2 ซา‌มู‌เอล-13

(พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 อัมโนนและทามาร์ ฝ่ายอับซาโลมราชโอรสของดาวิดมีขนิษฐาองค์หนึ่ง รูปโฉมสะคราญชื่อทามาร์ ครั้นอยู่มาอัมโนนราชโอรสของดาวิดก็รักเธอ
  • 2 ด้วยเหตุทามาร์น้องหญิงนี้ จิตใจของอัมโนนก็ถูกทรมานจนถึงกับล้มป่วย ด้วยเหตุว่าเธอเป็นสาวพรหมจารี อัมโนนจึงรู้สึกว่าจะทำอะไรกับเธอไม่ได้เลย
  • 3 แต่อัมโนนมีสหายคนหนึ่งชื่อโยนาดับบุตร ของชิเมอาห์เชษฐาของดาวิด โยนาดับนั้นเป็นคนเจ้าปัญญา
  • 4 จึงทูลถามว่า “ข้าแต่ราชโอรสของพระราชา ไฉนทูลกระหม่อมจึงซมเซาอยู่ทุกเช้าๆ จะไม่บอกให้เกล้าฯทราบบ้างหรือ” อัมโนนตอบเขาว่า “เรารักทามาร์น้องหญิงของอับซาโลมอนุชาของเรา”
  • 5 โยนาดับจึงทูลท่านว่า “ขอเชิญบรรทมบนพระแท่นแสร้งกระทำเป็นประชวร และเมื่อเสด็จพ่อมาเยี่ยมทูลกระหม่อมขอกราบทูลว่า ‘ขอโปรดรับสั่งทามาร์น้องหญิงมาให้อาหารแก่ข้าพระบาท ให้มาเตรียมอาหารต่อหน้าข้าพระบาทเพื่อข้าพระบาทจะ ได้เห็น และได้รับประทานจากมือของเธอ’ ”
  • 6 อัมโนนจึงบรรทมแสร้งทำเป็นประชวร เมื่อพระราชาเสด็จมาเยี่ยม อัมโนนก็ทูลพระราชาว่า “ขอโปรดให้ทามาร์น้องหญิงมาทำขนมสักสองอันต่อ หน้าข้าพระบาท เพื่อข้าพระบาทจะได้รับประทานจากมือของเธอ”
  • 7 ดาวิดทรงใช้คนไปหาทามาร์ที่วังรับสั่งว่า “ขอจงไปที่บ้านของอัมโนนพี่ของเจ้า และเตรียมอาหารให้เขารับประทาน”
  • 8 ทามาร์ก็ไปยังวังของอัมโนนเชษฐาของเธอ ที่ที่เขาบรรทมอยู่ เธอก็หยิบแป้งมานวดทำขนมต่อหน้าเชษฐาแล้วปิ้ง
  • 9 และเธอก็ยกกระทะมาเทออกต่อหน้าเชษฐา แต่อัมโนนก็ไม่ทรงเสวย กล่าวว่า “ให้ทุกคนออกไปเสียให้พ้นเรา” ทุกคนก็ออกไป
  • 10 อัมโนนก็รับสั่งกับทามาร์ว่า “จงเอาอาหารเข้ามาในห้องใน เพื่อพี่จะได้รับประทานจากมือของน้อง” ทามาร์ก็นำขนมที่เธอทำนั้นเข้าไปใน ห้องเพื่อให้แก่อัมโนนเชษฐา
  • 11 แต่เมื่อเธอนำขนมมาใกล้เพื่อให้ท่านรับประทาน ท่านก็จับมือเธอไว้รับสั่งว่า “น้องของพี่เข้ามานอนกับพี่เถิด”
  • 12 เธอจึงตอบท่านว่า “ไม่ได้ดอกพระเชษฐาขออย่าบังคับน้องเลย สิ่งอย่างนี้เขาไม่กระทำกันในอิสราเอล ขออย่ากระทำการโฉดเขลาอย่างนี้เลย
  • 13 ฝ่ายหม่อมฉัน หม่อมฉันจะเอาความอายไปซ่อนไว้ที่ไหน ฝ่ายท่านเล่า ท่านจะเป็นคนโฉดเขลาในอิสราเอล เพราะฉะนั้นขอทูลพระราชาพระองค์คงจะไม่หวง หม่อมฉันไว้ไม่ให้ท่าน”
  • 14 แต่ท่านก็หาฟังเสียงเธอไม่ ด้วยท่านมีกำลังมากกว่าจึงข่มขืน และนอนร่วมกับเธอ
  • 15 ต่อมาอัมโนนก็เบื่อหน่าย และเกลียดชังเธอยิ่งนัก ความเกลียดชังครั้งนี้ก็มากยิ่งกว่าความรักซึ่งท่านได้ รักเธอมาก่อน และอัมโนนรับสั่งกับเธอว่า “จงลุกขึ้นไป”
  • 16 แต่เธอตอบท่านว่า “อย่าเลยพระเชษฐา ที่จะขับไล่หม่อมฉันไปครั้งนี้นั้นก็เป็นความผิดใหญ่ยิ่งกว่าที่พระเชษฐาได้ทำกับน้องมาแล้ว” แต่ท่านหาได้เชื่อฟังเธอไม่
  • 17 ท่านจึงเรียกมหาดเล็กที่ปรนนิบัติอยู่สั่งว่า “จงไล่ผู้หญิงคนนี้ให้ออกไปพ้นหน้าของข้าแล้วปิด ประตูใส่กลอนเสีย”
  • 18 เธอสวมเสื้อคลุมยาวมีแขนดังที่ราชธิดาพรหมจารี ของพระราชาสวมกัน มหาดเล็กของท่านจึงไล่เธอออกไปและใส่กลอนประตูเสีย
  • 19 ทามาร์ก็เอาขี้เถ้าใส่ที่ศีรษะของเธอและฉีกเสื้อคลุมยาวมีแขนที่เธอสวมอยู่นั้นเสีย เอามือกุมศีรษะเดินพลางร้องครวญไปพลาง
  • 20 อับซาโลมเชษฐาของเธอก็กล่าวกับเธอว่า “อัมโนนเชษฐาได้อยู่กับน้องหรือ น้องเอ๋ย นิ่งเสีย เพราะเขาเป็นพี่ อย่าร้อนใจเพราะเรื่องนี้เลย” ฝ่ายทามาร์ก็อยู่เปล่าเปลี่ยวในวังของอับซาโลมเชษฐา
  • 21 เมื่อกษัตริย์ดาวิดทรงทราบเรื่องเหล่านี้ทั้งสิ้น พระองค์ก็กริ้วยิ่งนัก
  • 22 แต่อับซาโลมมิได้ตรัสประการใดกับอัมโนนเลย ไม่ว่าดีหรือร้าย เพราะอับซาโลมเกลียดชังอัมโนนมาก เหตุที่ท่านได้ข่มขืนทามาร์น้องหญิงของท่าน
  • 23 อับซาโลมแก้แค้น และหลบหนี ต่อมาอีกสองปีเต็ม อับซาโลมมีงานตัดขนแกะที่ตำบลบาอัลฮาโซร์ ซึ่งอยู่ใกล้เอฟราอิม และอับซาโลมได้เชิญโอรสทั้งสิ้นของพระราชา ไปในงานนั้น
  • 24 อับซาโลมไปเฝ้าพระราชาทูลว่า “ดูเถิด ข้าพระบาทมีงานตัดขนแกะ ขอเชิญพระราชาและมหาดเล็กของพระองค์ ไปในงานนั้นกับข้าพระบาท”
  • 25 แต่พระราชาตรัสกับอับซาโลมว่า “ลูกเอ๋ย อย่าเลย อย่าให้พวกเราไปกันหมดเลย จะเป็นภาระแก่เจ้าเปล่าๆ” อับซาโลมคะยั้นคะยอพระองค์ ถึงกระนั้นพระองค์มิได้ยอมเสด็จ แต่ทรงอำนวยพระพรให้
  • 26 อับซาโลมจึงกราบทูลว่า “ถ้าไม่โปรดเสด็จก็ขอ อนุญาตให้พระเชษฐาอัมโนนไปด้วยกันเถิด” และพระราชาตรัสถามว่า “ทำไมเขาต้องไปกับเจ้าด้วย”
  • 27 แต่อับซาโลมทูลคะยั้นคะยอจนพระองค์ทรงยอม ให้อัมโนนและราชโอรสของพระราชาทั้งสิ้นไปด้วย
  • 28 แล้วอับซาโลมบัญชามหาดเล็กของท่านว่า “จงคอยดูว่าจิตใจของอัมโนนเพลิดเพลินด้วย เหล้าองุ่นเมื่อไร เมื่อเราสั่งเจ้าว่า ‘จงตีอัมโนน’ เจ้าทั้งหลายจงฆ่าเขาเสีย อย่ากลัวเลย เราบัญชาเจ้าแล้วมิใช่หรือ จงกล้าหาญและเป็นคนเก่งกล้าเถิด”
  • 29 และมหาดเล็กของอับซาโลมก็ กระทำกับอัมโนนตามที่อับซาโลมได้บัญชาไว้ แล้วบรรดาราชโอรสของพระราชาก็พากันลุกขึ้น ทรงล่อของแต่ละองค์หนีไปสิ้น
  • 30 ขณะเมื่อราชโอรสได้ดำเนินอยู่ตามทาง มีข่าวไปถึงดาวิดว่า “อับซาโลมได้ประหารราชโอรสของพระราชาหมดแล้ว ไม่เหลืออยู่สักองค์เดียว”
  • 31 พระราชาทรงลุกขึ้นฉีกฉลองพระองค์ และทรง บรรทมบนพื้นดิน บรรดาข้าราชการทั้งสิ้นสวมเสื้อผ้าฉีกขาดยืนเฝ้าอยู่
  • 32 แต่โยนาดับบุตรชิเมอาห์เชษฐาของดาวิดกราบทูลว่า “ขออย่าให้เจ้านายของข้าพระบาทสำคัญผิดไปว่า เขาได้ประหารราชโอรสหนุ่มแน่นเหล่านั้นหมดแล้ว เพราะว่าอัมโนนสิ้นชีวิตแต่ผู้เดียว เพราะตามบัญชาของอับซาโลม เรื่องนี้ท่านตั้งใจไว้แต่ครั้งที่ อัมโนนข่มขืนทามาร์น้องหญิงของท่านแล้ว
  • 33 ฉะนั้น ขอพระราชาเจ้านายของข้าพระบาทอย่าได้ร้อนพระทัย ด้วยสำคัญว่า ราชโอรสทั้งหมดของพระองค์สิ้นชีวิตเพราะอัมโนน สิ้นชีพแต่ผู้เดียว”
  • 34 แต่อับซาโลมได้หนีไป ฝ่ายทหารยามหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองดู ดูเถิด ประชาชนเป็นอันมากกำลังมาจากถนนโฮโรนาอิมข้างๆภูเขา
  • 35 โยนาดับจึงกราบทูลพระราชาว่า “ดูเถิด ราชโอรสกำลังดำเนินมาแล้ว ตามที่ข้าพระบาทกราบทูลก็เป็นจริงดังนั้น”
  • 36 อยู่มาเมื่อเขาพูดจบลง ดูเถิด ราชโอรสของพระราชาก็มาถึงและได้ร้องไห้ ฝ่ายพระราชาก็กันแสง และบรรดาข้าราชการก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วย
  • 37 อับซาโลมได้หนีไปเข้าเฝ้าทัลมัย โอรสของอัมมีฮูด พระราชาเมืองเกชูร์ 2 ซมอ. 3:3 แต่ดาวิดทรงไว้ทุกข์ให้ราชโอรสของพระองค์วันแล้ววันเล่า
  • 38 ฝ่ายอับซาโลมก็หนีไปยังเมืองเกชูร์ และทรงอยู่ที่นั่นสามปี
  • 39 ดาวิดพระราชาก็ทรงตรอมพระทัยอาลัยถึงอับซาโลม เพราะการที่ทรงคิดถึงอัมโนนนั้นค่อยคลายลง ด้วยเขาสิ้นชีพแล้ว
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页