ลูกา-7

(พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 ทรงรักษาทาสของนายร้อย ( มธ. 8:5-13 )เมื่อพระองค์ตรัสคำเหล่านั้นให้คนทั้งหลายฟังเสร็จแล้ว พระองค์จึงเสด็จเข้าไปในเมืองคาเปอรนาอุม
  • 2 มีทาสของนายร้อยคนหนึ่งที่นายรักมากป่วยเกือบจะตายแล้ว
  • 3 เมื่อนายร้อยได้ยินถึงพระเยซู จึงใช้ผู้ใหญ่บางคนของพวกยิวให้ไปอ้อนวอน เชิญพระองค์เสด็จมารักษาทาสของตน
  • 4 เมื่อเขาเหล่านั้นมาถึงพระเยซูแล้ว เขาก็อ้อนวอนพระองค์ด้วยใจร้อนรนว่า “นายร้อยนั้นเป็นคนสมควรที่พระองค์จะกระทำการนั้นให้ท่าน
  • 5 เพราะว่าท่านรักชนชาติของเรา และท่านเองได้สร้างธรรมศาลาให้เรา”
  • 6 และพระเยซูจึงเสด็จไปกับเขา เมื่อไปเกือบจะถึงตึกแล้ว นายร้อยจึงใช้เพื่อนฝูงไปหาพระองค์ทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า อย่าลำบากเลย เพราะว่าข้าพระองค์เป็นคนไม่สมควรที่จะรับเสด็จพระองค์เข้าใต้ชายคาของข้าพระองค์
  • 7 เพราะเหตุนั้นข้าพระองค์จึงคิดเห็นว่า ไม่สมควรที่ข้าพระองค์จะไปหาพระองค์ด้วย แต่ขอพระองค์ตรัสสั่ง และบ่าวของข้าพระองค์จะหายโรค
  • 8 ข้าพระองค์ทราบดี เพราะเหตุว่าข้าพระองค์อยู่ใต้วินัยทหาร แต่ก็ยังมีทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะบอกแก่คนนี้ว่า ‘ไป’ เขาก็ไป บอกแก่คนนั้นว่า ‘มา’ เขาก็มา บอกบ่าวของข้าพระองค์ว่า ‘จงทำสิ่งนี้’ เขาก็ทำ”
  • 9 เมื่อพระเยซูทรงได้ยินคำเหล่านั้นแล้วก็ประหลาดพระทัยด้วยคนนั้น จึงทรงเหลียวหลังตรัสกับประชาชนที่ตามพระองค์มาว่า “เราบอกท่านทั้งหลายว่า แม้ในพวกอิสราเอล เราไม่เคยพบศรัทธามากเท่านี้”
  • 10 ฝ่ายคนที่รับใช้มานั้น เมื่อกลับไปถึงตึกก็ได้เห็นทาสนั้นหายเป็นปกติแล้ว
  • 11 พระเยซูทรงเรียกบุตรแม่ม่าย ที่นาอินให้เป็นขึ้น ต่อมาพระองค์เสด็จไปยังเมืองหนึ่งชื่อนาอิน เหล่าสาวกของพระองค์กับคนเป็นอันมากก็ตามพระองค์ไป
  • 12 เมื่อมาใกล้ประตูเมืองนั้น ดูเถิด มีคนหามศพชายหนุ่มคนหนึ่งมา เป็นลูกคนเดียวของแม่ และนางก็เป็นหญิงม่าย ชาวเมืองเป็นอันมากมากับหญิงนั้น
  • 13 เมื่อพระองค์ได้ทรงเห็นมารดานั้น พระองค์ทรงเมตตากรุณาเขาและตรัสว่า “อย่าร้องไห้”
  • 14 แล้วพระองค์เสด็จเข้าไปใกล้ถูกต้องโลง คนหามศพนั้นก็หยุดยืนอยู่ พระองค์จึงตรัสว่า “ชายหนุ่มเอ๋ย เราสั่งเจ้าว่า ลุกขึ้นเถิด”
  • 15 คนที่ตายนั้นก็ลุกนั่งเริ่มพูด พระองค์จึงทรงมอบชายหนุ่มให้แก่มารดาของเขา
  • 16 ฝ่ายคนทั้งปวงมีความกลัวและสรรเสริญพระเจ้าว่า “ท่านผู้เผยพระวจนะใหญ่ได้เกิดขึ้นท่ามกลางเรา และพระเจ้าได้เสด็จมาเยี่ยมเยียนชนชาติของพระองค์แล้ว”
  • 17 และกิตติศัพท์ของพระองค์ได้เลื่องลือไปตลอดทั่วยูเดีย และทั่วแว่นแคว้นล้อมรอบผู้ส่งข่าวของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา
  • 18 ( มธ. 8:5-13 )( มธ. 11:2-19 ) ฝ่ายพวกศิษย์ของยอห์นก็ได้เล่าเหตุการณ์ทั้งปวงนั้นให้ท่านฟัง
  • 19 ยอห์นจึงเรียกศิษย์ของท่านสองคนใช้เขาไปหาพระเป็นเจ้า ทูลถามว่า “ท่านเป็นผู้ที่จะมานั้นหรือ หรือจะคอยผู้อื่น”
  • 20 เมื่อคนทั้งสองมาถึงพระองค์แล้ว เขาทูลว่า “ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาใช้ข้าพเจ้ามาหาท่านให้ถามว่า ‘ท่านเป็นผู้ที่จะมานั้นหรือ หรือจะต้องคอยผู้อื่น’ ”
  • 21 ในเวลานั้น พระองค์ได้ทรงรักษาคนเจ็บเป็นอันมากให้หายจากความเจ็บและโรคต่างๆ และให้พ้นจากผีร้าย และคนตาบอดหลายคนพระองค์ได้ทรงรักษาให้เห็นได้
  • 22 แล้วพระองค์ตรัสตอบศิษย์สองคนนั้นว่า “จงไปแจ้งแก่ยอห์นตามซึ่งท่านได้เห็นและได้ยิน คือว่าคนตาบอดก็หายบอด คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายสะอาด คนหูหนวกได้ยิน อสย. 35:5-6 คนตายแล้วเป็นขึ้นมา และข่าวประเสริฐก็ประกาศแก่คนอนาถา อสย. 61:1
  • 23 บุคคลผู้ใดไม่เห็นว่าเราเป็นอุปสรรคผู้นั้นเป็นสุข”
  • 24 เมื่อผู้สื่อข่าวทั้งสองของยอห์นไปแล้ว พระองค์จึงตรัสกับประชาชนถึงยอห์นว่า “ท่านทั้งหลายได้ออกไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อดูอะไร มิใช่ดูต้นอ้อไหวโดยถูกลมพัดนะ
  • 25 ถ้าอย่างนั้นท่านทั้งหลายได้ไปดูอะไร ดูคนนุ่งห่มผ้าเนื้ออ่อนนิ่มหรือ ดูเถิด คนนุ่งห่มผ้างดงามและอยู่อย่างฟุ่มเฟือยย่อมอยู่ในราชสำนัก
  • 26 แต่ท่านทั้งหลายออกไปดูอะไร ดูผู้เผยพระวจนะหรือ แน่ทีเดียว และเราบอกท่านว่า ท่านนั้นเป็นผู้ประเสริฐยิ่งกว่าผู้เผยพระวจนะเสียอีก
  • 27 คือยอห์นนี้แหละที่พระคัมภีร์กล่าวถึงว่าเราใช้ทูตของเราไปข้างหน้าท่านผู้นั้นจะเตรียมมรรคาของท่านไว้ข้างหน้าท่าน มลค. 3:1
  • 28 เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในบรรดาคนที่บังเกิดจากผู้หญิงมานั้น ไม่มีผู้ใดใหญ่กว่ายอห์น แต่ว่าผู้ที่ต่ำต้อยที่สุดในแผ่นดินของพระเจ้าก็ใหญ่กว่ายอห์นเสียอีก”
  • 29 (ฝ่ายคนทั้งปวงเมื่อได้ยินรวมทั้งพวกเก็บภาษีด้วยก็ได้รับว่าพระเจ้ายุติธรรม โดยที่เขาได้รับบัพติศมาของยอห์นแล้ว
  • 30 แต่พวกฟาริสีและพวกบาเรียนไม่ยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับเขา โดยที่มิได้รับบัพติศมาจากยอห์น) มธ. 21:32; ลก. 3:12
  • 31 “เหตุฉะนั้นเราจะเปรียบคนยุคนี้เหมือนกับอะไรดี
  • 32 เปรียบเหมือนเด็กนั่งที่กลางตลาด ร้องแก่เพื่อนว่า‘พวกฉันได้เป่าปี่ให้พวกเธอ และเธอมิได้เต้นรำพวกฉันได้พิลาปร่ำไห้ และพวกเธอมิได้ตีอกชกหัว’
  • 33 ด้วยว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมาก็ไม่ได้รับประทานขนมปังหรือดื่มเหล้าองุ่น และท่านทั้งหลายว่า ‘มีผีเข้าสิงอยู่’
  • 34 ฝ่ายบุตรมนุษย์มาทั้งกินและดื่ม และท่านทั้งหลายว่า ‘ดูเถิด นี่เป็นคนกินเติบและขี้เมา เป็นมิตรสหายกับคนเก็บภาษีและคนนอกรีต’
  • 35 แต่พระปัญญาก็ปรากฏว่าชอบแล้ว โดย ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ลูกทั้งหลายของบรรดาผลแห่งพระปัญญานั้น”
  • 36 พระเยซูในบ้านของซีโมนพวกฟาริสี มีคนหนึ่งในพวกฟาริสีเชิญพระองค์ไปเสวยพระกระยาหารกับเขา พระองค์ก็เสด็จเข้าไปในเรือนของคนฟาริสีคนนั้น แล้วเอนพระกายลง
  • 37 และดูเถิด มีผู้หญิงคนหนึ่งของเมืองนั้นเคยเป็นหญิงชั่ว เมื่อรู้ว่าพระองค์ทรงเอนพระกายเสวยอยู่ในบ้านของคนฟาริสีนั้น นางจึงถือผอบน้ำมันหอม
  • 38 มายืนอยู่ข้างหลังใกล้พระบาทของพระองค์ ร้องไห้น้ำตาไหลเปียกพระบาท เอาผมเช็ด จุบพระบาทของพระองค์มาก และเอาน้ำมันนั้นชโลม มธ. 26:7; มก. 14:3; ยน. 12:3
  • 39 ฝ่ายคนฟาริสีที่ได้เชิญพระองค์ เมื่อเห็นแล้วก็นึกในใจว่า “ถ้าท่านนี้เป็นผู้เผยพระวจนะก็คงจะรู้ว่า หญิงผู้นี้ที่ถูกต้องกายของท่านเป็นผู้ใดและเป็นคนอย่างไร เพราะนางเป็นคนชั่ว”
  • 40 ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบเขาว่า “ซีโมนเอ๋ย เรามีอะไรจะพูดกับท่านบ้าง” เขาทูลว่า “ท่านอาจารย์เจ้าข้า เชิญพูดไปเถิด”
  • 41 พระองค์จึงตรัสว่า “เจ้าหนี้คนหนึ่งมีลูกหนี้สองคน คนหนึ่งเป็นหนี้เงินห้าร้อยเหรียญเดนาริอัน หนึ่งเหรียญเดนาริอัน เป็นจำนวนเงินที่จ้างคนงานให้ทำงานวันหนึ่ง อีกคนหนึ่งเป็นหนี้เงินห้าสิบเหรียญ
  • 42 เมื่อเขาไม่มีอะไรจะใช้หนี้แล้ว ท่านจึงโปรดยกหนี้ให้เขาทั้งสองคน ในสองคนนั้น คนไหนจะรักนายมากกว่า”
  • 43 ซีโมนจึงทูลว่า “ข้าพเจ้าเห็นว่าคนที่นายได้โปรดยกหนี้ให้มาก ก็เป็นคนที่รักนายมาก” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านคิดเห็นถูกแล้ว”
  • 44 พระองค์จึงทรงเหลียวหลังดูผู้หญิงนั้น และตรัสแก่ซีโมนว่า “ท่านเห็นผู้หญิงนี้หรือ เราได้เข้ามาในบ้านของท่าน ท่านมิได้ให้น้ำล้างเท้าของเรา แต่นางได้เอาน้ำตาชำระเท้าของเราและได้เอาผมของตนเช็ด
  • 45 ท่านมิได้จุบเรา แต่ผู้หญิงนี้ตั้งแต่เราเข้ามา มิได้หยุดจุบเท้าของเรา
  • 46 ท่านมิได้เอาน้ำมันชโลมศีรษะของเรา แต่นางได้เอาน้ำมันหอมชโลมเท้าของเรา
  • 47 เหตุฉะนั้นเราบอกท่านว่า ความผิดบาปของนางซึ่งมีมากได้โปรดยกเสียแล้ว เพราะนางรักมาก แต่ผู้ที่ได้รับการยกโทษน้อย ผู้นั้นก็รักน้อย”
  • 48 พระองค์จึงตรัสแก่นางว่า “ความผิดบาปของเจ้าโปรดยกเสียแล้ว”
  • 49 ฝ่ายคนทั้งหลายที่เอนกายอยู่ด้วยพูดกันว่า “คนนี้เป็นใคร แม้ความผิดบาปก็ยกให้ได้”
  • 50 พระองค์จึงตรัสแก่ผู้หญิงนั้นว่า “ความเชื่อของเจ้าได้ทำให้เจ้ารอด จงไปเป็นสุขเถิด”
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页