1
เพราะเหตุที่ธรรมบัญญัติเป็นเพียงเงาของสิ่งประเสริฐทั้งหลายที่จะมาในภายหลัง ไม่ใช่ตัวจริง จึงไม่สามารถทำให้ผู้ที่เข้าเฝ้าพระเจ้าพร้อมกับเครื่องบูชาที่พวกเขาถวายเหมือนเดิมทุกปีเสมอมานั้น ถึงความสมบูรณ์ได้
2
เพราะถ้าทำได้ พวกเขาคงหยุดการถวายเครื่องบูชาแล้วไม่ใช่หรือ? เพราะถ้าผู้นมัสการได้รับการชำระให้บริสุทธิ์สักครั้งหนึ่งแล้ว คงจะไม่รู้สึกว่ามีบาปอีกต่อไป
3
แต่การถวายเครื่องบูชานั้นเป็นการเตือนให้คิดถึงบาปทุกปี
4
เพราะเลือดวัวผู้และเลือดแพะไม่มีทางชำระบาปให้หมดสิ้นไปได้เลย
5
เพราะฉะนั้น เมื่อพระคริสต์เสด็จเข้ามาในโลกแล้ว พระองค์ตรัสว่า“พระองค์เจ้าข้า ภาษากรีก ไม่มีคำนี้ เหตุที่ใส่ไว้ก็เพื่อให้คำสรรพนามต่อมาชัดเจน เครื่องสัตวบูชาและเครื่องบูชาอื่นๆ พระองค์ไม่ทรงประสงค์แต่พระองค์ทรงจัดเตรียมกายสำหรับข้าพระองค์
6
เครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาลบบาปนั้นพระองค์ไม่พอพระทัย
7
แล้วข้าพระองค์ทูลว่า‘ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์มาแล้วเพื่อจะทำตามพระทัยของพระองค์’ตามที่มีเรื่องข้าพระองค์เขียนไว้ในหนังสือม้วน” สดด.40:6-8
8
เมื่อพระองค์ตรัสในตอนแรกว่า “เครื่องสัตวบูชาและเครื่องบูชาอื่นๆ และเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาลบบาป (ที่ได้ถวายตามธรรมบัญญัตินั้น) พระองค์ไม่ทรงประสงค์และไม่พอพระทัย”
9
แล้วพระองค์ท่านก็ตรัสด้วยว่า “ข้าพระองค์มาแล้วเพื่อจะทำตามพระทัยของพระองค์” พระองค์ท่านทรงยกเลิกระบบเดิมนั้นเสียเพื่อจะทรงตั้งระบบใหม่
10
และโดยพระประสงค์นั้นเอง เราจึงได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ โดยการถวายพระกายของพระเยซูคริสต์ครั้งเดียวเป็นพอ
11
ส่วนปุโรหิตทุกคนก็ยืนปฏิบัติกิจอยู่ทุกวัน โดยการนำเครื่องบูชาอย่างเดียวกันมาถวายเสมอๆ เครื่องบูชาเหล่านั้นไม่มีวันลบล้างบาปได้เลยอพย.29:38
12
แต่เมื่อพระคริสต์ทรงถวายเครื่องบูชาเพื่อลบบาปเพื่อลบบาป ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า เนื่องจากบาปทั้งหลายเพียงครั้งเดียวสำหรับตลอดไปแล้ว พระองค์ก็ประทับเบื้องขวาของพระเจ้า
13
เพื่อทรงคอยอยู่จนกว่าศัตรูของพระองค์ถูกนำมาเป็นที่รองพระบาทของพระองค์สดด.110:1
14
โดยการถวายบูชาเพียงครั้งเดียว พระองค์ก็ทรงทำให้คนทั้งหลายที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้วนั้นถึงความสมบูรณ์ตลอดไป
15
และพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ทรงเป็นพยานแก่เราด้วย เพราะหลังจากที่พระองค์ตรัสว่า
16
“องค์พระผู้เป็นเจ้า คำว่า องค์พระผู้เป็นเจ้า ในข้อนี้และข้อ 30 หมายถึงพระเจ้า ตรัสว่า นี่คือพันธสัญญาซึ่งเราจะทำกับเขาทั้งหลายหลังจากสมัยนั้นเราจะบรรจุธรรมบัญญัติของเราไว้ในใจของพวกเขาและเราจะจารึกมันไว้ในจิตใจของพวกเขา” ยรม.31:33
17
“และเราจะไม่จดจำบาปของพวกเขา และการอธรรมของพวกเขาอีกต่อไป”ยรม.31:34
18
เมื่อมีการยกโทษบาปแล้ว ก็ไม่มีการถวายเครื่องบูชาเพื่อลบบาปอีกต่อไป
19
คำกำชับและคำเตือน เพราะฉะนั้น พี่น้องทั้งหลาย เมื่อเรามีใจกล้าที่จะเข้าไปในสถานศักดิ์สิทธิ์โดยพระโลหิตของพระเยซู
20
ตามทางใหม่และเป็นทางที่มีชีวิต ซึ่งพระองค์ทรงเปิดให้เราผ่านเข้าไปทางม่านนั้น คือทางพระกายของพระองค์
21
และเมื่อเรามีปุโรหิตใหญ่เหนือหมู่คนของพระเจ้าแล้ว
22
ก็ให้เราเข้าไปใกล้ด้วยใจจริง ด้วยความไว้ใจเต็มที่ มีใจที่ได้รับการประพรมให้พ้นจากแปลได้อีกว่า รับการชำระให้สะอาดจากมโนธรรมที่ไม่ดีมโนธรรมที่ไม่ดี หมายถึง มโนธรรมที่ทำให้เรารู้สึกถึงความผิด และมีกายที่ล้างชำระด้วยน้ำสะอาดลนต.8:30; อสค.36:25
23
ขอให้เรายังคงยึดมั่นในความหวังที่ประกาศรับไว้นั้นโดยไม่หวั่นไหว เพราะว่าพระองค์ผู้ประทานพระสัญญานั้นทรงซื่อสัตย์
24
และขอให้เราพิจารณาดูเพื่อจะปลุกใจกันและกันให้มีความรักและทำความดีพิจารณาดูเพื่อ...และทำความดี แปลได้อีกว่า เอาใจใส่กันและกันที่จะปลุกใจให้มีความรักและทำความดี
25
อย่าขาดการประชุมเหมือนอย่างบางคนทำเป็นนิสัย แต่จงหนุนใจกันให้มากยิ่งขึ้น เพราะพวกท่านก็รู้อยู่ว่าวันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว
26
เพราะถ้าเรายังจงใจทำบาปอยู่เรื่อยๆ หลังจากได้รับความรู้เรื่องความจริงแล้ว ก็จะไม่มีเครื่องบูชาลบบาปเหลืออยู่เลย
27
แต่จะมีความหวาดกลัวในการรอคอยการพิพากษาและไฟอันร้ายแรง ซึ่งจะเผาผลาญบรรดาศัตรูแปลได้อีกว่า บรรดาคนที่ขัดขวางนั้นอสย.26:11
28
ส่วนคนที่ละเมิดธรรมบัญญัติของโมเสสนั้น ถ้ามีพยานสักสองหรือสามปาก ก็จะต้องตายโดยปราศจากความปรานีฉธบ.17:6; 19:15
29
แล้วพวกท่านคิดดูซิว่าคนที่เหยียบย่ำพระบุตรของพระเจ้า และถือว่าพระโลหิตแห่งพันธสัญญาอพย.24:8 ซึ่งชำระเขาให้บริสุทธิ์นั้นเป็นมลทิน และดูหมิ่นพระวิญญาณแห่งพระคุณ สมควรจะถูกลงโทษหนักกว่าสักเท่าใด
30
เพราะว่าเรารู้จักพระองค์ผู้ตรัสว่า“การแก้แค้นเป็นของเรา เราจะตอบสนอง” ฉธบ.32:35และตรัสอีกว่า“องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงพิพากษาประชากรของพระองค์” ฉธบ.32:36
31
การตกอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์นั้นเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัว
32
แต่ท่านทั้งหลายจงระลึกถึงคราวก่อนนั้น หลังจากที่ได้รับความสว่างแล้ว พวกท่านได้สู้ทนต่อความยากลำบากอย่างใหญ่หลวง
33
บางทีท่านก็ถูกประจานให้อับอายขายหน้าและถูกข่มเหง บางทีท่านก็ร่วมทุกข์กับคนที่ถูกกระทำเช่นนั้น
34
เพราะว่าท่านทั้งหลายมีใจเมตตาต่อผู้ที่ถูกคุมขังเหล่านั้น และเมื่อมีคนปล้นชิงเอาทรัพย์สิ่งของของท่านไป ท่านก็ยอมให้ด้วยใจยินดี เพราะท่านรู้แล้วว่าท่านมีทรัพย์สมบัติที่ดีกว่าและถาวรกว่านั้นอีก
35
เพราะฉะนั้น อย่าละทิ้งความไว้วางใจของท่าน อันจะนำมาซึ่งบำเหน็จยิ่งใหญ่
36
ท่านทั้งหลายจำเป็นต้องมีความทรหดอดทน เพื่อท่านจะสามารถทำตามพระทัยของพระเจ้าได้ แล้วท่านก็จะได้รับสิ่งที่ทรงสัญญาไว้นั้นภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ได้รับพระสัญญานั้น
37
เพราะอีก เพียงไม่นานพระองค์ผู้จะเสด็จมาก็จะเสด็จมาและจะไม่ทรงชักช้า
38
แต่คนชอบธรรมของเรานั้นจะดำรงชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อและถ้าเขาหันกลับเราจะไม่มีความพอใจในคนนั้นเลย ฮบก.2:3-4
39
แต่พวกเราเองไม่ใช่พวกที่หันกลับ และถึงซึ่งความพินาศ แต่เป็นพวกที่เชื่อมั่น จึงทำให้ชีวิตปลอดภัย