1
ความเชื่อ ความเชื่อคือความมั่นใจในสิ่งที่หวังไว้ เป็นความแน่ใจในสิ่งที่มองไม่เห็นความเชื่อคือ...สิ่งที่มองไม่เห็น แปลได้อีกว่า ความเชื่อคือแก่นแท้ของสิ่งที่หวังไว้ เป็นข้อพิสูจน์ของสิ่งที่มองไม่เห็น
2
โดยความเชื่อนี้เองคนสมัยก่อนจึงได้รับการรับรองจากพระเจ้า
3
โดยความเชื่อ เราจึงเข้าใจว่า พระเจ้าได้ทรงสร้างจักรวาล ด้วยพระดำรัสของพระองค์ปฐก.1:1; สดด.33:6,9; ยน.1:3 ดังนั้นสิ่งที่มองเห็นจึงเป็นสิ่งที่เกิดจากสิ่งที่ไม่ปรากฏให้เห็น
4
โดยความเชื่อ อาเบลจึงนำเครื่องบูชาที่ดีกว่าของคาอินมาถวายแด่พระเจ้า โดยทางความเชื่อนั้นท่านได้รับการรับรองว่าเป็นคนชอบธรรม พระเจ้าทรงรับรองของถวายของท่าน แม้ว่าอาเบลตายไปแล้ว แต่โดยทางความเชื่อท่านจึงยังพูดอยู่ปฐก.4:3-10
5
โดยความเชื่อ เอโนคจึงถูกรับขึ้นไปเพื่อไม่ให้ท่านประสบกับความตาย ไม่มีผู้ใดพบท่านเพราะพระเจ้าทรงรับท่านไปแล้ว เพราะก่อนที่จะรับท่านขึ้นไปนั้น ท่านได้รับการรับรองแล้วว่าท่านเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าปฐก.5:21-24
6
แต่ถ้าไม่มีความเชื่อแล้ว จะไม่เป็นที่พอพระทัยเลย เพราะว่าผู้ที่จะมาเฝ้าพระเจ้านั้น ต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่ และพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จแก่คนเหล่านั้นที่แสวงหาพระองค์
7
โดยความเชื่อ เมื่อโนอาห์ได้รับพระดำรัสเตือนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ยังมองไม่เห็น ท่านจึงยำเกรงและต่อเรือใหญ่ เพื่อช่วยครอบครัวของตนให้ปลอดภัยปฐก.6:13-22 และโดยทางความเชื่อนั้น ท่านจึงกล่าวโทษชาวโลก และกลายเป็นทายาทแห่งความชอบธรรมซึ่งมาโดยความเชื่อโดยความเชื่อ ในข้อนี้ และข้อ 11 ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ตามความเชื่อ
8
โดยความเชื่อ เมื่ออับราฮัมได้รับการทรงเรียกให้ออกเดินทางไปยังที่ที่ท่านจะรับเป็นมรดก ท่านก็เชื่อฟังและเดินทางออกไปโดยไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนปฐก.12:1-5
9
โดยความเชื่อ ท่านได้อาศัยในแผ่นดินแห่งพระสัญญาเหมือนเป็นคนต่างด้าว โดยพักอยู่ในเต็นท์ร่วมกับอิสอัคและยาโคบผู้เป็นทายาทตามพระสัญญาเดียวกันนั้นปฐก.35:27
10
ท่านเฝ้าคอยนครที่ตั้งอยู่บนรากฐานซึ่งพระเจ้าทรงเป็นสถาปนิกและทรงเป็นผู้สร้าง
11
โดยความเชื่อ อับราฮัมได้รับพลังที่จะมีบุตร แม้ท่านชรามากแล้วแปลได้อีกว่า แม้ท่านผ่านพ้นวัยที่จะมีบุตรมาแล้วปฐก.18:11-14; 21:2 และนางซาราห์เองก็เป็นหมัน เพราะท่านถือว่าพระองค์ผู้ทรงสัญญานั้นซื่อสัตย์แปลได้อีกว่า โดยความเชื่อ นางซาราห์หญิงหมันเองก็ได้รับพลังในการตั้งครรภ์เมื่อชรามากแล้ว เพราะนางถือว่าพระองค์ผู้ทรงสัญญานั้นซื่อสัตย์
12
เหตุฉะนั้น จากชายคนเดียวซึ่งเป็นเสมือนคนตายแล้วนั้น ก็ทำให้มีผู้สืบเชื้อสายเกิดมามากมายดังดวงดาวในท้องฟ้า และดังเม็ดทรายอันนับไม่ถ้วนที่ฝั่งทะเลปฐก.15:5; 22:17; 32:12
13
คนเหล่านี้ทั้งหมดตายในขณะที่ยังมีความเชื่ออยู่ และยังไม่ได้รับสิ่งต่างๆ ที่ทรงสัญญาไว้ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า และยังไม่ได้รับพระสัญญาต่างๆ แต่พวกเขาก็สังเกตเห็นแต่ไกลและรอรับด้วยใจยินดี และยอมรับว่าพวกเขาเป็นคนแปลกถิ่นที่ท่องเที่ยวไปในโลกที่ท่องเที่ยวไปในโลก ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า และเป็นคนต่างด้าวในโลกปฐก.23:4;1 พศด.29:15; สดด.39:12
14
เพราะคนที่พูดอย่างนี้ก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่า พวกเขากำลังแสวงหาเมืองที่จะได้เป็นของตนเอง
15
ถ้าพวกเขาคิดถึงบ้านเมืองที่จากมานั้น พวกเขาก็คงจะมีโอกาสกลับไปได้
16
แต่ความจริงพวกเขาปรารถนาบ้านเมืองที่ประเสริฐกว่านั้นคือเมืองสวรรค์ เพราะฉะนั้น พระเจ้าจึงไม่ได้ทรงละอายที่จะได้รับการเรียกว่าเป็นพระเจ้าของพวกเขา เพราะพระองค์ทรงจัดเตรียมเมืองหนึ่งไว้สำหรับพวกเขาแล้ว
17
โดยความเชื่อ เมื่ออับราฮัมถูกลองใจ จึงได้ถวายอิสอัคเป็นเครื่องบูชา และท่านผู้ได้รับพระสัญญา ก็พร้อมแล้วที่จะถวายบุตรชายคนเดียวของท่านปฐก.22:1-14
18
คือบุตรคนที่มีพระดำรัสว่า “เขาจะเรียกเชื้อสายของท่านทางสายอิสอัค” ปฐก.21:12
19
ท่านเชื่อว่าพระเจ้าทรงสามารถทำให้คนตายเป็นขึ้นมาได้ ฉะนั้นโดยอุปมาแล้ว ท่านได้รับบุตรคืนมา
20
โดยความเชื่อ อิสอัคจึงอวยพรยาโคบและเอซาว สำหรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในภายหน้าปฐก.27:27-29,39-40
21
โดยความเชื่อ เมื่อยาโคบใกล้จะตาย จึงอวยพรบุตรแต่ละคนของโยเซฟ และได้นมัสการพระเจ้า ขณะยันกายบนหัวไม้เท้าของท่านปฐก.47:31-48:20
22
โดยความเชื่อ เมื่อโยเซฟกำลังจะตาย จึงกล่าวถึงการอพยพของคนอิสราเอล และสั่งเสียเรื่องกระดูกของท่านปฐก.50:24-25; อพย.13:19
23
โดยความเชื่อ เมื่อโมเสสเกิดมา บิดามารดาจึงซ่อนท่านไว้ถึงสามเดือนอพย.2:2 เพราะเห็นว่าท่านเป็นเด็กน่ารัก และบิดามารดาของท่านไม่ได้กลัวคำสั่งของกษัตริย์เลยอพย.1:22
24
โดยความเชื่อ เมื่อโมเสสโตแล้ว ท่านไม่ยอมให้ใครเรียกท่านว่า เป็นบุตรของธิดากษัตริย์ฟาโรห์อพย.2:10-12
25
ท่านเลือกการร่วมทุกข์กับประชากรของพระเจ้าแทนการเริงสำราญชั่วคราวในบาป
26
ท่านถือว่าความอับอายขายหน้าเพื่อพระคริสต์ล้ำค่ากว่าสมบัติทั้งหลายของอียิปต์ เพราะท่านเพ่งดูที่บำเหน็จที่จะได้รับนั้น
27
โดยความเชื่อ ท่านจึงออกจากอียิปต์อพย.2:15 โดยไม่ได้เกรงกลัวความกริ้วของกษัตริย์ ท่านสู้ทนประหนึ่งได้เห็นพระองค์ผู้ไม่ทรงปรากฏแก่ตา
28
โดยความเชื่อ ท่านถือปัสกาและพิธีประพรมเลือด เพื่อไม่ให้ทูตมรณะมาแตะต้องบุตรหัวปีของคนอิสราเอลอพย.12:21-30
29
โดยความเชื่อ พวกอิสราเอลจึงเดินข้ามทะเลแดงเหมือนกับว่าเดินบนดินแห้ง แต่เมื่อพวกอียิปต์ลองเดินข้ามดูบ้างก็จมน้ำตายหมดอพย.14:21-31
30
โดยความเชื่อ กำแพงเมืองเยรีโคพังลง หลังจากคนอิสราเอลเดินรอบกำแพงครบเจ็ดวันยชว.6:12-21
31
โดยความเชื่อ ราหับหญิงโสเภณีจึงไม่ได้พินาศไปพร้อมกับพวกที่ไม่เชื่อฟังยชว.6:22-25 เพราะนางได้ต้อนรับคนสอดแนมเป็นอย่างดี ยชว.2:1-21
32
แล้วจะให้ข้าพเจ้ากล่าวอะไรต่อไปอีก เพราะไม่มีเวลาพอที่จะกล่าวถึง กิเดโอนวนฉ.6:11-8:32 บาราควนฉ.4:6-5:31 แซมสันวนฉ.13:2-16:31 เยฟธาห์วนฉ.11:1-12:7 ดาวิด 1 ซมอ.16:1 -1 พกษ.2:11 และซามูเอล 1 ซมอ.1:1-25:1 และผู้เผยพระวจนะทั้งหลาย
33
ผู้ซึ่งอาศัยความเชื่อภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ผู้ซึ่งโดยทางความเชื่อจึงพิชิตอาณาจักรต่างๆ ปกครองด้วยความเที่ยงธรรม ได้รับสิ่งต่างๆ ที่ทรงสัญญาไว้ ได้ปิดปากสิงโตดนล.6:1-27
34
ได้ดับไฟที่ไหม้อย่างรุนแรงดนล.3:1-30 ได้พ้นจากคมดาบ ได้เปลี่ยนจากคนอ่อนแอมาเป็นคนเข้มแข็ง มีกำลังมากในการสงคราม ได้ตีกองทัพของประเทศอื่นๆ แตกพ่ายไป
35
พวกผู้หญิงก็ได้คนของพวกนางที่เป็นขึ้นจากความตาย1 พกษ.17:17-24;2 พกษ.4:25-37 บางคนถูกทรมานแต่ก็ไม่ยอมรับการปลดปล่อย เพื่อจะได้เป็นขึ้นมาสู่ชีวิตที่ดีกว่า
36
บางคนพบกับการเยาะเย้ยและการโบยตี และยังถูกล่ามโซ่และถูกขังคุกด้วย1 พกษ.22:26-27;2 พศด.18:25-26; ยรม.20:2; 37:15; 38:6
37
บางคนถูกขว้างด้วยก้อนหิน2 พศด.24:21 บางคนถูกเลื่อยเป็นสองท่อนสำเนาโบราณบางฉบับเพิ่มว่า บางคนถูกทดลอง บางคนถูกฆ่าด้วยคมดาบ บางคนก็นุ่งห่มหนังแกะหนังแพะพเนจรไป สิ้นเนื้อประดาตัว ตกระกำลำบากและถูกทำทารุณ
38
แผ่นดินโลกไม่คู่ควรกับคนเช่นนั้นเลย เขาพเนจรไปตามถิ่นทุรกันดารและตามภูเขา ในถ้ำและในโพรงใต้ดิน
39
แม้คนเหล่านี้ทุกคนได้รับการรับรองเพราะความเชื่อเพราะความเชื่อ ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า โดยทางความเชื่อนั้น แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้รับสิ่งที่ทรงสัญญาไว้ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ไม่ได้รับพระสัญญา
40
เพราะพระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งที่ประเสริฐยิ่งกว่านั้นไว้สำหรับพวกเรา เพื่อพวกเขาจะถึงความสมบูรณ์ด้วยกันกับพวกเราภาษากรีกแปลตรงตัวว่า เพื่อพวกเขาจะถึงความสมบูรณ์ไม่ได้หากปราศจากพวกเรา