2 ซา‌มู‌เอล-15

(พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 อับซาโลมกบฏต่อดาวิด อยู่มาภายหลัง อับซาโลมได้รถรบและม้ากับทหารวิ่งนำหน้าห้าสิบคน
  • 2 อับซาโลมตื่นบรรทมแต่เช้าตรู่ไปประทับริมทาง ไปยังประตูเมือง ถ้าผู้ใดมีเรื่องที่จะถวายพระราชาให้ทรงตัดสิน อับซาโลมก็เรียกผู้นั้น ถามว่า “เจ้ามาจากเมืองไหน” และเมื่อเขาทูลตอบว่า “ผู้รับใช้ของท่านเป็นคนเผ่าหนึ่งในอิสราเอล”
  • 3 อับซาโลมจึงจะบอกเขาว่า “ดูซิ ข้อหาของเจ้าก็ดีและถูกต้อง แต่พระราชามิได้ทรงตั้งผู้ใดไว้ฟังคดีของเจ้า”
  • 4 อับซาโลมเคยกล่าวยิ่งกว่านั้นว่า “เออ ถ้าข้าเป็นผู้พิพากษาในแผ่นดินนี้ก็ดี เมื่อใครมีข้อหาหรือคดีจะได้มาหาข้า ข้าจะตัดสินให้ความยุติธรรมแก่เขา”
  • 5 เมื่อมีผู้ใดเข้ามาใกล้จะกราบถวายบังคมท่าน ท่านจะยื่นมือออกจับคนนั้นไว้และจุบเขา
  • 6 อับซาโลมกระทำอย่างนี้แก่บรรดาคนอิสราเอล ผู้มาเฝ้าพระราชาเพื่อขอการพิพากษา อับซาโลมก็ลอบเอาใจคนอิสราเอลอย่างนี้
  • 7 ครั้นล่วงมาได้สี่สิบปี อับซาโลมกราบทูลพระราชาว่า “ขอโปรดทรงอนุญาตให้ข้าพระบาทไปแก้บนที่เมืองเฮโบรน ซึ่งข้าพระบาทได้บนไว้ต่อพระเจ้า
  • 8 เพราะว่าข้าพระบาทได้บนไว้เมื่อ ครั้งยังอยู่ในเมืองเกชูร์ประเทศซีเรียว่า ‘ถ้าพระเจ้าทรงโปรดนำข้าพระองค์มา ยังกรุงเยรูซาเล็มจริงแล้ว ข้าพระองค์จะถวายนมัสการพระเจ้า’ ”
  • 9 พระราชาตรัสตอบท่านว่า “จงไปเป็นสุขเถิด” ท่านก็ลุกขึ้นไปยังเมืองเฮโบรน
  • 10 แต่อับซาโลมได้ส่งผู้สื่อสารไป ทั่วอิสราเอลทุกเผ่าว่า “ท่านทั้งหลายได้ยินเสียงเขาสัตว์เมื่อไร จงกล่าวกันว่า ‘อับซาโลมเป็นกษัตริย์ที่กรุงเฮโบรน’ ”
  • 11 มีชายสองร้อยคนไปกับอับซาโลมจากกรุงเยรูซาเล็ม เป็นคนที่ถูกเชิญให้ไป คนเหล่านี้ก็ไปกันเฉยๆ หาทราบเรื่องอะไรไม่
  • 12 ขณะเมื่ออับซาโลมถวายสัตวบูชาอยู่ ท่านส่งคนไปเชิญอาหิโธเฟลชาวกิโลห์ที่ ปรึกษาของดาวิดมาจากนครของเขา คือกิโลห์ การที่คบคิดกันนั้นก็เพิ่มกำลังขึ้น คนที่มาฝักใฝ่อยู่กับอับซาโลมก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
  • 13 ผู้สื่อสารคนหนึ่งมาเฝ้าดาวิดกราบทูลว่า “ใจของคนอิสราเอล ได้คล้อยตามอับซาโลมไปแล้ว”
  • 14 แล้วดาวิดรับสั่งแก่บรรดาข้าราชการที่อยู่กับพระองค์ ณ เยรูซาเล็มว่า “จงลุกขึ้นให้เราหนีไปเถิด มิฉะนั้นเราจะหนีไม่พ้นจากอับซาโลมสักคนเดียว จงรีบไป เกรงว่าเขาจะตามเราทันโดยเร็วและนำเหตุร้ายมาถึงเรา และทำลายกรุงนี้เสียด้วยคมดาบ”
  • 15 ข้าราชการของพระราชาจึงกราบทูลพระราชาว่า “ดูเถิด ข้าพระบาทพร้อมที่จะกระทำตามสิ่งซึ่งพระราชาเจ้านาย ของข้าพระบาทตัดสินพระทัยทุกประการ”
  • 16 พระราชาก็เสด็จออกไปพร้อมกับคนในราชสำนัก ของพระองค์ด้วย เว้นแต่นางสนมสิบคนได้ทรงละไว้ให้เฝ้าพระราชวัง
  • 17 พระราชาก็เสด็จออกไป พลทั้งสิ้นก็ตามพระองค์ ไปและเสด็จประทับที่บ้านสุดท้าย
  • 18 บรรดาข้าราชการทั้งสิ้นเดินผ่านพระองค์ไป บรรดาคนเคเรธีและคนเปเลท กับคนกัทหกร้อยคนที่ติดตามพระองค์มาจากเมืองกัท ได้เดินผ่านพระราชาไป
  • 19 พระราชาจึงตรัสสั่งอิททัยคนกัทว่า “ทำไมเจ้าจึงไปกับเราด้วย กลับเถิดไปอยู่กับพระราชา เจ้าเป็นแต่คนต่างด้าว และถูกเนรเทศมาด้วย จงกลับไปบ้านเมืองของเจ้าเถิด
  • 20 เจ้าเพิ่งมาถึงเมื่อวานนี้ และวันนี้ควรที่เราจะให้เจ้าไปมากับเราหรือ ด้วยเราไม่ทราบว่าจะไปที่ไหน จงกลับไปเถิด พาพี่น้องของเจ้าไปด้วย ขอความรักมั่นคงและความสัตย์จริงจงมีกับเจ้าเถิด”
  • 21 แต่อิททัยทูลตอบพระราชาว่า “พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด และพระราชาเจ้านายของข้าพระบาททรงพระชนม์ อยู่แน่ฉันใด พระราชาเจ้านายของข้าพระบาทเสด็จประทับที่ไหน จะสิ้นพระชนม์หรือทรงพระชนม์ ข้าพระบาทขอไปอยู่ที่นั้นด้วย”
  • 22 ดาวิดก็รับสั่งกับอิททัยว่า “จงผ่านไปเถิด” อิททัยชาวเมืองกัทจึงผ่านไปพร้อมกับ บรรดาพรรคพวกของเขาทั้งผู้ใหญ่และเด็ก
  • 23 เมื่อพลเดินผ่านไปเสีย ชาวเมือง นั้นทั้งสิ้นก็ร้องไห้เสียงดัง พระราชาก็เสด็จข้ามลำธารขิดโรน และพลทั้งหมดก็ผ่านเข้าทางไปถิ่นทุรกันดาร
  • 24 และนี่แน่ะศาโดกก็มาด้วยพร้อมกับคนเลวีทั้งสิ้น หามหีบพันธสัญญาของพระเจ้ามา และเขาวางหีบของพระเจ้าลง ฝ่ายอาบียาธาร์ก็ขึ้นมาจนประชาชนออกจากเมืองไปหมด
  • 25 แล้วพระราชาตรัสสั่งศาโดกว่า “จงหามหีบของพระเจ้ากลับเข้าไปในเมืองเถิด หากว่าพระเจ้าทรงพอพระทัยเรา พระองค์จะทรงโปรดนำเรากลับมาให้เห็นทั้งหีบนั้นกับที่ประทับของพระองค์ด้วย
  • 26 แต่ถ้าพระองค์ตรัสว่า ‘เราไม่พอใจเจ้า’ ดูเถิด เราอยู่ที่นี่ ขอพระองค์ทรงกระทำกับเราตามที่พระองค์ ทรงโปรดเห็นชอบเถิด”
  • 27 พระองค์ตรัสกับศาโดกปุโรหิตด้วยว่า “ท่านเป็นผู้พยากรณ์หรือ จงกลับเข้าไปในเมืองโดยสวัสดิภาพ พร้อมกับบุตรชายทั้งสองของท่านคืออาหิมาอัสบุตรของท่าน และโยนาธานบุตรของอาบียาธาร์
  • 28 ดูก่อนท่าน เราจะคอยอยู่ที่ท่าข้ามไปถิ่นทุรกันดาร จนจะมีข่าวมาจากท่านให้เราทราบ”
  • 29 ฝ่ายศาโดกกับอาบียาธาร์จึง หามหีบของพระเจ้ากลับไปยังกรุงเยรูซาเล็มและพักอยู่ที่นั่น
  • 30 ฝ่ายดาวิดเสด็จขึ้นไปตามทางขึ้นภูเขามะกอกเทศ เสด็จพลางกันแสงพลางมีผ้าคลุมพระเศียรเสด็จโดยพระบาทเปล่า และประชาชนทั้งสิ้นที่อยู่กับ พระองค์ก็เอาผ้าคลุมศีรษะเดินไปพลางร้องไห้พลาง
  • 31 มีคนมากราบทูลดาวิดว่า “อาหิโธเฟลอยู่ในพวกคิดกบฏของอับซาโลมด้วย” ดาวิดกราบทูลว่า “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดให้คำปรึกษาของอาหิโธเฟลฟั่นเฝือไป”
  • 32 อยู่มาเมื่อดาวิดมาถึง ยอดซึ่งเป็นที่นมัสการพระเจ้า ดูเถิด หุชัยตระกูลอารคีได้เข้ามาเฝ้า มีเสื้อผ้าฉีกขาดและดินอยู่บนศีรษะ
  • 33 ดาวิดตรัสกับเขาว่า “ถ้าเจ้าไปกับเราเจ้าจะเป็นภาระแก่เรา
  • 34 แต่ถ้าเจ้ากลับเข้าไปในเมืองและกล่าวกับอับซาโลมว่า ‘ข้าแต่พระราชา ข้าพระบาทขอถวายตัวเป็นข้าของฝ่าพระบาท ดังที่ข้าพระบาทเป็นข้าของพระราชบิดาของ ฝ่าพระบาทมาแต่กาลก่อนฉันใด ข้าพระบาทขอเป็นข้าของฝ่าพระบาทฉันนั้น’ แล้วเจ้าจะกระทำให้คำปรึกษาของอาหิโธเฟลพ่ายแพ้ไป เพื่อเห็นแก่เรา
  • 35 ศาโดกกับอาบียาธาร์ปุโรหิต ก็อยู่กับเจ้าที่นั่นมิใช่หรือ สิ่งใดที่เจ้าได้ยินในพระราชวัง จงบอกให้ศาโดกกับอาบียาธาร์ทราบ
  • 36 ดูเถิด บุตรสองคนของเขาก็อยู่ด้วย คืออาหิมาอัสบุตรศาโดก และโยนาธานบุตรอาบียาธาร์ ดังนั้นเมื่อท่านได้ยินเรื่องอะไรจงใช้เขามา บอกเราทุกเรื่องเถิด”
  • 37 หุชัยสหายของดาวิดจึงกลับเข้าไปในเมือง พอดีกับอับซาโลมกำลังเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页