ลูกา-13

(พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 จงกลับใจใหม่มิฉะนั้นจะพินาศ ขณะนั้น มีบางคนอยู่ที่นั่นเล่าเรื่องชาวกาลิลีซึ่งปีลาตเอาโลหิตของเขาระคนกับเครื่องบูชาของเขา ให้พระองค์ฟัง
  • 2 พระเยซูจึงตรัสตอบเขาว่า “ท่านทั้งหลายคิดว่า ชาวกาลิลีเหล่านั้นเป็นคนบาป ยิ่งกว่าชาวกาลิลีอื่นๆทั้งปวง เพราะว่าเขาได้ถูกภัยอันตรายอย่างนั้นหรือ
  • 3 เราบอกท่านทั้งหลายว่า มิใช่ แต่ถ้าท่านทั้งหลายมิได้กลับใจใหม่จะต้องพินาศเหมือนกัน
  • 4 หรือสิบแปดคนนั้นซึ่งหอรบที่สิโลอัมได้พังทับเขาตายเสียนั้น ท่านทั้งหลายคิดว่าเขาเป็นคนบาปยิ่งกว่าคนทั้งปวง ที่อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มหรือ
  • 5 เราบอกท่านทั้งหลายว่า มิใช่ แต่ถ้าท่านทั้งหลายมิได้กลับใจใหม่ จะต้องพินาศเหมือนกัน”
  • 6 คำอุปมาเรื่องต้นมะเดื่อไม่มีผล พระองค์ตรัสคำอุปมาต่อไปนี้ว่า “คนหนึ่งมีต้นมะเดื่อต้นหนึ่งปลูกไว้ในสวนองุ่นของตน และเขามาหาผลที่ต้นนั้นก็ไม่พบ
  • 7 เขาจึงว่าแก่คนที่รักษาเถาองุ่นว่า ‘นี่แน่ะ เรามาหาผลที่ต้นมะเดื่อนี้ได้สามปีแล้ว แต่ไม่พบ จงโค่นมันเสีย จะให้ดินจืดไปเปล่าๆทำไม’
  • 8 แต่ผู้รักษาเถาองุ่นตอบเขาว่า ‘นายเจ้าข้า ขอเอาไว้ปีนี้อีก ให้ข้าพเจ้าพรวนดินเอาปุ๋ยใส่
  • 9 แล้วถ้าปีหน้ามันเกิดผลก็ดีอยู่ ถ้าไม่เกิดผล ภายหลังท่านจงโค่นมันเสีย’ ”
  • 10 หญิงหลังโกงหายโรคในวันสะบาโต พระองค์กำลังทรงสั่งสอนอยู่ที่ธรรมศาลาแห่งหนึ่งในวันสะบาโต
  • 11 และมีหญิงคนหนึ่งซึ่งมีผีเข้าสิงทำให้เป็นโรคสิบแปดปีมาแล้ว หลังโกง ยืดตัวขึ้นไม่ได้เลย
  • 12 เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นจึงเรียกและตรัสกับเขาว่า “หญิงเอ๋ย ตัวเจ้าหายพ้นจากโรคของเจ้าแล้ว”
  • 13 พระองค์ทรงวางพระหัตถ์บนเขา และในทันใดนั้นเขาก็ยืดตัวตรงได้ และสรรเสริญพระเจ้า
  • 14 แต่นายธรรมศาลาก็เคืองใจ เพราะพระเยซูได้ทรงรักษาโรคในวันสะบาโต จึงว่าแก่ประชาชนว่า “มีหกวันที่ควรจะทำงาน ในหกวันนั้นจงมาให้รักษาโรคเถิด แต่ในวันสะบาโตนั้นอย่าเลย” อพย. 20:9-10; ฉธบ. 5:13-14
  • 15 แต่พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “โอ คนหน้าซื่อใจคด เจ้าทั้งหลายทุกคนได้แก้วัวแก้ลาจากคอกมัน พาไปให้กินน้ำในวันสะบาโตมิใช่หรือ
  • 16 ฝ่ายผู้หญิงนี้เป็นเชื้อสายของอับราฮัม ซึ่งซาตานได้ผูกมัดไว้สิบแปดปีแล้ว ไม่ควรหรือที่จะให้เขาหลุดพ้นจากเครื่องจำจองอันนี้ในวันสะบาโต”
  • 17 เมื่อพระองค์ตรัสคำเหล่านั้นแล้ว บรรดาคนที่เป็นปฏิปักษ์กับพระองค์ต้องขายหน้า และประชาชนก็เปรมปรีดิ์ เพราะสรรพคุณความดีที่พระองค์ได้ทรงกระทำคำอุปมาเรื่องเมล็ดพืช
  • 18 ( มธ. 13:31-32 ; มก. 4:30-32 ) พระองค์จึงตรัสว่า “แผ่นดินของพระเจ้าเหมือนสิ่งใด และเราจะเปรียบแผ่นดินนั้นกับอะไรดี
  • 19 ก็เปรียบเหมือนเมล็ดพืช ตามภาษากรีกว่า เมล็ดมัสตาร์ด ชาวยิวในสมัยพระเยซูถือว่าเป็นเมล็ดที่เล็กที่สุด มี 2 ชนิด เมล็ดสีดำและเมล็ดสีขาว ใช้คั้นเป็นน้ำมันหรือใช้เป็นเครื่องเทศ ปกติต้นมัสตาร์ดสูงประมาณเมตรกว่า แต่บางต้นสูงเกือบ 5 เมตรเมล็ดหนึ่งที่คนหนึ่งได้เอาไปปลูกในสวนของตน มันงอกขึ้นเป็นต้น และนกในอากาศมาทำรังอาศัยอยู่ตามกิ่งก้านของต้นนั้น”คำอุปมาเรื่องเชื้อขนม
  • 20 ( มธ. 13:33 ) พระองค์ตรัสอีกว่า “เราจะเปรียบแผ่นดินของพระเจ้ากับสิ่งใด
  • 21 ก็เปรียบเหมือนเชื้อซึ่งผู้หญิงคนหนึ่งเอาเจือลงในแป้งสามถัง จนแป้งนั้นฟูขึ้นทั้งหมด”ประตูคับ
  • 22 ( มธ. 7:13-14 , 21-23 ) พระองค์เสด็จไปตามบ้านตามเมืองสั่งสอนเขา และทรงดำเนินทางไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
  • 23 มีคนหนึ่งทูลถามพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า คนที่รอดนั้นน้อยหรือ” พระองค์ตรัสแก่เขาทั้งหลายว่า
  • 24 “ท่านทั้งหลายจงเพียรเข้าไปทางประตูคับแคบ เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่า คนเป็นอันมากจะพยายามเข้าไป แต่จะเข้าไม่ได้
  • 25 เมื่อเจ้าบ้านลุกขึ้นปิดประตูแล้ว และท่านทั้งหลายยืนอยู่ภายนอกเคาะที่ประตูว่า ‘นายเจ้าข้า ขอเปิดให้ข้าพเจ้าเถิด’ และเจ้าบ้านนั้นจะตอบท่านทั้งหลายว่า ‘เราไม่รู้จักเจ้าว่ามาจากไหน’
  • 26 ขณะนั้นท่านทั้งหลายจะว่า ‘ข้าพเจ้าได้กินได้ดื่มกับท่าน และท่านได้สั่งสอนที่ถนนของพวกข้าพเจ้า’
  • 27 เจ้าบ้านนั้นจะว่า ‘เราไม่รู้จักเจ้าว่ามาจากไหน เจ้าผู้กระทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา สดด. 6:8’
  • 28 เมื่อท่านทั้งหลายจะเห็นอับราฮัม อิสอัค ยาโคบ และบรรดาผู้เผยพระวจนะในแผ่นดินของพระเจ้า แต่ตัวท่านเองถูกขับไล่ไสส่งออกไปภายนอก ที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน มธ. 22:13; 25:30
  • 29 จะมีคนมาจากทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต้ จะมาร่วมสำรับในแผ่นดินของพระเจ้า มธ. 8:11-12
  • 30 และดูเถิด จะมีผู้ที่เป็นคนสุดท้ายกลับเป็นคนต้นและผู้ที่เป็นคนต้นกลับเป็นคนสุดท้าย มธ. 19:30; 20:16; มก. 10:31”พระเยซูทรงคร่ำครวญเพราะกรุงเยรูซาเล็ม
  • 31 ( มธ. 23:37-39 ) ในโมงนั้นมีพวกฟาริสีบางคนมาทูลพระองค์ว่า “ท่านจงไปจากที่นี่เถิด เพราะว่าเฮโรดจะใคร่ประหารชีวิตของท่านเสีย”
  • 32 พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า “จงไปบอกสุนัขจิ้งจอกนั้นว่า ‘ดูเถิด เราขับผีออกและรักษาโรคในวันนี้และพรุ่งนี้ แล้ววันที่สามเราจะทำการให้สำเร็จ’
  • 33 แต่ว่าจำเป็นซึ่งเราจะเดินไปวันนี้ พรุ่งนี้ และมะรืนนี้ เพราะว่าผู้เผยพระวจนะ จะถูกฆ่านอกกรุงเยรูซาเล็มก็หามิได้
  • 34 โอ เยรูซาเล็มๆ ที่ได้ฆ่าบรรดาผู้เผยพระวจนะ และเอาหินขว้างผู้ที่รับใช้มาหาเจ้าให้ถึงตาย เราใคร่จะรวบรวมลูกของเจ้าไว้เนืองๆ เหมือนแม่ไก่กกลูกอยู่ใต้ปีกของมัน แต่เจ้าไม่ยอมเลยหนอ
  • 35 ดูเถิด นิเวศของเจ้าจะถูกทอดทิ้งและเริศร้าง และเราว่าแก่เจ้าทั้งหลายว่า เจ้าจะไม่เห็นเราอีกกว่าเจ้าจะออกปากกล่าวว่า ‘ขอให้ท่านผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ สดด. 118:26’ ”
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页