เพลงสดุดี-78

(ฉบับมาตรฐาน 2011)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 ความดีของพระเจ้ากับความอกตัญญูของอิสราเอล มัสคิลบทหนึ่งของอาสาฟประชากรของข้าเอ๋ย จงเงี่ยหูฟังคำสอนของข้าจงเอียงหูฟังถ้อยคำจากปากข้า
  • 2 ข้าจะอ้าปากกล่าวคำอุปมาข้าจะกล่าวคำปริศนาของโบราณกาลมธ.13:35
  • 3 ถึงสิ่งที่เราได้ยินได้ทราบที่บรรพบุรุษของเราได้บอกเรา
  • 4 เราจะไม่ซ่อนไว้จากลูกหลานของพวกเขาแต่จะบอกแก่คนรุ่นหลังถึงพระราชกิจอันน่าสรรเสริญของพระยาห์เวห์ และฤทธานุภาพของพระองค์และการอัศจรรย์ต่างๆ ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำ
  • 5 เพราะพระองค์ทรงสถาปนาพระโอวาทไว้ในยาโคบและทรงตั้งธรรมบัญญัติไว้ในอิสราเอลซึ่งพระองค์ทรงบัญชาแก่บรรพบุรุษของเราว่าให้แจ้งเรื่องราวเหล่านั้นแก่ลูกหลานของพวกเขา
  • 6 เพื่อคนรุ่นหลังคือลูกหลานที่จะเกิดมา จะทราบเรื่องและจะลุกขึ้นบอกลูกหลานของพวกเขาต่อไปอีก
  • 7 เพื่อพวกเขาจะตั้งความหวังไว้ในพระเจ้าและไม่ลืมพระราชกิจของพระเจ้าแต่รักษาพระบัญญัติของพระองค์
  • 8 และเพื่อพวกเขาจะมิได้เหมือนบรรพบุรุษซึ่งเป็นชาติพันธุ์ที่ดื้อดึงและมักกบฏชาติพันธุ์ที่จิตใจไม่มั่นคงผู้ซึ่งจิตวิญญาณของเขาไม่ซื่อตรงต่อพระเจ้า
  • 9 คนเอฟราอิม พร้อมสรรพไปด้วยคันธนูได้หันกลับในวันสงคราม
  • 10 เขาทั้งหลายมิได้รักษาพันธสัญญาของพระเจ้าและปฏิเสธที่จะเดินตามธรรมบัญญัติของพระองค์
  • 11 พวกเขาลืมบรรดากิจการของพระองค์และลืมการอัศจรรย์ต่างๆ ซึ่งพระองค์ทรงสำแดงแก่พวกเขา
  • 12 พระองค์ทรงทำการอัศจรรย์ต่อหน้าต่อตาบรรพบุรุษของพวกเขาในแผ่นดินอียิปต์ อพย.7:8-12:32 ในไร่นาโศอัน
  • 13 พระองค์ทรงแยกทะเลและทรงให้พวกเขาเดินผ่านไปและทรงทำให้น้ำตั้งขึ้นเป็นพะเนินอพย.14:21-22
  • 14 ในกลางวันพระองค์ทรงนำพวกเขาด้วยเมฆและด้วยแสงไฟตลอดคืนยังรุ่งอพย.13:21-22
  • 15 พระองค์ทรงแยกศิลาเป็นช่องในถิ่นทุรกันดารและทรงให้พวกเขาดื่มน้ำอย่างมากมายเหมือนมาจากที่ลึก
  • 16 พระองค์ทรงทำให้ลำธารออกมาจากหินและทรงทำให้น้ำไหลลงมาเหมือนแม่น้ำอพย.17:1-7; กดว.20:2-13
  • 17 แต่พวกเขายังทำบาปมากยิ่งขึ้นต่อพระองค์ได้กบฏต่อองค์ผู้สูงสุดในที่แห้งแล้ง
  • 18 พวกเขาทดลองพระเจ้าในใจของเขาโดยเรียกร้องอาหารที่เขาอยาก
  • 19 พวกเขาพูดหมิ่นพระเจ้าว่า“พระเจ้าจะทรงเตรียมโต๊ะอาหารแปลได้อีกว่า จะประทานอาหารในถิ่นทุรกันดารได้หรือ?
  • 20 จริงอยู่ พระองค์ทรงตีศิลาให้น้ำพุ่งออกมาแล้วลำธารก็ไหลล้นแต่พระองค์จะประทานอาหารด้วยได้หรือ?จะทรงจัดเนื้อให้ประชากรของพระองค์ได้หรือ?”
  • 21 เพราะฉะนั้น เมื่อพระยาห์เวห์ทรงสดับแล้ว พระองค์ก็ทรงเกรี้ยวกราดมีไฟลุกโพลงขึ้นสู้ยาโคบความกริ้วของพระองค์ทวีขึ้นสู้อิสราเอล
  • 22 เพราะพวกเขาไม่เชื่อพระเจ้าและไม่ไว้วางใจในการช่วยกู้ของพระองค์
  • 23 พระองค์ยังทรงบัญชาเมฆเบื้องบนและทรงเปิดประตูฟ้าสวรรค์
  • 24 พระองค์ทรงโปรยมานาลงมาให้พวกเขากินและประทานอาหารจากฟ้าสวรรค์แก่เขายน.6:31
  • 25 มนุษย์ได้กินอาหารของทูตสวรรค์พระองค์ทรงส่งเสบียงให้เขาอย่างบริบูรณ์
  • 26 พระองค์ทรงทำให้ลมตะวันออกพัดในฟ้าสวรรค์และทรงนำลมใต้ออกมาด้วยฤทธานุภาพของพระองค์
  • 27 พระองค์ทรงโปรยเนื้อให้พวกเขาอย่างผงคลีคือนก อย่างทรายในทะเล
  • 28 พระองค์ทรงให้มันตกลงมากลางค่ายของพวกเขาและรอบที่อาศัยของเขา
  • 29 พวกเขาได้กินอิ่มหนำเพราะพระองค์ประทานสิ่งที่เขาอยากแก่เขา
  • 30 แต่ก่อนที่พวกเขาจะหายอยากขณะที่อาหารยังอยู่ในปากของเขา
  • 31 ความกริ้วของพระเจ้าก็พลุ่งขึ้นต่อพวกเขาและพระองค์ทรงสังหารคนแข็งแรงที่สุดของเขาเสียและทรงคว่ำคนหนุ่มในอิสราเอลอพย.16:2-15; กดว.11:4-23,31-35
  • 32 ถึงมีเรื่องทั้งสิ้นนี้ พวกเขาก็ยังทำบาปและมิได้เชื่อถือการอัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์
  • 33 พระองค์จึงทรงทำให้วันของพวกเขาหายไปดังลมหายใจและทรงให้ปีของเขาหายไปอย่างน่าสยดสยอง
  • 34 เมื่อพระองค์ทรงสังหารพวกเขา เขาก็แสวงหาพระองค์เขาได้กลับมาเสาะหาพระเจ้าด้วยใจกระตือรือร้น
  • 35 พวกเขาระลึกว่าพระเจ้าทรงเป็นพระศิลาของเขาและพระเจ้าผู้สูงสุดทรงเป็นพระผู้ไถ่ของเขา
  • 36 แต่พวกเขาลวงพระองค์ด้วยปากและด้วยลิ้น พวกเขาก็มุสาต่อพระองค์
  • 37 เพราะใจของพวกเขาไม่ภักดีต่อพระองค์กจ.8:21เขาไม่ซื่อตรงต่อพันธสัญญาของพระองค์
  • 38 ถึงกระนั้น ด้วยพระกรุณาพระองค์ทรงอภัยความชั่วของเขาและมิได้ทรงทำลายเขาพระองค์ทรงยับยั้งความกริ้วของพระองค์บ่อยๆและมิได้กวนพระพิโรธทั้งสิ้นของพระองค์ขึ้นมา
  • 39 พระองค์ทรงระลึกว่าพวกเขาเป็นเพียงเนื้อหนังเป็นลมที่ผ่านไปแล้วมิได้กลับมาอีก
  • 40 พวกเขากบฏต่อพระองค์ในถิ่นทุรกันดารและทำให้พระองค์โทมนัสในที่แห้งแล้งบ่อยถึงเพียงนี้
  • 41 พวกเขายังทดลองพระเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่าและได้ทำให้องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลเศร้าพระทัย
  • 42 พวกเขามิได้ระลึกถึงฤทธานุภาพของพระองค์หรือวันที่พระองค์ทรงไถ่เขาจากคู่อริ
  • 43 เมื่อพระองค์ทรงทำบรรดาหมายสำคัญของพระองค์ในอียิปต์และการอัศจรรย์ทั้งหลายของพระองค์ในไร่นาโศอัน
  • 44 พระองค์ทรงเปลี่ยนแม่น้ำของพวกเขาให้เป็นเลือดเขาจึงดื่มจากลำธารของเขาไม่ได้อพย.7:17-21
  • 45 พระองค์ทรงส่งฝูงเหลือบอพย.8:20-24 มาท่ามกลางพวกเขา มันกัดกินเขาและทรงส่งฝูงกบอพย.8:1-6 ซึ่งทำลายเขา
  • 46 พระองค์ประทานพืชผลของพวกเขาแก่ตั๊กแตนตัวอ่อนและผลผลิตของเขาแก่ตั๊กแตนวัยบินอพย.10:12-15
  • 47 พระองค์ทรงทำลายเถาองุ่นของพวกเขาด้วยลูกเห็บและต้นมะเดื่อของเขาด้วยน้ำค้างแข็ง
  • 48 พระองค์ทรงมอบฝูงวัวของพวกเขาแก่ลูกเห็บและฝูงปศุสัตว์ของเขาแก่ฟ้าผ่าอพย.9:22-25
  • 49 พระองค์ทรงปล่อยความกริ้วอันร้อนแรงของพระองค์มาเหนือพวกเขาทั้งความเกรี้ยวกราด ความโกรธ และความทุกข์ลำบากคือคณะทูตสวรรค์ผู้ทำลาย
  • 50 พระองค์ทรงเปิดทางให้แก่ความกริ้วของพระองค์พระองค์มิได้ทรงละเว้นพวกเขาจากความตายแต่ทรงมอบชีวิตของเขาแก่โรคระบาด
  • 51 พระองค์ทรงประหารลูกหัวปีทั้งสิ้นในอียิปต์อพย.12:29คือผลแรกแห่งกำลังของพวกเขาในเต็นท์ของฮาม
  • 52 แล้วพระองค์ทรงนำประชากรของพระองค์ออกมาเหมือนนำแกะและทรงพาพวกเขาไปในถิ่นทุรกันดารเหมือนพาฝูงแพะแกะอพย.13:17-22
  • 53 พระองค์ทรงนำพวกเขาไปอย่างปลอดภัย เขาจึงไม่กลัวแต่ทะเลท่วมศัตรูของพวกเขาอพย.14:26-28
  • 54 และพระองค์ทรงพาพวกเขามายังแดนบริสุทธิ์ของพระองค์อพย.15:17; ยชว.3:14-17ยังภูเขานี้ซึ่งพระหัตถ์ขวาของพระองค์ได้เนรมิตขึ้น
  • 55 พระองค์ทรงขับประชาชาติต่างๆ ออกไปต่อหน้าพวกเขายชว.11:16-23พระองค์ทรงวัดแบ่งแดนประชาชาตินั้นให้เป็นมรดกและทรงตั้งเผ่าทั้งหลายของอิสราเอลให้อยู่ในเต็นท์ของตน
  • 56 แต่เขาทั้งหลายยังทดลองและกบฏต่อพระเจ้าผู้สูงสุดวนฉ.2:11-15มิได้เชื่อฟังพระโอวาทของพระองค์
  • 57 กลับหันไปเสียและประพฤติทรยศอย่างบรรพบุรุษของพวกเขาเขาบิดไปเหมือนคันธนูที่ไว้ใจไม่ได้
  • 58 เพราะพวกเขายั่วเย้าพระองค์ให้กริ้วด้วยเรื่องปูชนียสถานสูงของเขาได้ทำให้พระองค์ทรงหวงแหนเขาด้วยเรื่องรูปเคารพแกะสลักของเขา
  • 59 เมื่อพระเจ้าทรงสดับแล้ว พระองค์ก็ทรงเกรี้ยวกราดและทรงปฏิเสธอิสราเอลอย่างเด็ดขาด
  • 60 พระองค์ทรงละที่ประทับในเมืองชิโลห์คือพลับพลาที่พระองค์ทรงตั้งไว้ท่ามกลางมนุษย์ยชว.18:1; ยรม.7:12-14; 26:6
  • 61 และทรงให้ฤทธานุภาพในที่นี้หมายถึง หีบพันธสัญญา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เล็งถึงฤทธานุภาพและพระสิริของพระเจ้าแห่งอิสราเอลของพระองค์แก่การเป็นเชลยและชนอันเป็นพระสิริของพระองค์แก่มือของคู่อริ1 ซมอ.4:4-22
  • 62 พระองค์ทรงมอบประชากรของพระองค์แก่ดาบและทรงเกรี้ยวกราดต่อมรดกของพระองค์
  • 63 หนุ่มๆ ของเขาถูกไฟเผาผลาญสาวๆ ของเขาจึงไม่มีเพลงแต่งงาน
  • 64 ปุโรหิตของเขาล้มลงด้วยดาบและหญิงม่ายของเขาไม่อาจร้องไห้ไว้ทุกข์
  • 65 แล้วองค์เจ้านายทรงตื่นอย่างตื่นบรรทมอย่างนักรบโห่ร้องเพราะฤทธิ์เหล้าองุ่น
  • 66 และพระองค์ทรงตีคู่อริของพระองค์ให้ถอยหลังและให้เขาถูกเยาะเย้ยเป็นนิตย์
  • 67 พระองค์ทรงปฏิเสธเต็นท์ของโยเซฟพระองค์มิได้ทรงเลือกเผ่าเอฟราอิม
  • 68 แต่พระองค์ทรงเลือกเผ่ายูดาห์ภูเขาศิโยนซึ่งพระองค์ทรงรัก
  • 69 พระองค์ทรงสร้างสถานนมัสการของพระองค์ อย่างกับฟ้าสวรรค์สูงอย่างแผ่นดินโลกซึ่งพระองค์ทรงตั้งไว้เป็นนิตย์
  • 70 พระองค์ทรงเลือกดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ทรงพาท่านมาจากคอกแกะ
  • 71 พระองค์ทรงพาท่านมาจากการดูแลแม่แกะที่มีลูกอ่อนให้เป็นผู้เลี้ยงดูยาโคบประชากรของพระองค์ดุจเลี้ยงแกะคืออิสราเอลมรดกของพระองค์1 ซมอ.16:11-12;2 ซมอ.7:8;1 พศด.17:7
  • 72 ท่านจึงเลี้ยงดูพวกเขาด้วยใจเที่ยงธรรมและนำเขาไปด้วยมือช่ำชอง
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页