และจากเมืองนั้นท่านได้จับข้าราชสำนัก ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพกับที่ปรึกษาของพระราชา อีกห้าคนที่พบในเมืองนั้น และเลขาธิการและผู้บัญชาการกองทัพผู้เกณฑ์ราษฎร และอีกหกสิบคนจากราษฎรซึ่งพบในเมือง20
และเนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษา พระองค์ได้จับคนเหล่านี้ไป พามาถึงพระราชาแห่งบาบิโลนที่ริบลาห์21
และพระราชาแห่งบาบิโลนได้ทรงฟันเขา และประหารชีวิตเขาทั้งหลายเสียที่ริบลาห์ในแผ่นดินฮามัท ยูดาห์จึงถูกกวาดเป็นเชลยไปจากแผ่นดินของตน22
พวกที่เหลืออยู่ได้หลบหนีไปอียิปต์ พระองค์ทรงตั้งเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัม บุตรชาฟานให้เป็นเจ้าเมือง เหนือประชาชนผู้เหลืออยู่ในแผ่นดิน ยูดาห์ผู้ซึ่งเนบูคัดเนสซาร์ พระราชาบาบิโลนได้ทรงเหลือไว้23
เมื่อบรรดาผู้บังคับบัญชาพลรบทั้งตัวเขาทั้งหลาย และคนของเขาได้ยินว่า พระราชาแห่งบาบิโลนได้แต่งตั้งเกดาลิยาห์ให้เป็น เจ้าเมือง เขาก็มาพร้อมกับคนของเขาหาเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ คืออิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์ และโยฮานันบุตรคาเรอาห์ และเสไรอาห์บุตรทันหุเมทชาวเนโทฟาห์ และยาอาซันยาห์บุตรคนตระกูลมาอาคาห์ ทั้งเขาทั้งหลายและคนของเขา24
และเกดาลิยาห์ก็กระทำสัตย์สาบาน แก่เขาและคนของเขาว่า “อย่ากลัวเพราะเจ้าหน้าที่คนเคลเดียเลย จงอาศัยในแผ่นดินและปรนนิบัติพระราชาแห่งบาบิโลน แล้วท่านก็จะอยู่เย็นเป็นสุข” ยรม. 40:7-925
แต่ในเดือนที่เจ็ดอิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์ บุตรเอลีชามาผู้เป็นเชื้อพระวงศ์ ได้เข้ามาพร้อมกับชายสิบคน ได้โจมตีและฆ่าเกดาลิยาห์และพวกยิวกับคน เคลเดียผู้อยู่กับท่านที่มิสปาห์เสีย ยรม. 41:1-326
แล้วประชาชนทั้งปวง ทั้งเล็ก และใหญ่ และผู้บังคับบัญชาพลรบได้ลุกขึ้น และไปยังอียิปต์ ยรม. 43:5-7เพราะเขากลัวคนเคลเดียทรงปล่อยเยโฮยาคีน และให้ได้รับเกียรติในบาบิโลน 27
( ยรม. 52:31-34 ) และอยู่มาในปีที่สามสิบเจ็ดแห่งการเนรเทศ เยโฮยาคีนพระราชาแห่งยูดาห์ ในเดือนที่สิบสองเมื่อวันที่ยี่สิบเจ็ดของเดือนนั้น เอวิลเมโรดักพระราชาแห่งบาบิโลน ในปีที่พระองค์ทรงเริ่มครอบครอง ทรงพระกรุณาโปรดให้เยโฮยาคีนพ้นจากเรือนจำ28
พระองค์ตรัสด้วยคำอ่อนหวานแก่ท่าน และให้นั่งสูงกว่าบรรดาที่นั่งของ กษัตริย์ที่อยู่ในบาบิโลนกับพระองค์29
เยโฮยาคีนจึงได้ถอดเครื่องแต่งกายของนักโทษออก และได้รับประทานที่โต๊ะเสวยของพระราชาเป็นปกติ ทุกวันตลอดชีวิต30
ส่วนงบประมาณที่ให้นั้นก็ได้รับพระราชทานจากกษัตริย์ ตามความต้องการรายวันอยู่เสมอตลอดเมื่อท่านมีชีวิตอยู่