ลูกา-10

(พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 พวกเจ็ดสิบคนออกประกาศ ภายหลังเหตุการณ์เหล่านั้น พระเยซูทรงตั้งสาวกอื่นอีกเจ็ดสิบคนไว้ และใช้เขาออกไปทีละสองคนๆ ให้ล่วงหน้าพระองค์ไปก่อน ให้เข้าไปทุกเมืองและทุกตำบลที่พระองค์จะเสด็จไปนั้น
  • 2 พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมากแต่คนงานยังน้อยอยู่ เหตุฉะนั้น พวกท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนา ให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์ มธ. 9:37-38
  • 3 ไปเถอะ ดูเถิด เราใช้ท่านทั้งหลายไปดุจลูกแกะอยู่ท่ามกลางฝูงสุนัขป่า มธ. 10:16
  • 4 อย่าเอาไถ้เงิน หรือย่าม หรือรองเท้าไป และอย่าคำนับผู้ใดตามทาง
  • 5 ถ้าจะเข้าไปในเรือนใดๆ จงพูดก่อนว่า ‘ให้ความสุขมีแก่เรือนนี้เถิด’
  • 6 ถ้าลูกแห่งสันติสุขอยู่ที่นั่น สันติสุขของท่านจะอยู่กับเขา ถ้าหาไม่ สันติสุขของท่านจะกลับอยู่กับท่านอีก
  • 7 จงอาศัยอยู่ในเรือนนั้น กินและดื่มของซึ่งเขาจะให้นั้น ด้วยว่าผู้ทำงานสมควรจะได้รับค่าจ้างของตน 1 คร. 9:14;1 ทธ. 5:18 อย่าเที่ยวจากเรือนนี้ไปเรือนโน้น
  • 8 ถ้าท่านจะเข้าไปในเมืองใดๆ และเขารับรองท่านไว้จงกินของที่เขาตั้งให้
  • 9 และจงรักษาคนป่วยในเมืองนั้นให้หาย และแจ้งแก่เขาว่า ‘แผ่นดินของพระเจ้ามาใกล้ท่านทั้งหลายแล้ว’
  • 10 ถ้าท่านจะเข้าไปในเมืองใดๆ และเขาไม่รับรองท่านไว้ จงออกไปที่กลางถนนเมืองนั้นกล่าวว่า
  • 11 ‘ถึงแม้ผงคลีดินแห่งเมืองของเจ้าทั้งหลายที่ติดอยู่กับเท้าของเรา เราก็สะบัดออกเป็นที่แสดงว่า เราไม่เห็นพ้องกับเจ้า กจ. 13:51 แต่เจ้าทั้งหลายจงเข้าใจความนี้เถิด คือแผ่นดินของพระเจ้ามาใกล้แล้ว’ มธ. 10:7-14; มก. 6:8-11; ลก. 9:3-5
  • 12 เราบอกท่านทั้งหลายว่า โทษของเมืองโสโดมในวันนั้นจะเบากว่าโทษของเมืองนั้น ปฐก. 19:24-28; มธ. 11:24 มธ. 10:15วิบัติแก่เมืองที่ไม่ได้กลับใจใหม่
  • 13 ( มธ. 11:20-24 ) “วิบัติแก่เจ้า เมืองโคราซิน วิบัติแก่เจ้า เมืองเบธไซดา ถ้าการมหัศจรรย์ซึ่งได้กระทำท่ามกลางเจ้าได้กระทำในเมืองไทระและเมืองไซดอน อสย. 23:1-18; อสค. 26:1-28:26; ยอล. 3:4-8; อมส. 1:9-10; ศคย. 9:2-4 คนในเมืองทั้งสองคงได้นุ่งห่มผ้ากระสอบ นั่งบนขี้เถ้า กลับใจเสียใหม่นานมาแล้ว
  • 14 แต่ในวันพิพากษานั้น โทษเมืองไทระและเมืองไซดอนจะเบากว่าโทษของเจ้า
  • 15 ฝ่ายเจ้าเมืองคาเปอรนาอุม เจ้าจะถูกยกขึ้นเทียมฟ้าหรือ มิได้ เจ้าจะต้องลงไปถึงแดนคนตายต่างหาก อสย. 14:13-15
  • 16 “ผู้ที่ฟังท่านทั้งหลายก็ได้ฟังเรา มธ. 10:40; มก. 9:37; ลก. 9:48; ยน. 13:20 ผู้ที่ไม่ยอมรับท่านทั้งหลายก็ไม่ยอมรับเรา ผู้ที่ไม่ยอมรับเราก็ไม่ยอมรับผู้ที่ใช้เรามา”
  • 17 พวกเจ็ดสิบคนกลับมา ฝ่ายสาวกเจ็ดสิบคนนั้นกลับมาด้วยความปรีดีทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ถึงผีทั้งหลายก็ได้อยู่ใต้บังคับของพวกข้าพระองค์โดยพระนามของพระองค์”
  • 18 พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “เราได้เห็นซาตาน ชื่อหนึ่งของมาร หมายความว่า ผู้ขัดขวาง (ปฏิปักษ์) ตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ
  • 19 ดูเถิด เราได้ให้พวกท่านมีอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่อง สดด. 91:13 และมีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่ากำลังศัตรู ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะทำอันตรายแก่ท่านได้เลย
  • 20 แต่ว่าอย่าเปรมปรีดิ์ในสิ่งนี้ คือที่พวกผีอยู่ใต้บังคับของพวกท่าน แต่จงเปรมปรีดิ์ เพราะชื่อของท่านจดไว้ในสวรรค์”พระเยซูทรงเปรมปรีดิ์
  • 21 ( มธ. 11:25-27 ; 13:16-17 ) ในโมงนั้นเอง พระเยซูทรงมีความเปรมปรีดิ์ในพระวิญญาณบริสุทธิ์ จึงตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดา ผู้เป็นพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และโลก ข้าพระองค์สรรเสริญพระองค์ ที่พระองค์ได้ทรงปิดบังสิ่งเหล่านี้ไว้จากผู้มีปัญญาและผู้ฉลาด แต่ได้ทรงสำแดงให้ผู้น้อยรู้ ข้าแต่พระบิดา พระองค์ทรงเห็นชอบดังนั้น
  • 22 “พระบิดาของเราได้ทรงมอบสิ่งสารพัดให้แก่เรา ยน. 3:35 และไม่มีใครรู้ว่าพระบุตรเป็นผู้ใดนอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้ว่าพระบิดาเป็นผู้ใดนอกจากพระบุตร ยน. 10:15 และผู้ที่พระบุตรประสงค์จะสำแดงให้รู้”
  • 23 พระองค์ทรงเหลียวหลังทอดพระเนตรเหล่าสาวก ตรัสเฉพาะแก่พวกเขาว่า “นัยน์ตาทั้งหลายที่ได้เห็นการณ์ซึ่งพวกท่านได้เห็นก็เป็นสุข
  • 24 เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่า ผู้เผยพระวจนะหลายคน และกษัตริย์หลายองค์ปรารถนาจะเห็นซึ่งท่านทั้งหลายเห็นอยู่นี้ แต่เขามิได้เคยเห็น และอยากจะได้ยินซึ่งพวกท่านทั้งหลายได้ยิน แต่เขามิเคยได้ยิน”
  • 25 ชาวสะมาเรียผู้ใจดี ดูเถิด มีบาเรียนคนหนึ่งยืนขึ้นทดลองพระองค์ ทูลถามว่า “อาจารย์เจ้าข้า ข้าพเจ้าจะต้องทำอะไรเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร์”
  • 26 พระองค์ตรัสตอบว่า “ในธรรมบัญญัติมีคำเขียนว่าอย่างไร ท่านได้อ่านเข้าใจอย่างไร”
  • 27 เขาทูลตอบว่า “จงรักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของเจ้า ด้วยสุดกำลังและสิ้นสุดความคิดของเจ้า ฉธบ. 6:5 และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ลนต. 19:18”
  • 28 พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า “ท่านตอบถูกแล้ว จงกระทำอย่างนั้นแล้วจะได้ชีวิต ลนต. 18:5” มธ. 22:35-40; มก. 12:28-34
  • 29 แต่คนนั้นปรารถนาจะแก้ตัว จึงทูลพระเยซูว่า “ใครเป็นเพื่อนบ้านของข้าพเจ้า”
  • 30 พระเยซูตรัสตอบว่า “มีชายคนหนึ่งลงไปจากกรุงเยรูซาเล็มจะไปยังเมืองเยรีโค และเขาถูกพวกโจรปล้น โจรนั้นได้แย่งชิงเสื้อผ้าของเขาและทุบตี แล้วก็ละทิ้งเขาไว้เกือบจะตายแล้ว
  • 31 เผอิญปุโรหิตคนหนึ่งเดินลงไปทางนั้น เมื่อเห็นคนนั้นก็เดินเลยไปเสียอีกฟากหนึ่ง
  • 32 คนหนึ่งในพวกเลวีก็ทำเหมือนกัน เมื่อมาถึงที่นั่นและเห็นแล้วก็เลยไปเสียอีกฟากหนึ่ง
  • 33 แต่ชาวสะมาเรียคนหนึ่ง เมื่อเดินทางมาถึงคนนั้น ครั้นเห็นแล้วก็มีใจเมตตา
  • 34 เข้าไปหาเขาเอาผ้าพันบาดแผลให้พลางเอาน้ำมันกับเหล้าองุ่นเทใส่บาดแผลนั้น แล้วให้เขาขึ้นขี่สัตว์ของตนเอง พามาถึงโรงแรมแห่งหนึ่ง และรักษาพยาบาลเขาไว้
  • 35 วันรุ่งขึ้นเมื่อจะไป เขาก็เอาเงินสองเดนาริอันมอบให้เจ้าของโรงแรม บอกว่า ‘จงรักษาเขาไว้เถิด และเงินที่จะเสียเกินนี้ เมื่อกลับมาฉันจะใช้ให้’
  • 36 ในสามคนนั้น ท่านคิดเห็นว่าคนไหนปรากฏว่าเป็นเพื่อนบ้านของคนที่ถูกปล้น”
  • 37 เขาทูลตอบว่า “คือคนนั้นแหละที่ได้สำแดงความเมตตาแก่เขา” พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านจงไปทำเหมือนอย่างนั้นเถิด”
  • 38 พระเยซูเสด็จเยี่ยมมารธาและมารีย์ เมื่อพระองค์กับเหล่าสาวกกำลังเดินทางไป พระองค์จึงทรงเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อมารธาต้อนรับพระองค์ไว้ในเรือนของเธอ
  • 39 มารธามีน้องสาวชื่อมารีย์ ยน. 11:1 และมารีย์ก็นั่งใกล้พระบาทพระเยซูฟังถ้อยคำของพระองค์ด้วย
  • 40 แต่มารธายุ่งในการปรนนิบัติมาก จึงมาทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์ไม่สนพระทัยหรือ ซึ่งน้องสาวของข้าพระองค์ปล่อยให้ข้าพระองค์ทำการปรนนิบัติแต่คนเดียว ขอพระองค์สั่งเขาให้มาช่วยข้าพระองค์”
  • 41 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบเธอว่า “มารธา มารธาเอ๋ย เธอกระวนกระวายและร้อนใจด้วยหลายสิ่งนัก
  • 42 สิ่งซึ่งต้องการนั้นมีแต่สิ่งเดียว มารีย์ได้เลือกเอาส่วนดีนั้น ใครจะชิงเอาไปจากเธอไม่ได้”
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页