1
ความดีของพระเจ้ากับความอกตัญญูของอิสราเอล มัสคิลบทหนึ่งของอาสาฟประชากรของข้าเอ๋ย จงเงี่ยหูฟังคำสอนของข้าจงเอียงหูฟังถ้อยคำจากปากข้า
2
ข้าจะอ้าปากกล่าวคำอุปมาข้าจะกล่าวคำปริศนาของโบราณกาลมธ.13:35
3
ถึงสิ่งที่เราได้ยินได้ทราบที่บรรพบุรุษของเราได้บอกเรา
4
เราจะไม่ซ่อนไว้จากลูกหลานของพวกเขาแต่จะบอกแก่คนรุ่นหลังถึงพระราชกิจอันน่าสรรเสริญของพระยาห์เวห์ และฤทธานุภาพของพระองค์และการอัศจรรย์ต่างๆ ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำ
5
เพราะพระองค์ทรงสถาปนาพระโอวาทไว้ในยาโคบและทรงตั้งธรรมบัญญัติไว้ในอิสราเอลซึ่งพระองค์ทรงบัญชาแก่บรรพบุรุษของเราว่าให้แจ้งเรื่องราวเหล่านั้นแก่ลูกหลานของพวกเขา
6
เพื่อคนรุ่นหลังคือลูกหลานที่จะเกิดมา จะทราบเรื่องและจะลุกขึ้นบอกลูกหลานของพวกเขาต่อไปอีก
7
เพื่อพวกเขาจะตั้งความหวังไว้ในพระเจ้าและไม่ลืมพระราชกิจของพระเจ้าแต่รักษาพระบัญญัติของพระองค์
8
และเพื่อพวกเขาจะมิได้เหมือนบรรพบุรุษซึ่งเป็นชาติพันธุ์ที่ดื้อดึงและมักกบฏชาติพันธุ์ที่จิตใจไม่มั่นคงผู้ซึ่งจิตวิญญาณของเขาไม่ซื่อตรงต่อพระเจ้า
9
คนเอฟราอิม พร้อมสรรพไปด้วยคันธนูได้หันกลับในวันสงคราม
10
เขาทั้งหลายมิได้รักษาพันธสัญญาของพระเจ้าและปฏิเสธที่จะเดินตามธรรมบัญญัติของพระองค์
11
พวกเขาลืมบรรดากิจการของพระองค์และลืมการอัศจรรย์ต่างๆ ซึ่งพระองค์ทรงสำแดงแก่พวกเขา
12
พระองค์ทรงทำการอัศจรรย์ต่อหน้าต่อตาบรรพบุรุษของพวกเขาในแผ่นดินอียิปต์ อพย.7:8-12:32 ในไร่นาโศอัน
13
พระองค์ทรงแยกทะเลและทรงให้พวกเขาเดินผ่านไปและทรงทำให้น้ำตั้งขึ้นเป็นพะเนินอพย.14:21-22
14
ในกลางวันพระองค์ทรงนำพวกเขาด้วยเมฆและด้วยแสงไฟตลอดคืนยังรุ่งอพย.13:21-22
15
พระองค์ทรงแยกศิลาเป็นช่องในถิ่นทุรกันดารและทรงให้พวกเขาดื่มน้ำอย่างมากมายเหมือนมาจากที่ลึก
16
พระองค์ทรงทำให้ลำธารออกมาจากหินและทรงทำให้น้ำไหลลงมาเหมือนแม่น้ำอพย.17:1-7; กดว.20:2-13
17
แต่พวกเขายังทำบาปมากยิ่งขึ้นต่อพระองค์ได้กบฏต่อองค์ผู้สูงสุดในที่แห้งแล้ง
18
พวกเขาทดลองพระเจ้าในใจของเขาโดยเรียกร้องอาหารที่เขาอยาก
19
พวกเขาพูดหมิ่นพระเจ้าว่า“พระเจ้าจะทรงเตรียมโต๊ะอาหารแปลได้อีกว่า จะประทานอาหารในถิ่นทุรกันดารได้หรือ?
20
จริงอยู่ พระองค์ทรงตีศิลาให้น้ำพุ่งออกมาแล้วลำธารก็ไหลล้นแต่พระองค์จะประทานอาหารด้วยได้หรือ?จะทรงจัดเนื้อให้ประชากรของพระองค์ได้หรือ?”
21
เพราะฉะนั้น เมื่อพระยาห์เวห์ทรงสดับแล้ว พระองค์ก็ทรงเกรี้ยวกราดมีไฟลุกโพลงขึ้นสู้ยาโคบความกริ้วของพระองค์ทวีขึ้นสู้อิสราเอล
22
เพราะพวกเขาไม่เชื่อพระเจ้าและไม่ไว้วางใจในการช่วยกู้ของพระองค์
23
พระองค์ยังทรงบัญชาเมฆเบื้องบนและทรงเปิดประตูฟ้าสวรรค์
24
พระองค์ทรงโปรยมานาลงมาให้พวกเขากินและประทานอาหารจากฟ้าสวรรค์แก่เขายน.6:31
25
มนุษย์ได้กินอาหารของทูตสวรรค์พระองค์ทรงส่งเสบียงให้เขาอย่างบริบูรณ์
26
พระองค์ทรงทำให้ลมตะวันออกพัดในฟ้าสวรรค์และทรงนำลมใต้ออกมาด้วยฤทธานุภาพของพระองค์
27
พระองค์ทรงโปรยเนื้อให้พวกเขาอย่างผงคลีคือนก อย่างทรายในทะเล
28
พระองค์ทรงให้มันตกลงมากลางค่ายของพวกเขาและรอบที่อาศัยของเขา
29
พวกเขาได้กินอิ่มหนำเพราะพระองค์ประทานสิ่งที่เขาอยากแก่เขา
30
แต่ก่อนที่พวกเขาจะหายอยากขณะที่อาหารยังอยู่ในปากของเขา
31
ความกริ้วของพระเจ้าก็พลุ่งขึ้นต่อพวกเขาและพระองค์ทรงสังหารคนแข็งแรงที่สุดของเขาเสียและทรงคว่ำคนหนุ่มในอิสราเอลอพย.16:2-15; กดว.11:4-23,31-35
32
ถึงมีเรื่องทั้งสิ้นนี้ พวกเขาก็ยังทำบาปและมิได้เชื่อถือการอัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์
33
พระองค์จึงทรงทำให้วันของพวกเขาหายไปดังลมหายใจและทรงให้ปีของเขาหายไปอย่างน่าสยดสยอง
34
เมื่อพระองค์ทรงสังหารพวกเขา เขาก็แสวงหาพระองค์เขาได้กลับมาเสาะหาพระเจ้าด้วยใจกระตือรือร้น
35
พวกเขาระลึกว่าพระเจ้าทรงเป็นพระศิลาของเขาและพระเจ้าผู้สูงสุดทรงเป็นพระผู้ไถ่ของเขา
36
แต่พวกเขาลวงพระองค์ด้วยปากและด้วยลิ้น พวกเขาก็มุสาต่อพระองค์
37
เพราะใจของพวกเขาไม่ภักดีต่อพระองค์กจ.8:21เขาไม่ซื่อตรงต่อพันธสัญญาของพระองค์
38
ถึงกระนั้น ด้วยพระกรุณาพระองค์ทรงอภัยความชั่วของเขาและมิได้ทรงทำลายเขาพระองค์ทรงยับยั้งความกริ้วของพระองค์บ่อยๆและมิได้กวนพระพิโรธทั้งสิ้นของพระองค์ขึ้นมา
39
พระองค์ทรงระลึกว่าพวกเขาเป็นเพียงเนื้อหนังเป็นลมที่ผ่านไปแล้วมิได้กลับมาอีก
40
พวกเขากบฏต่อพระองค์ในถิ่นทุรกันดารและทำให้พระองค์โทมนัสในที่แห้งแล้งบ่อยถึงเพียงนี้
41
พวกเขายังทดลองพระเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่าและได้ทำให้องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลเศร้าพระทัย
42
พวกเขามิได้ระลึกถึงฤทธานุภาพของพระองค์หรือวันที่พระองค์ทรงไถ่เขาจากคู่อริ
43
เมื่อพระองค์ทรงทำบรรดาหมายสำคัญของพระองค์ในอียิปต์และการอัศจรรย์ทั้งหลายของพระองค์ในไร่นาโศอัน
44
พระองค์ทรงเปลี่ยนแม่น้ำของพวกเขาให้เป็นเลือดเขาจึงดื่มจากลำธารของเขาไม่ได้อพย.7:17-21
45
พระองค์ทรงส่งฝูงเหลือบอพย.8:20-24 มาท่ามกลางพวกเขา มันกัดกินเขาและทรงส่งฝูงกบอพย.8:1-6 ซึ่งทำลายเขา
46
พระองค์ประทานพืชผลของพวกเขาแก่ตั๊กแตนตัวอ่อนและผลผลิตของเขาแก่ตั๊กแตนวัยบินอพย.10:12-15
47
พระองค์ทรงทำลายเถาองุ่นของพวกเขาด้วยลูกเห็บและต้นมะเดื่อของเขาด้วยน้ำค้างแข็ง
48
พระองค์ทรงมอบฝูงวัวของพวกเขาแก่ลูกเห็บและฝูงปศุสัตว์ของเขาแก่ฟ้าผ่าอพย.9:22-25
49
พระองค์ทรงปล่อยความกริ้วอันร้อนแรงของพระองค์มาเหนือพวกเขาทั้งความเกรี้ยวกราด ความโกรธ และความทุกข์ลำบากคือคณะทูตสวรรค์ผู้ทำลาย
50
พระองค์ทรงเปิดทางให้แก่ความกริ้วของพระองค์พระองค์มิได้ทรงละเว้นพวกเขาจากความตายแต่ทรงมอบชีวิตของเขาแก่โรคระบาด
51
พระองค์ทรงประหารลูกหัวปีทั้งสิ้นในอียิปต์อพย.12:29คือผลแรกแห่งกำลังของพวกเขาในเต็นท์ของฮาม
52
แล้วพระองค์ทรงนำประชากรของพระองค์ออกมาเหมือนนำแกะและทรงพาพวกเขาไปในถิ่นทุรกันดารเหมือนพาฝูงแพะแกะอพย.13:17-22
53
พระองค์ทรงนำพวกเขาไปอย่างปลอดภัย เขาจึงไม่กลัวแต่ทะเลท่วมศัตรูของพวกเขาอพย.14:26-28
54
และพระองค์ทรงพาพวกเขามายังแดนบริสุทธิ์ของพระองค์อพย.15:17; ยชว.3:14-17ยังภูเขานี้ซึ่งพระหัตถ์ขวาของพระองค์ได้เนรมิตขึ้น
55
พระองค์ทรงขับประชาชาติต่างๆ ออกไปต่อหน้าพวกเขายชว.11:16-23พระองค์ทรงวัดแบ่งแดนประชาชาตินั้นให้เป็นมรดกและทรงตั้งเผ่าทั้งหลายของอิสราเอลให้อยู่ในเต็นท์ของตน
56
แต่เขาทั้งหลายยังทดลองและกบฏต่อพระเจ้าผู้สูงสุดวนฉ.2:11-15มิได้เชื่อฟังพระโอวาทของพระองค์
57
กลับหันไปเสียและประพฤติทรยศอย่างบรรพบุรุษของพวกเขาเขาบิดไปเหมือนคันธนูที่ไว้ใจไม่ได้
58
เพราะพวกเขายั่วเย้าพระองค์ให้กริ้วด้วยเรื่องปูชนียสถานสูงของเขาได้ทำให้พระองค์ทรงหวงแหนเขาด้วยเรื่องรูปเคารพแกะสลักของเขา
59
เมื่อพระเจ้าทรงสดับแล้ว พระองค์ก็ทรงเกรี้ยวกราดและทรงปฏิเสธอิสราเอลอย่างเด็ดขาด
60
พระองค์ทรงละที่ประทับในเมืองชิโลห์คือพลับพลาที่พระองค์ทรงตั้งไว้ท่ามกลางมนุษย์ยชว.18:1; ยรม.7:12-14; 26:6
61
และทรงให้ฤทธานุภาพในที่นี้หมายถึง หีบพันธสัญญา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เล็งถึงฤทธานุภาพและพระสิริของพระเจ้าแห่งอิสราเอลของพระองค์แก่การเป็นเชลยและชนอันเป็นพระสิริของพระองค์แก่มือของคู่อริ1 ซมอ.4:4-22
62
พระองค์ทรงมอบประชากรของพระองค์แก่ดาบและทรงเกรี้ยวกราดต่อมรดกของพระองค์
63
หนุ่มๆ ของเขาถูกไฟเผาผลาญสาวๆ ของเขาจึงไม่มีเพลงแต่งงาน
64
ปุโรหิตของเขาล้มลงด้วยดาบและหญิงม่ายของเขาไม่อาจร้องไห้ไว้ทุกข์
65
แล้วองค์เจ้านายทรงตื่นอย่างตื่นบรรทมอย่างนักรบโห่ร้องเพราะฤทธิ์เหล้าองุ่น
66
และพระองค์ทรงตีคู่อริของพระองค์ให้ถอยหลังและให้เขาถูกเยาะเย้ยเป็นนิตย์
67
พระองค์ทรงปฏิเสธเต็นท์ของโยเซฟพระองค์มิได้ทรงเลือกเผ่าเอฟราอิม
68
แต่พระองค์ทรงเลือกเผ่ายูดาห์ภูเขาศิโยนซึ่งพระองค์ทรงรัก
69
พระองค์ทรงสร้างสถานนมัสการของพระองค์ อย่างกับฟ้าสวรรค์สูงอย่างแผ่นดินโลกซึ่งพระองค์ทรงตั้งไว้เป็นนิตย์
70
พระองค์ทรงเลือกดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ทรงพาท่านมาจากคอกแกะ
71
พระองค์ทรงพาท่านมาจากการดูแลแม่แกะที่มีลูกอ่อนให้เป็นผู้เลี้ยงดูยาโคบประชากรของพระองค์ดุจเลี้ยงแกะคืออิสราเอลมรดกของพระองค์1 ซมอ.16:11-12;2 ซมอ.7:8;1 พศด.17:7
72
ท่านจึงเลี้ยงดูพวกเขาด้วยใจเที่ยงธรรมและนำเขาไปด้วยมือช่ำชอง