2 พงศ์‍กษัตริย์-18

(พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 รัชกาลเฮเซคียาห์ ( 2 พศด. 29:1-2 )อยู่มาในปีที่สามแห่งรัชกาลโฮเชยาบุตรยาเอลาห์ พระราชาแห่งอิสราเอล เฮเซคียาห์โอรสของอาหัสกษัตริย์แห่งยูดาห์ได้เริ่มครอบครอง
  • 2 เมื่อพระองค์ทรงเริ่มครอบครองนั้น พระองค์มีพระชนมายุยี่สิบห้าพรรษา และพระองค์ทรงครอบครองในกรุงเยรูซาเล็มยี่สิบเก้าปี พระมารดาของพระองค์มีพระนามว่าอาบี บุตรีของเศคาริยาห์
  • 3 และพระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรพระเจ้า ตามทุกอย่างซึ่งดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ได้ทรงกระทำ
  • 4 พระองค์ทรงรื้อปูชนียสถานสูงทิ้งไป และทรงพังเสาศักดิ์สิทธิ์เสีย และตัดอาเชราห์ลงเสีย และพระองค์ทรงหักงูทองสัมฤทธิ์ซึ่งโมเสสสร้างขึ้นนั้นเสีย กดว. 21:9 เพราะว่าประชาชนอิสราเอลได้เผาเครื่องหอมให้แก่งู นั้นจนถึงวันเหล่านั้น เขาเรียกงูนั้นว่า เนหุชทาน
  • 5 พระองค์ทรงวางพระทัยในพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่ง อิสราเอล เพราะฉะนั้นในบรรดาพระราชาแห่งยูดาห์ต่อจากพระองค์มา หรือในบรรดาผู้อยู่ก่อนพระองค์ ไม่มีผู้ใดเหมือนพระองค์
  • 6 เพราะว่าพระองค์ทรงยึดพระเจ้าแน่น พระองค์มิได้ทรงพรากจากการติดตามพระเจ้าเลย แต่ได้รักษาพระบัญญัติซึ่งพระเจ้าทรงบัญชาแก่โมเสส
  • 7 และพระเจ้าทรงสถิตกับพระองค์ พระองค์ทรงออกไป ยังที่ใด พระองค์ก็ทรงกระทำความสำเร็จที่นั่น พระองค์ได้ทรงกบฏต่อพระราชาแห่งอัสซีเรีย และไม่ยอมปรนนิบัติท่าน
  • 8 พระองค์ทรงโจมตีคนฟีลิสเตียไกลไปจนถึง เมืองกาซาและดินแดนเมืองนั้น ตั้งแต่ที่ที่มีหอคอยเหตุกระทั่งถึงเมืองที่มีป้อม
  • 9 กรุงสะมาเรียแตก และอยู่มาในปีที่สี่แห่งรัชกาลกษัตริย์เฮเซคียาห์ ซึ่งเป็นปีที่เจ็ดแห่งรัชกาลโฮเชยาบุตรเอลาห์ พระราชาแห่งอิสราเอล แชลมาเนเสอร์พระราชาแห่งอัสซีเรียได้ทรงยกขึ้น มารบสะมาเรีย และล้อมเมืองไว้
  • 10 และเมื่อสิ้นสามปีเขาก็ยึดเมืองนั้นได้ ในปีที่หกแห่งรัชกาลเฮเซคียาห์ซึ่งเป็น ปีที่เก้าแห่งรัชกาลโฮเชยาพระราชาแห่งอิสราเอล สะมาเรียก็ถูกยึดไป
  • 11 พระราชาแห่งอัสซีเรียได้กวาด เอาคนอิสราเอลไปยังอัสซีเรียไปไว้ที่ฮาลาห์ และข้างแม่น้ำฮาโบร์แม่น้ำเมืองโกซาน และในหัวเมืองของคนมาดัย
  • 12 เพราะว่าเขาทั้งหลายมิได้เชื่อฟัง พระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของตน แต่ได้กระทำผิดต่อพันธสัญญาของพระองค์ คือทุกอย่างซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้าได้บัญชาไว้ และเขาทั้งหลายไม่ฟัง ไม่กระทำตามเซนนาเคอริบบุกรุก
  • 13 ( 2 พศด. 32:1-19 ; อสย. 36:1-22 ) ในปีที่สิบสี่แห่งรัชกาลกษัตริย์เฮเซคียาห์ เซนนาเคอริบพระราชาแห่งอัสซีเรียได้ทรง ยกขึ้นมาต่อสู้บรรดานครที่มีป้อมของยูดาห์ และยึดได้
  • 14 และเฮเซคียาห์พระราชาแห่งยูดาห์ ทรงใช้ให้ไปทูลพระราชาแห่งอัสซีเรียที่เมืองลาคีชว่า “ข้าพเจ้าได้กระทำผิดขอถอนทัพไปเสียจากข้าพเจ้า ท่านจะปรับสักเท่าใด ข้าพเจ้าจะยอมทั้งสิ้น” และพระราชาแห่งอัสซีเรียได้เรียกร้องเอาเงินสามร้อยตะลันต์ และทองคำสามสิบตะลันต์
  • 15 และเฮเซคียาห์ได้มอบเงินทั้งหมดซึ่งมีอยู่ใน พระนิเวศของพระเจ้า และในคลังสำนักพระราชวัง
  • 16 ในครั้งนั้น เฮเซคียาห์ทรงลอกทองคำจากประตูทั้งหลายของ พระนิเวศแห่งพระเจ้า และจากเสาประตูซึ่งเฮเซคียาห์พระราชาแห่งยูดาห์ ทรงบุทองคำไว้และทรงมอบให้แก่พระราชาแห่งอัสซีเรีย
  • 17 และพระราชาแห่งอัสซีเรียได้รับสั่งให้ทารทาน รับสารีส รับชาเคห์ ไปพร้อมกับกองทัพใหญ่จากเมือง ลาคีชถึงกรุงเยรูซาเล็มเข้าเฝ้ากษัตริย์เฮเซคียาห์ เขาก็ขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อเขาขึ้นมาเขาก็มายืนอยู่ทางรางระบายน้ำสระบน ซึ่งอยู่ที่ถนนลานซักฟอก
  • 18 และเมื่อเขาเรียกหา พระราชาเอลียาคิมบุตรฮิลคียาห์ผู้บัญชาการราชสำนัก พร้อมกับเชบนาห์ราชเลขา และโยอาห์บุตรของอาสาฟเจ้ากรมสารบรรณ
  • 19 และรับชาเคห์พูดกับเขาว่า “จงทูลเฮเซคียาห์ว่า ‘พระมหาราชาคือพระราชาแห่งอัสซีเรียตรัสดังนี้ว่า ท่านวางใจในอะไร
  • 20 ท่านคิดว่าเพียงแต่ถ้อยคำก็เป็นยุทธศาสตร์และ แสนยานุภาพหรือ เดี๋ยวนี้ท่านพึ่งใคร ท่านจึงได้กบฏต่อเรา
  • 21 ดูเถิด เดี๋ยวนี้ท่านพึ่งไม้เท้าอ้อที่เดาะคือ อียิปต์ ซึ่งจะตำมือคนใดๆที่ใช้ไม้เท้านั้นยัน ฟาโรห์พระราชาแห่งอียิปต์เป็นเช่นนี้ต่อผู้ที่หวังพึ่งเขา
  • 22 แต่ถ้าท่านทั้งหลายจะบอกเราว่า “เราพึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเรา” ก็ปูชนียสถานสูงและแท่นบูชาของพระนั้นมิใช่หรือ ที่เฮเซคียาห์รื้อทิ้งเสียแล้วพลางกล่าวแก่ยูดาห์ และเยรูซาเล็มว่า “ท่านทั้งหลายจงนมัสการที่หน้าแท่นบูชานี้ใน เยรูซาเล็มเถิด”
  • 23 มาเถิดมาทำสัญญากันกับ พระราชาแห่งอัสซีเรียนายของข้าว่า เราจะให้ม้าสองพันตัวแก่เจ้า ถ้าฝ่ายเจ้าหาคนขี่ม้าเหล่านั้นได้
  • 24 แล้วอย่างนั้นเจ้าจะขับไล่นายกองแต่ เพียงคนเดียวในหมู่ข้าราชการผู้น้อยที่สุดของนาย ของเราอย่างไรได้ แต่เจ้ายังวางใจพึ่งอียิปต์เพื่อรถรบและเพื่อพลม้า
  • 25 ยิ่งกว่านั้นอีกที่เรามาต่อสู้สถานที่นี้เพื่อทำลายเสีย ก็ขึ้นมาโดยปราศจากพระเจ้าหรือพระเจ้าตรัสแก่ข้าว่า จงขึ้นไปต่อสู้กับแผ่นดินนี้และทำลายเสีย’ ”
  • 26 แล้วเอลียาคิมบุตรฮิลคียาห์และเชบนาห์และโยอาห์ เรียนรับชาเคห์ว่า “ขอทีเถอะ ขอพูดกับผู้รับใช้ของท่านเป็นภาษาอารัมเถิด เพราะเราเข้าใจภาษานั้น ขออย่าพูดกับเราเป็นภาษายูดายให้ ประชาชนผู้อยู่บนกำแพงนั้นได้ยินเลย”
  • 27 แต่รับชาเคห์พูดกับเขาทั้งหลายว่า “นายของข้าใช้ให้เรามาพูดถ้อยคำเหล่านี้แก่นายของเจ้า และแก่เจ้าและไม่ให้พูดกับคนที่นั่งอยู่บนกำแพง ผู้ที่จะต้องกินขี้และกินเยี่ยวของเขาพร้อมกับเจ้า อย่างนั้นหรือ”
  • 28 แล้วรับชาเคห์ร้องตะโกนเสียงดังเป็นภาษายูดายว่า “จงฟังพระวจนะของพระมหาราชา คือพระราชาแห่งอัสซีเรีย
  • 29 พระราชาตรัสดังนี้ว่า ‘อย่าให้เฮเซคียาห์ลวงเจ้า เพราะเขาจะไม่สามารถช่วยกู้เจ้าจากพระหัตถ์ของพระองค์
  • 30 อย่าให้เฮเซคียาห์กระทำให้เจ้าพึ่งพระเจ้าโดย กล่าวว่า ‘พระเจ้าจะทรงช่วยกู้เราแน่ และจะไม่ทรงมอบเมืองนี้ไว้ ในมือของพระราชาแห่งอัสซีเรีย’
  • 31 อย่าฟังเฮเซคียาห์ เพราะพระราชาแห่งอัสซีเรียตรัสดังนี้ว่า ‘ดีกันเถอะน่ะ และออกมาหาเรา แล้วทุกคนจะได้กินจากเถาองุ่นของตน และทุกคนจะกินจากต้นมะเดื่อของตน และทุกคนจะดื่มน้ำจากที่ขังน้ำของตน
  • 32 จนเราจะมานำเจ้าไปยังแผ่นดิน ที่เหมือนแผ่นดินของเจ้าเอง เป็นแผ่นดินที่มีข้าวและเหล้าองุ่น เป็นแผ่นดินที่มีขนมปังและสวนองุ่น แผ่นดินที่มีมะกอกเทศและน้ำผึ้ง เพื่อเจ้าทั้งหลายจะมีชีวิตอยู่และไม่ตาย และอย่าฟังเฮเซคียาห์เมื่อเขานำเจ้าผิดไปโดยกล่าวว่า พระเจ้าจะทรงช่วยกู้เราทั้งหลาย
  • 33 มีพระแห่งประชาชาติองค์ใดเคยช่วยกู้แผ่นดินของตน ให้พ้นจากพระหัตถ์ของพระราชาแห่งอัสซีเรียได้หรือ
  • 34 พระของเมืองฮามัทและเมืองอารปัดอยู่ที่ไหน พระของเมืองเสฟารวาอิม เฮนาและอิฟวาห์อยู่ที่ไหน เขาได้ช่วยกู้สะมาเรียจากมือของเราหรือ
  • 35 พระองค์ใดในบรรดาพระทั้งหมดของประเทศทั้งหลาย ได้ช่วยกู้ประเทศของตนจากมือของเราหรือ พระเจ้าจึงช่วยกู้เยรูซาเล็มจากมือของเราได้’ ”
  • 36 แต่ประชาชนนิ่งไม่ตอบเขาสักคำเดียว เพราะพระบัญชาของพระราชามีว่า “อย่าตอบเขาเลย”
  • 37 แล้วเอลียาคิมบุตรฮิลคียา ผู้บัญชาการราชสำนัก และเชบนาห์ราชเลขาและโยอาห์บุตรอาสาฟเจ้ากรมสารบรรณ ได้เข้าเฝ้าเฮเซคียาห์ด้วยเสื้อผ้าฉีกขาด และกราบทูลถ้อยคำของรับชาเคห์
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页