ลูกา-24

(พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 การคืนพระชนม์ ( มธ. 28:1-10 ; มก. 16:1-8 ; ยน. 20:1-10 )แต่เช้ามืดในวันต้นสัปดาห์ ผู้หญิงเหล่านั้นจึงนำเครื่องหอมที่เขาได้จัดเตรียมไว้มาถึงอุโมงค์
  • 2 เขาเหล่านั้นเห็นก้อนหินกลิ้งออกพ้นจากปากอุโมงค์แล้ว
  • 3 และเมื่อเข้าไปมิได้เห็นพระศพของพระเยซูเจ้า
  • 4 เมื่อเขากำลังคิดฉงนด้วยเหตุการณ์นั้น ดูเถิด มีชายสองคนยืนอยู่ใกล้เขา เครื่องนุ่งห่มแพรวพราวจนพร่าตา
  • 5 ฝ่ายผู้หญิงเหล่านั้นกลัวและซบหน้าลงถึงดิน ชายสองคนนั้นจึงพูดกับเขาว่า “พวกท่านแสวงหาคนเป็นในพวกคนตายทำไมเล่า
  • 6 [พระองค์ไม่อยู่ที่นี่ แต่ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว] สำเนาโบราณบางฉบับ ไม่มีความในวงเล็บปีกกานี้ จงระลึกถึงคำที่พระองค์ได้ตรัสกับท่านทั้งหลาย เมื่อพระองค์ยังอยู่ในแคว้นกาลิลี
  • 7 ว่า ‘บุตรมนุษย์จะต้องถูกอายัดไว้ในมือของคนบาป และต้องถูกตรึงที่กางเขน และวันที่สามจะเป็นขึ้นมาใหม่’ มธ. 16:21; 17:22-23; 20:18-19; มก. 8:31; 9:31; 10:33-34; ลก. 9:22; 18:31-33”
  • 8 เขาจึงระลึกถึงพระดำรัสของพระองค์ได้
  • 9 และกลับไปจากอุโมงค์ แล้วบอกเหตุการณ์ทั้งปวงนั้นแก่สาวกสิบเอ็ดคนและคนอื่นๆ ทั้งหลายด้วย
  • 10 ผู้ที่ได้บอกเหตุการณ์นั้นแก่อัครทูต คือมารีย์ชาวมักดาลา โยอันนา มารีย์มารดาของยากอบ และหญิงอื่นๆที่อยู่กับเขา
  • 11 ฝ่ายอัครทูตไม่เชื่อ ถือว่าเป็นคำเหลวไหล
  • 12 (สำเนาโบราณบางฉบับ เพิ่มข้อ 12 ว่า แต่เปโตรลุกขึ้น วิ่งไปที่อุโมงค์ ก้มลงมองดู ก็เห็นแต่ผ้าป่านเท่านั้น แล้วกลับไปคิดพิศวงถึงเหตุการณ์ซึ่งได้เป็นไปนั้น)
  • 13 การเดินทางไปเอมมาอูส วันนั้นเองมีศิษย์สองคนไปยังหมู่บ้านชื่อเอมมาอูส ไกลจากกรุงเยรูซาเล็มประมาณสิบเอ็ดกิโลเมตร
  • 14 เขาสนทนากันถึงเหตุการณ์ซึ่งได้เป็นไปนั้น
  • 15 และเมื่อเขากำลังพูดสนทนากันอยู่ พระเยซูก็เสด็จเข้ามาใกล้ดำเนินไปกับเขา
  • 16 แต่ตาเขาฟางไปและจำพระองค์ไม่ได้
  • 17 พระองค์ตรัสกับเขาว่า “เมื่อเดินมานี่ท่านโต้ตอบกันถึงเรื่องอะไร” เขาก็หยุดยืนหน้าโศกเศร้า
  • 18 คนหนึ่งชื่อเคลโอปัส จึงทูลถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นแขกเมืองอาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม แต่คนเดียวหรือที่ไม่รู้เหตุการณ์ทั้งปวง ซึ่งเป็นไปในวันเหล่านี้”
  • 19 พระองค์ตรัสถามเขาว่า “เหตุการณ์อะไร” เขาจึงตอบพระองค์ว่า “เหตุการณ์เรื่องพระเยซูชาวนาซาเร็ธผู้เป็นผู้เผยพระวจนะ ประกอบด้วยฤทธิ์เดชในการงานและในถ้อยคำจำเพาะพระเจ้า และต่อหน้าบรรดาราษฎร
  • 20 และพวกมหาปุโรหิตกับขุนนางทั้งหลายของเรา ได้อายัดท่านไว้ให้ปรับโทษถึงตาย และตรึงท่านที่กางเขน
  • 21 แต่เราทั้งหลายได้หวังใจว่าจะเป็นท่านผู้นั้นที่จะไถ่ชนชาติอิสราเอล ยิ่งกว่านั้นอีก วันนี้เป็นวันที่สามตั้งแต่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น
  • 22 ยังมีผู้หญิงบางคนในพวกเรา ที่ได้ทำให้เราประหลาดใจ นางได้ไปที่อุโมงค์เมื่อเวลาเช้ามืด
  • 23 แต่ไม่พบพระศพของพระองค์ จึงมาเล่าว่านางได้เห็นนิมิตเป็นทูตสวรรค์ และทูตนั้นบอกว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่
  • 24 บางคนที่อยู่กับเราก็ไปจนถึงอุโมงค์ และได้พบเหมือนพวกผู้หญิงเหล่านั้นได้บอก แต่เขาหาได้เห็นพระองค์ไม่”
  • 25 พระองค์ตรัสแก่สองคนนั้นว่า “โอ คนเขลา และมีใจเฉื่อยในการเชื่อบรรดาคำซึ่งพวกผู้เผยพระวจนะได้กล่าวไว้นั้น
  • 26 จำเป็นซึ่งพระคริสต์จะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างนั้น แล้วเข้าในพระสิริของพระองค์มิใช่หรือ”
  • 27 พระองค์จึงทรงอธิบายพระคัมภีร์ที่เล็งถึงพระองค์ทุกข้อให้เขาฟัง เริ่มต้นตั้งแต่โมเสสและบรรดาผู้เผยพระวจนะ
  • 28 เมื่อเขามาใกล้หมู่บ้านที่จะไปนั้น พระองค์ทรงกระทำเหมือนจะทรงดำเนินเลยไป
  • 29 เขาจึงพูดหน่วงเหนี่ยวพระองค์ว่า “เชิญท่านหยุดพักกับเราเพราะว่าจวนเย็นแล้ว และวันก็ล่วงไปมาก” พระองค์จึงเสด็จเข้าไปเพื่อพักอยู่กับเขา
  • 30 ต่อมาเมื่อพระองค์เสวยพระกระยาหารกับเขา พระองค์ทรงหยิบขนมปังโมทนาพระคุณ แล้วหักส่งให้เขา
  • 31 ตาของเขาก็หายฟางและเขาก็รู้จักพระองค์ แล้วพระองค์ก็อันตรธานไปจากเขา
  • 32 เขาจึงพูดกันว่า “ใจเราเร่าร้อนภายในเมื่อพระองค์ตรัสกับเราตามทาง เมื่อทรงอธิบายพระคัมภีร์ให้เราฟังมิใช่หรือ”
  • 33 แล้วคนทั้งสองนั้นก็ลุกขึ้นในโมงนั้นเอง กลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และพวกสาวกสิบเอ็ดคนชุมนุมกันอยู่พร้อมทั้งพรรคพวก
  • 34 กำลังพูดกันว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นขึ้นมาแล้วจริงๆ และได้ปรากฏแก่ซีโมน”
  • 35 ฝ่ายสองคนนั้นจึงเล่าความซึ่งเกิดขึ้นที่กลางทาง และที่เขาได้รู้จักพระองค์โดยการหักขนมปังนั้นพระเยซูทรงปรากฏแก่สาวกของพระองค์
  • 36 ( มธ. 28:16-20 ; มก. 16:14-18 ; ยน. 20:19-23 ) เมื่อเขาทั้งสองกำลังเล่าเหตุการณ์เหล่านั้น พระองค์เองทรงยืนอยู่ที่ท่ามกลาง สำเนาโบราณบางฉบับ เพิ่มว่า และตรัสกับเขาว่า “เจ้าทั้งหลายจงเป็นสุขเถิด”
  • 37 ฝ่ายเขาทั้งหลายสะดุ้งตกใจกลัวคิดว่าเห็นผี
  • 38 พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า “ท่านทั้งหลายวุ่นวายใจทำไม เหตุไฉนความคิดสนเท่ห์จึงบังเกิดขึ้นในใจของท่านทั้งหลายเล่า
  • 39 จงดูมือของเราและเท้าของเราว่าเป็นเราเอง จงคลำตัวเราดู เพราะว่าผีไม่มีเนื้อและกระดูกเหมือนท่านเห็นเรามีอยู่นั้น”
  • 40 (สำเนาโบราณบางฉบับ เพิ่มข้อ 40 ว่า เมื่อตรัสอย่างนั้นแล้ว พระองค์ทรงสำแดงพระหัตถ์และพระบาทให้เขาเห็น)
  • 41 เมื่อเขาทั้งหลายยังไม่ปลงใจเชื่อ เพราะเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างเหลือเชื่อ และกำลังประหลาดใจอยู่ พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า “พวกท่านมีอาหารกินที่นี่บ้างหรือ”
  • 42 เขาก็เอาปลาย่างชิ้นหนึ่งมาถวายพระองค์
  • 43 พระองค์ทรงรับมาเสวยต่อหน้าเขาทั้งหลาย
  • 44 พระองค์ตรัสกับเขาว่า “นี่เป็นถ้อยคำของเรา ซึ่งเราได้บอกไว้แก่ท่านทั้งหลาย เมื่อเรายังอยู่กับท่านว่า บรรดาคำที่เขียนไว้ในหมวดธรรมบัญญัติของโมเสส และในหมวดผู้เผยพระวจนะและในหมวดสดุดีกล่าวถึงเรานั้น จำเป็นจะต้องสำเร็จ”
  • 45 ครั้งนั้นพระองค์ทรงบันดาลให้ใจเขาทั้งหลายเกิดความสว่างขึ้น เพื่อจะได้เข้าใจพระคัมภีร์
  • 46 พระองค์ตรัสกับเขาว่า “มีคำเขียนไว้อย่างนั้นว่า พระคริสต์จะต้องทรงทนทุกข์ทรมาน และทรงเป็นขึ้นมาจากความตายในวันที่สาม
  • 47 และจะต้องประกาศทั่วทุกประชาชาติในพระนามของพระองค์ ให้เขากลับใจใหม่รับการยกบาป ตั้งต้นที่กรุงเยรูซาเล็ม
  • 48 ท่านทั้งหลายเป็นพยานด้วยข้อความเหล่านั้น
  • 49 และดูเถิด เราจะส่งซึ่งพระบิดาของเราทรงสัญญานั้น กจ. 1:4 มาเหนือท่านทั้งหลาย แต่ท่านทั้งหลายจงคอยอยู่ในกรุงจนกว่าท่านจะได้ประกอบด้วยฤทธิ์เดชที่มาจากเบื้องบน”การเสด็จขึ้น
  • 50 ( มก. 16:19-20 ) พระองค์จึงพาเขาออกไปถึงหมู่บ้านเบธานี และทรงยกพระหัตถ์อวยพรเขา
  • 51 เมื่อทรงอวยพรอยู่นั้น พระองค์จึงเสด็จจากเขา สำเนาโบราณบางฉบับเพิ่มว่า แล้วถูกทรงรับขึ้นไปสู่สวรรค์ กจ. 1:9-11
  • 52 เขาทั้งหลายจึง สำเนาโบราณบางฉบับ เพิ่มว่า กราบลงนมัสการพระองค์ แล้วกลับไปยังกรุงเยรูซาเล็มมีความยินดีเป็นอันมาก
  • 53 เขาทั้งหลายอยู่ในพระวิหารทุกวัน สรรเสริญพระเจ้า
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页