1
พระพิโรธอันไม่สงบของพระเจ้าต่อยูดาห์ ฝ่ายพระเจ้าตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า “แม้ว่าโมเสส อพย. 32:11-14; กดว. 14:13-19และ ซามูเอล 1 ซมอ. 7:5-9จะมายืนอยู่ต่อหน้าเรา จิตใจของเราจะไม่หันไปหาชนชาตินี้ ไล่เขาทั้งหลายออกไปให้พ้นสายตาของเรา แล้วให้เขาไป2
และเมื่อเขาถามเจ้าว่า ‘เราจะไปที่ไหน’ เจ้าจงพูดกับเขาว่าพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า“คนเหล่านั้นที่กำหนดให้แก่โรคระบาดจะไปหาโรคระบาดคนเหล่านั้นที่กำหนดให้แก่ดาบจะไปหาดาบคนเหล่านั้นที่กำหนดให้แก่การกันดาร อาหาร จะไปหาการกันดารอาหารคนที่กำหนดให้แก่การเป็นเชลย จะไปหาการเป็นเชลย” วว. 13:103
พระเจ้าตรัสว่า “เราจะกำหนดสี่อย่างไว้เหนือเขาคือ ดาบสังหาร สุนัขกัดฉีก นกในอากาศ และสัตว์บนแผ่นดินโลกที่จะกัดกินและทำลาย4
และเราจะกระทำให้เขาเป็นที่ครั่นคร้าม แก่ราชอาณาจักรทั้งสิ้นแห่งแผ่นดินโลก เหตุด้วยการกระทำซึ่งมนัสเสห์บุตร เฮเซคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ได้กระทำ ในเยรูซาเล็ม 2 พกษ. 21:1-16;2 พศด. 33:1-95
เยรูซาเล็มเอ๋ย ใครจะสงสารเจ้าหรือใครจะเสียใจกับเจ้าใครจะแวะมาถามทุกข์สุขของเจ้า6
พระเจ้าตรัสว่า เจ้าได้ปฏิเสธเราเจ้าถอยหลังเรื่อยไปเราจึงได้เหยียดมือออกไปต่อสู้เจ้าและทำลายเจ้าเราเอือมต่อการผ่อนผันแล้ว7
เราได้ซัดเขาด้วยส้อมซัดข้าวในบรรดาประตูแห่งเมืองนั้นเราได้ทำให้ลูกของเขาทั้งหลายตาย เราได้ทำลายประชากรของเราเขาทั้งหลายมิได้หันกลับจากพฤติการณ์ของเขา8
เรากระทำให้หญิงม่ายของเขามีมากยิ่งกว่าทรายในทะเลณ เวลาเที่ยงวัน เราได้นำผู้ทำลายมาสู่บรรดาแม่ของคนหนุ่มทั้งหลายเราได้กระทำให้ความแสนระทมและความสยดสยองตกเหนือเธอโดยฉับพลัน9
เธอที่มีบุตรเจ็ดคนก็อ่อนกำลังเธอสลบไปแล้วดวงอาทิตย์ของเธอตกเมื่อยังวันอยู่นางได้รับความละอายและถูกหยามน้ำหน้าเราจะมอบผู้ที่เหลืออยู่ให้แก่ดาบต่อหน้าศัตรูของเขาพระเจ้าตรัสดังนี้แหละ”10
แม่จ๋า วิบัติแก่ฉัน ที่แม่คลอดฉันมา เป็นคนที่ให้เกิดการแก่งแย่งและการชิงดีแก่แผ่นดินทั้งสิ้น ฉันก็มิได้ให้ยืม หรือฉันก็มิได้ยืมเขา แต่เขาทุกคนแช่งฉัน11
ข้าแต่พระเจ้า ถ้าข้าพระองค์มิได้วิงวอนพระองค์เพื่อความดีของเขา ถ้าข้าพระองค์มิได้ทูลขอต่อพระองค์เพื่อศัตรูในเวลา ลำบากและในเวลาทุกข์ใจก็ปล่อยให้เป็นไปอย่างนั้นเถิด พระเจ้าข้า12
มีผู้หนึ่งผู้ใดหักเหล็กได้หรือ คือเหล็กจากทิศเหนือและทองสัมฤทธิ์13
หลักฐานบ้านช่องและทรัพย์สมบัติของเจ้าเรา จะมอบให้เป็นของริบไม่คิดค่าเพราะบาปทั้งสิ้นของเจ้า ตลอดทั่วดินแดนของเจ้า14
เราจะกระทำให้เจ้าปรนนิบัติศัตรู ของเจ้าในแผ่นดินซึ่งเจ้าไม่รู้จักเพราะความโกรธของเรา เราก่อไฟขึ้น ซึ่งจะไหม้อยู่เป็นนิตย์15
พระเจ้าทรงเล้าโลมเยเรมีย์ ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงทราบขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์และเยี่ยมเยียนข้าพระองค์ขอทรงแก้แค้นผู้ข่มเหงข้าพระองค์เพื่อข้าพระองค์เพราะการอดกลั้นพระทัยของพระองค์นั้น ขออย่าทรงนำข้าพระองค์ไปเสียขอทรงตระหนักว่าข้าพระองค์ ทนการติเตียนด้วยเห็นแก่พระองค์16
เมื่อพบพระวจนะของพระองค์แล้วข้าพระองค์ก็กินเสียพระวจนะของพระองค์เป็นความชื่นบานแก่ข้าพระองค์และเป็นความปีติยินดีแห่งจิตใจของข้าพระองค์ข้าแต่พระเยโฮวาห์ พระเจ้าจอมโยธาเพราะว่าเขาเรียกข้าพระองค์ตามพระนามของพระองค์17
ข้าพระองค์มิได้นั่งอยู่ในหมู่คนที่สนุกสนานกันทั้งข้าพระองค์ก็มิได้เปรมปรีดิ์ข้าพระองค์นั่งอยู่คนเดียวเพราะว่าพระหัตถ์ของพระองค์อยู่บนข้าพระองค์เพราะพระองค์ทรงให้ข้าพระองค์เต็มด้วยความกริ้ว18
ไฉนความเจ็บของข้าพระองค์มิได้หยุดยั้งบาดแผลของข้าพระองค์ก็รักษาไม่หายมันไม่ยอมหายพระองค์ทรงเป็นเหมือนลำธารหลอกลวงแก่ข้าพระองค์หรือหรืออย่างน้ำที่เหือดแห้ง19
เพราะฉะนั้น พระเจ้าจึงตรัสว่า“ถ้าเจ้ากลับมา เราจะให้เจ้ากลับสู่สภาพดีและเจ้าจะยืนอยู่ต่อหน้าเราถ้าเจ้าออกปากพูดแต่สิ่งประเสริฐและไม่พูดสิ่งเลวทรามเจ้าจะเป็นเหมือนปากของเราเขาทั้งหลายจะหันกลับมาหาเจ้าแต่เจ้าอย่าหันไปหาเขา20
เราจะกระทำเจ้าให้เป็นกำแพงป้อมทองสัมฤทธิ์แก่ชนชาตินี้เขาทั้งหลายก็จะต่อสู้กับเจ้าแต่เขาจะไม่ชนะเจ้าเพราะเราอยู่กับเจ้าจะช่วยเจ้าให้รอดและช่วยกู้เจ้า พระเจ้าตรัสดังนี้21
เราจะช่วยกู้เจ้าจากมือของคนอธรรมและไถ่เจ้าจากกำมือของคนอำมหิต”