1
เมื่อดาวิดเสด็จเลยยอดเขาไปหน่อยหนึ่ง ศิบามหาดเล็กของเมฟีโบเชทก็เข้ามาเฝ้า พระองค์ 2 ซมอ. 9:9-10 มีลาคู่หนึ่งผูกอานพร้อม บรรทุกขนมปังสองร้อยก้อน องุ่นแห้งร้อยพวง และผลไม้ฤดูร้อนอีกหนึ่งร้อย กับเหล้าองุ่นหนึ่งถุงหนัง2
พระราชาตรัสกับศิบาว่า “เจ้านำสิ่งเหล่านี้มาทำไม” ศิบาทูลตอบว่า “ลาคู่นั้นเพื่อราชวงศ์จะได้ทรง ขนมปังและผลไม้ฤดูร้อนสำหรับชายฉกรรจ์รับประทาน และเหล้าองุ่นเพื่อผู้ที่อ่อนเปลี้ยอยู่กลาง ถิ่นทุรกันดารจะได้ดื่ม”3
พระราชาตรัสว่า “บุตรเจ้านายของเจ้าอยู่ที่ไหนเล่า” ศิบากราบทูลพระราชาว่า “ดูเถิด ท่านพักอยู่ในเยรูซาเล็ม เพราะท่านว่า ‘วันนี้พงศ์พันธุ์อิสราเอลจะคืนราชอาณาจักร บิดาของเราให้แก่เรา’ ”4
แล้วพระราชาตรัสกับศิบาว่า “ดูเถิด บัดนี้ทรัพย์สมบัติของเมฟีโบเชทก็ตกเป็นของเจ้า” และศิบากราบทูลว่า “ข้าพระบาทขอกราบถวายบังคมข้าแต่ พระราชาเจ้านายของข้าพระบาท ขอข้าพระบาทเป็นที่โปรดปรานของฝ่าพระบาท”5
เมื่อกษัตริย์ดาวิดเสด็จมายังตำบลบาฮูริม มีชายคนหนึ่งอยู่ในตระกูลวงศ์วานซาอูล ชื่อชิเมอีบุตรเก-รา เขาออกมาเดินพลางด่าพลาง6
และเอาหินขว้างดาวิดและขว้างบรรดาข้าราชการ ของกษัตริย์ดาวิด พวกพลและชายฉกรรจ์ทั้งสิ้นก็อยู่ข้างขวาและ ข้างซ้ายของพระองค์7
ชิเมอีร้องด่ามาว่า “เจ้าคนกระหายโลหิต เจ้าคนถ่อย จงไปเสียให้พ้น8
พระเจ้าได้ทรงสนองเจ้า ในเรื่องโลหิตแห่งพงศ์พันธุ์ของซาอูล ผู้ซึ่งเจ้าเข้าครองแทนอยู่นั้น และพระเจ้าทรงมอบราชอาณาจักร ไว้ในมืออับซาโลมบุตรของเจ้า ดูซิ ความพินาศตกอยู่บนเจ้าแล้ว เพราะเจ้าเป็นคนกระหายโลหิต”9
อาบีชัยบุตรนางเศรุยาห์จึงกราบทูลพระราชาว่า “ทำไมปล่อยให้สุนัขตายตัวนี้มาด่าพระราชาเจ้านาย ของข้าพระบาท ขออนุญาตให้ข้าพระบาทข้ามไปตัดหัวมันออกเสีย”10
แต่พระราชาตรัสว่า “บุตรทั้งสองของนางเศรุยาห์เอ๋ย เรามีธุระอะไรกับเจ้า ถ้าเขาด่าเพราะพระเจ้าตรัสสั่งเขาว่า ‘จงด่าดาวิด’ แล้วใครจะพูดว่า ‘ทำไมเจ้าจึงกระทำเช่นนี้’ ”11
ดาวิดตรัสกับอาบีชัยและข้าราชการทั้งสิ้นของพระองค์ว่า “ดูเถิด ลูกของเราเองยังแสวงหาชีวิตของเรา ยิ่งกว่านั้น ทำไมกับคนเบนยามินคนนี้จะไม่กระทำเล่า ช่างเขาเถิดให้เขาด่าไป เพราะพระเจ้าทรงบอกเขาแล้ว12
บางทีพระเจ้าจะทอดพระเนตรความทุกข์ใจของเรา และพระองค์จะทรงสนองเราด้วยความดีเพราะเขาด่า เราในวันนี้”13
ดาวิดจึงทรงดำเนินไปตามทางพร้อมกับพลของพระองค์ ฝ่ายชิเมอีก็เดินไปตามเนินเขาตรงข้าม เขาเดินพลางด่าพลาง เอาก้อนหินปาและเอาฝุ่นซัดใส่14
พระราชากับพลทั้งปวงที่อยู่กับพระองค์ก็มา ถึงแม่น้ำจอร์แดนด้วยความเหนื่อยอ่อน จึงทรงพักผ่อนเอาแรง ณ ที่นั่น15
ฝ่ายอับซาโลมกับประชาชนทั้งสิ้น คือคนอิสราเอลก็มาถึงกรุงเยรูซาเล็ม และอาหิโธเฟลก็มาด้วย16
และอยู่มาเมื่อหุชัยชาวอารคี สหายของดาวิดเข้าเฝ้าอับซาโลม หุชัยกราบทูลอับซาโลมว่า “ขอทรงพระเจริญ ขอพระราชาทรงพระเจริญ”17
และอับซาโลมตรัสกับหุชัยว่า “นี่หรือความจงรักภักดีต่อสหายของท่าน ทำไมท่านไม่ไปกับสหายของท่านเล่า”18
หุชัยกราบทูลอับซาโลมว่า “มิใช่พ่ะย่ะค่ะ พระเจ้ากับประชาชนเหล่านี้ กับคนอิสราเอลทั้งสิ้นเลือกตั้งผู้ใดไว้ ข้าพระบาทขอเป็นฝ่ายผู้นั้น ข้าพระบาทจะขออยู่กับผู้นั้น19
อีกประการหนึ่ง ข้าพระบาทควรจะปรนนิบัติผู้ใด มิใช่โอรสของท่านผู้นั้นดอกหรือ ข้าพระบาทได้ปรนนิบัติเสด็จพ่อของฝ่าพระบาทมาแล้วฉันใด ก็ขอปรนนิบัติฝ่าพระบาทฉันนั้น”20
อับซาโลมตรัสถามอาหิโธเฟลว่า “เราจะทำอย่างไรดี จงให้คำปรึกษาของท่าน”21
อาหิโธเฟลกราบทูลอับซาโลมว่า “จงเข้าหานางสนมของเสด็จพ่อของฝ่าพระบาท ซึ่งเสด็จพ่อทิ้งไว้ให้เฝ้าพระราชวัง เมื่อคนอิสราเอลทั้งสิ้นได้ยินว่าฝ่าพระบาทได้กระทำ ให้ตนเป็นที่เกลียดชังของเสด็จพ่อแล้ว บรรดามือเหล่านั้นที่อยู่ฝ่ายฝ่าพระบาทก็จะเข้มแข็งขึ้น”22
เขาจึงกางเต็นท์ให้อับซาโลมไว้ที่บนดาดฟ้าหลังคา และอับซาโลมก็ทรงเข้าหานางสนมของพระราชบิดา ของพระองค์ต่อหน้าอิสราเอลทั้งสิ้น 2 ซมอ. 12:11-1223
ในสมัยนั้น คำปรึกษาของอาหิโธเฟลที่ทูลถวาย เหมือนกับเป็นพระบัญชาของพระเจ้า ทั้งดาวิดและอับซาโลมจึงทรงนับถือ คำปรึกษาของอาหิโธเฟลมาก