1
เยเรมีย์ซื้อนาที่อานาโธท พระวจนะซึ่งมาจากพระเจ้าถึงเยเรมีย์ในปีที่สิบ แห่งเศเดคียาห์ 2 พกษ. 25:1-7กษัตริย์ของยูดาห์ ซึ่งเป็นปีที่สิบแปดของเนบูคัดเนสซาร์2
ครั้งนั้น กองทัพของกษัตริย์แห่งบาบิโลนกำลัง ล้อมกรุงเยรูซาเล็มอยู่ และเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะถูกขังอยู่ ในบริเวณทหารรักษาพระองค์ ซึ่งอยู่ในพระราชวังของกษัตริย์แห่งยูดาห์3
เพราะเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ได้จำขังท่านไว้ ตรัสว่า “ทำไมท่านจึงเผยพระวจนะและกล่าวว่า ‘พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เราจะให้เมืองนี้ไว้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลน และเขาจะยึดเมืองนี้4
เศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์จะหนีไปไม่พ้นจากมือ ของคนเคลเดีย แต่จะถูกมอบไว้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลนเป็นแน่ และจะได้พูดกันปากต่อปาก และแลเห็นตาต่อตา5
และเขาจะนำเศเดคียาห์ไปยังบาบิโลน และท่านจะอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะไปเยี่ยมท่าน พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ ถ้าเจ้าจะต่อสู้กับชาวเคลเดีย เจ้าจะทำไม่สำเร็จ’ ”6
เยเรมีย์ทูลว่า “พระวจนะของพระเจ้ามายังข้าพระบาทว่า7
ดูเถิด ฮานัมเอลบุตรชัลลูม อาของเจ้าจะมาหาเจ้าและกล่าวว่า ‘จงซื้อนาของข้าพเจ้าซึ่งอยู่ที่อานาโธท เพราะว่าสิทธิของการไถ่ด้วยการซื้อนั้นเป็นของท่าน’8
แล้วฮานัมเอลลูกพี่ลูกน้องของข้าพเจ้ามาหาข้าพเจ้าที่ บริเวณของทหารรักษาพระองค์ถูกต้องตามพระวจนะของพระเจ้า และพูดกับข้าพเจ้าว่า ‘จงซื้อนาของข้าพเจ้าซึ่งอยู่ที่อานาโธทในแผ่นดิน เบนยามิน เพราะสิทธิของการถือกรรมสิทธิ์และการไถ่เป็นของท่าน จงซื้อไว้เถิด’ แล้วข้าพระบาทจึงทราบว่านี่เป็นพระวจนะของพระเจ้า9
“และข้าพระบาทก็ซื้อนาที่อานาโธท จากฮานัมเอลลูกพี่ลูกน้องของข้าพระบาท และได้ชั่งเงินให้แก่เขาสิบเจ็ดเชเขล หน่วยน้ำหนักเงิน ประมาณเท่ากับ 11 กรัมเศษ10
ข้าพระบาทก็ลงนามในโฉนดประทับตราไว้ ได้พยานและเอาตาชั่งชั่งเงิน11
แล้วข้าพระบาทก็รับโฉนดของการซื้อที่ประทับตราแล้ว ซึ่งมีข้อตกลงและเงื่อนไขและฉบับที่เปิดอยู่12
และข้าพระบาทก็มอบโฉนด ของการซื้อให้แก่บารุคบุตรเนริยาห์ ผู้เป็นบุตรของมาอาเสอาห์ ต่อหน้าฮานัมเอลลูกพี่ลูกน้องของข้าพระบาท ต่อหน้าพยานผู้ที่ลงนามในโฉนดการซื้อ และต่อหน้าพวกยิว ผู้ซึ่งนั่งอยู่ในบริเวณทหารรักษาพระองค์13
ข้าพระบาทก็กำชับบารุคต่อหน้าเขาทั้งหลายว่า14
‘พระเจ้าจอมโยธา พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า จงเอาโฉนดเหล่านี้ไปเสีย ทั้งโฉนดของการซื้อที่ประทับตรากับฉบับที่เปิดนี้ และบรรจุไว้ในภาชนะดินเพื่อจะทนอยู่ได้นาน15
เพราะพระเจ้าจอมโยธาพระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า บ้านเรือนและไร่นาและสวนองุ่นจะมีการซื้อขาย กันอีกในแผ่นดินนี้’16
“หลังจากที่ข้าพระบาทมอบโฉนดการ ซื้อให้แก่บารุคบุตรเนริยาห์แล้ว ข้าพระบาทได้อธิษฐานต่อพระเจ้าว่า17
‘ข้าแต่พระเจ้า คือพระองค์เอง ผู้ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ด้วยฤทธานุภาพใหญ่ยิ่งของพระองค์และ ด้วยพระหัตถ์ซึ่งเหยียดออกของพระองค์ สำหรับพระองค์ไม่มีสิ่งใดที่ยากเกิน18
ผู้ทรงสำแดงความรักมั่นคงต่อคนเป็นพันๆ แต่ทรงตอบสนองความผิดบาปของบิดา ให้ตกถึงลูกหลานสืบต่อมา ข้าแต่พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งและทรงฤทธิ์ พระนามของพระองค์คือพระเยโฮวาห์จอมโยธา19
พระองค์ทรงเป็นใหญ่ในการให้คำปรึกษา ทรงฤทธานุภาพในพระราชกิจ พระเนตรของพระองค์เห็นทุกวิถีทางของมนุษย์ ประทานรางวัลแก่ทุกคนตามพฤติการณ์ ของเขาและตามผลแห่งการกระทำของเขา20
ทรงเป็นผู้สำแดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ในแผ่นดินอียิปต์ และจนถึงสมัยนี้ก็ทรงสำแดงในอิสราเอล และท่ามกลางมนุษยชน และทรงทำให้พระนามเลื่องลือไปอย่างทุกวันนี้21
พระองค์ได้ทรงนำอิสราเอล ประชากรของพระองค์ออกจากแผ่นดินอียิปต์ ด้วยหมายสำคัญและการอัศจรรย์ และด้วยพระหัตถ์เข้มแข็งและพระกรที่เหยียด ออกและด้วยความสยดสยองยิ่งนัก22
และพระองค์ประทานแผ่นดินนี้แก่เขาทั้งหลาย ซึ่งพระองค์ทรงปฏิญาณแก่บรรพบุรุษของเขา ทั้งหลายว่าจะประทานแก่เขา คือแผ่นดินซึ่งมีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์23
และเขาทั้งหลายก็ได้เข้าไปและถือกรรมสิทธิ์แผ่นดินนั้น แต่เขาทั้งหลายมิได้เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ หรือดำเนินตามพระธรรมของพระองค์ สิ่งซึ่งพระองค์ทรงบัญชาเขาให้กระทำนั้น เขาทั้งหลายมิได้กระทำเสียเลย เพราะฉะนั้นพระองค์ทรงกระทำให้เหตุร้ายทั้งสิ้นนี้ มาถึงเขาทั้งหลาย24
ดูเถิด เชิงเทินที่ล้อมอยู่ได้มาถึงกรุงเพื่อจะยึดเอาแล้ว และเพราะเหตุด้วยดาบ การกันดารอาหาร และโรคระบาด เมืองนี้ก็ได้ถูกมอบไว้ในมือของคน เคลเดียผู้กำลังต่อสู้อยู่นั้นแล้ว พระองค์ตรัสสิ่งใดก็เป็นไปอย่างนั้นแล้ว และดูเถิด พระองค์ทอดพระเนตรเห็น25
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ยังตรัสแก่ข้าพระองค์ว่า “จงเอาเงินซื้อนาและหาพยานเสีย” แม้ว่าเมืองนั้นจะถูกมอบไว้ในมือของคนเคลเดีย’ ”26
พระวจนะของพระเจ้ามายังเยเรมีย์ว่า27
“ดูเถิด เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของบรรดามนุษย์และสัตว์ทั้งสิ้น สำหรับเรามีสิ่งใดที่ยากเกินหรือ28
เพราะฉะนั้นพระเจ้าตรัสดังนี้ว่าดูเถิด เราจะมอบเมืองนี้ไว้ในมือของชาวเคลเดีย และในมือของเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่ง บาบิโลนและเขาจะยืดเอาแน่ 2 พกษ. 25:1-11;2 พศด. 36:17-2129
ชาวเคลเดียผู้ต่อสู้กับเมืองนี้ จะมาเผาเมืองนี้เสียด้วยไฟให้ไหม้หมด ทั้งบรรดาบ้านที่เขาเผาเครื่องถวายพระบาอัลที่บนหลังคา และเทเครื่องดื่มบูชาถวายแก่พระอื่น เพื่อยั่วเย้าเราให้กริ้ว30
เพราะพงศ์พันธุ์ของอิสราเอลและพงศ์พันธุ์ของ ยูดาห์ไม่ได้กระทำอะไรเลย นอกจากความชั่วในสายตาของเราตั้งแต่หนุ่มๆมา พระเจ้าตรัสว่า พงศ์พันธุ์อิสราเอลไม่ได้กระทำอะไรเลยนอกจากยั่วเย้า เราให้กริ้วด้วยผลงานแห่งมือของเขา31
เมืองนี้ได้เร้าความกริ้วและความพิโรธของเรา ตั้งแต่วันที่ได้สร้างมันขึ้นจนถึงวันนี้ เพราะฉะนั้นเราจะถอนออกไปเสียจากสายตาของเรา32
เพราะว่าความชั่วทั้งสิ้นของพงศ์พันธุ์อิสราเอล และพงศ์พันธุ์ยูดาห์ซึ่งเขาได้กระทำอันยั่วเย้าให้โกรธ คือทั้งตัวเขา บรรดากษัตริย์และเจ้านายของเขา บรรดาปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะของเขา คนยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็ม33
เขาทั้งหลายได้หันหลังให้เรา มิใช่หันหน้า แม้ว่าเราได้สอนเขาอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง เขาก็มิได้ฟังที่จะรับคำสั่งสอนของเรา34
แต่เขาทั้งหลายได้ตั้งสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนของเขาไว้ในนิเวศ ซึ่งเรียกตามชื่อของเรากระทำให้มี มลทิน 2 พกษ. 23:10; ยรม. 7:30-31; 19:1-635
เขาทั้งหลายได้สร้างปูชนียสถานสูง สำหรับพระบาอัลในหุบเขาแห่งบุตรชาย ฮินโนม 2 พกษ. 23:10; ยรม. 7:31 เพื่อถวายบุตรชายและบุตรหญิงของเขา แก่พระโมเลค ลนต. 18:21 โดยให้ลุยไฟ แม้ว่าเรามิได้บัญชาเขา หรือมีอยู่ในจิตใจของเราว่า เขาควรจะกระทำสิ่งน่าเกลียดน่าชังเพื่อให้ยูดาห์ผิดบาป36
“เพราะฉะนั้นพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสเกี่ยวกับเมืองนี้แก่เจ้าทั้งหลายว่า ‘เมืองนี้ได้ถูกยกให้ไว้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลน ด้วยดาบ ด้วยการกันดารอาหาร และด้วยโรคระบาด’37
ดูเถิด เราจะรวบรวมเขามาจากประเทศทั้งปวง ซึ่งเราได้ขับไล่เขาให้ไปอยู่ ด้วยความกริ้ว ด้วยความพิโรธ และความขึ้งโกรธของเรานั้น เราจะนำเขาทั้งหลายกลับมายังที่นี้ และจะกระทำให้เขาอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย38
เขาทั้งหลายจะเป็นประชากรของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา39
เราจะให้ใจเดียวและทางเดียวแก่เขา เพื่อเขาจะยำเกรงเราอยู่เป็นนิตย์ เพื่อเป็นประโยชน์แก่เขาและแก่ลูกหลานของเขาที่ตามเขามา40
เราจะกระทำพันธสัญญานิรันดร์กับเขาทั้งหลาย อันว่าเราจะไม่หันจากการกระทำความดีแก่เขาทั้งหลาย และเราจะบรรจุความยำเกรงเราไว้ในใจของเขาทั้งหลาย เพื่อว่าเขาจะมิได้หันไปจากเรา41
เออ เราจะเปรมปรีดิ์ในการที่จะกระทำความดีแก่เขา และเราจะปลูกเขาไว้ในแผ่นดินนี้ด้วยความหมั่นมั่น ด้วยสุดใจของเราและสุดจิตของเรา42
“เพราะพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า เราได้นำเอาความร้ายยิ่งใหญ่มาเหนือชนชาตินี้ฉันใด เราก็จะนำความดีทั้งสิ้นซึ่งเราได้สัญญาไว้นั้นมา เหนือเขาฉันนั้น43
เขาจะซื้อขายนากันในแผ่นดิน ซึ่งเจ้ากล่าวถึงว่าเป็นที่ร้างเปล่าไม่มีมนุษย์หรือสัตว์ ถูกมอบไว้ในมือของคนเคลเดีย44
ที่นานั้นจะซื้อกันด้วยเงิน ใบโฉนดก็จะต้องลงนามและประทับตรา และลงนามพยาน ที่ในแผ่นดินของเบนยามิน ในที่ต่างๆ แถบกรุงเยรูซาเล็ม และในหัวเมืองยูดาห์ ในหัวเมืองแถบแดนเมืองเทือกเขา ในหัวเมืองแถบเนินเชเฟลาห์และในหัวเมืองแถบเนเกบ เพราะเราจะให้เขาทั้งหลายกลับสู่สภาพเดิม” พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ