ลูกา-13

(ฉบับมาตรฐาน 2011)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 จงกลับใจใหม่ไม่เช่นนั้นจะพินาศ ขณะนั้นบางคนซึ่งอยู่ที่นั่นเล่าเรื่องชาวกาลิลีที่ปีลาตเอาเลือดและเครื่องบูชาของพวกเขามาคละเคล้าด้วยกันให้พระเยซูทรงฟัง
  • 2 พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายคิดว่าชาวกาลิลีเหล่านั้นเป็นคนบาปยิ่งกว่าชาวกาลิลีอื่นๆ ทั้งหมด เพราะพวกเขาต้องทนทุกข์อย่างนั้นหรือ?
  • 3 เราบอกพวกท่านว่า ไม่ใช่ แต่ท่านเองถ้าไม่กลับใจใหม่ก็จะต้องพินาศเหมือนกัน
  • 4 สิบแปดคนนั้นที่ถูกหอรบสิโลอัมพังทับตาย ท่านคิดว่าพวกเขาทำผิดมากกว่าคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มทั้งหมดหรือ?
  • 5 เราบอกพวกท่านว่า ไม่ใช่ แต่ถ้าท่านทุกคนไม่กลับใจใหม่ก็จะต้องพินาศเช่นกัน”
  • 6 อุปมาเรื่องต้นมะเดื่อที่ไม่มีผล พระองค์ตรัสอุปมาต่อไปนี้ว่า “ชายคนหนึ่งปลูกต้นมะเดื่อต้นหนึ่งไว้ในสวนองุ่นของตน และเขามาหาผลที่ต้นนั้นแต่ไม่พบ
  • 7 เขาจึงพูดกับผู้ที่รักษาเถาองุ่นว่า ‘นี่แน่ะ เรามาหาผลที่ต้นมะเดื่อนี้สามปีแล้ว แต่ไม่พบ จงโค่นมันทิ้งไป จะให้ดินจืดไปเปล่าๆ ทำไม?’
  • 8 แต่ผู้รักษาเถาองุ่นตอบเขาว่า ‘นายเจ้าข้า ขอเก็บเอาไว้อีกปี ลองให้ข้าพเจ้าพรวนดินใส่ปุ๋ยดู
  • 9 ถ้าปีหน้ามันเกิดผลก็ดีไป แต่ถ้าไม่ ท่านจะโค่นมันทิ้งก็ได้’ ”
  • 10 การทรงรักษาหญิงหลังโกงในวันสะบาโต ขณะที่พระเยซูทรงสั่งสอนอยู่ที่ธรรมศาลาแห่งหนึ่งในวันสะบาโต
  • 11 มีผู้หญิงคนหนึ่งที่มีผีเข้าสิงซึ่งทำให้นางเป็นโรคมาสิบแปดปีแล้วอยู่ที่นั่นด้วย หลังของนางก็โกง ยืดตัวขึ้นไม่ได้เลย
  • 12 เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นจึงทรงเรียกและตรัสกับนางว่า “หญิงเอ๋ย เธอได้รับการปลดปล่อยให้พ้นจากโรคของเธอแล้ว”
  • 13 เมื่อพระองค์วางพระหัตถ์บนตัวนาง ทันใดนั้นนางก็ยืดตัวตรงได้ และสรรเสริญพระเจ้า
  • 14 แต่นายธรรมศาลาไม่พอใจ เพราะพระเยซูทรงรักษาโรคในวันสะบาโต จึงพูดกับฝูงชนว่า “มีถึงหกวันสำหรับทำงาน จงมาและรับการรักษาโรคภายในหกวันนั้น อย่าทำในวันสะบาโต”อพย.20:9-10; ฉธบ.5:13-14
  • 15 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบเขาว่า “โอ พวกหน้าซื่อใจคด พวกท่านทุกคนก็ปล่อยวัวปล่อยลาออกจากคอกของมันพาไปกินน้ำในวันสะบาโตไม่ใช่หรือ?
  • 16 ผู้หญิงคนนี้เป็นบุตรสาวของอับราฮัมซึ่งถูกซาตานผูกมัดไว้ถึงสิบแปดปีแล้ว ไม่ควรหรือที่จะให้นางหลุดพ้นจากเครื่องจำจองนี้ในวันสะบาโต?”
  • 17 เมื่อพระองค์ตรัสอย่างนั้นแล้ว พวกที่เป็นศัตรูกับพระองค์ก็ได้รับความอับอาย แต่ฝูงชนทั้งหมดชื่นชมยินดีกับคุณความดีทุกประการที่พระองค์ทรงทำอุปมาเรื่องเมล็ดมัสตาร์ดและเชื้อขนม
  • 18 ( มธ.13:31-33 ; มก.4:30-32 ) พระองค์ตรัสว่า “แผ่นดินของพระเจ้าเหมือนสิ่งใด? และเราจะเปรียบแผ่นดินนั้นกับอะไรดี?
  • 19 ก็เป็นเหมือนเมล็ดมัสตาร์ดเมล็ดเล็กๆ ชนิดหนึ่งซึ่งมีในปาเลสไตน์ ต้นของมันขึ้นสูงถึงสาม สี่เมตรและมีกิ่งก้านเล็กๆ ที่คนหนึ่งเอาไปปลูกในสวน มันงอกขึ้นเป็นต้นใหญ่ และนกในอากาศมาทำรังอาศัยอยู่ตามกิ่งก้านของต้นนั้น”
  • 20 พระองค์ตรัสอีกว่า “เราจะเปรียบแผ่นดินของพระเจ้ากับอะไร?
  • 21 ก็เป็นเหมือนเชื้อหมายถึง เชื้อขนม ซึ่งผู้หญิงคนหนึ่งเอามาเจือลงในแป้งสามถังจนแป้งนั้นฟูขึ้นทั้งหมด”ประตูคับแคบ
  • 22 ( มธ.7:13-14 , 21-23 ) พระเยซูเสด็จไปตามบ้านเมืองต่างๆ ทรงสั่งสอนระหว่างทางที่มุ่งไปสู่กรุงเยรูซาเล็ม
  • 23 มีคนหนึ่งมาทูลถามพระองค์ว่า “ท่านเจ้าข้า คนที่รอดนั้นมีจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นหรือ?” พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า
  • 24 “จงเพียรพยายามเข้าไปทางประตูที่คับแคบ เราบอกท่านทั้งหลายว่า แม้คนจำนวนมากพยายามจะเข้าไป แต่จะเข้าไม่ได้
  • 25 เมื่อเจ้าของบ้านลุกขึ้นปิดประตูแล้ว และพวกท่านยืนอยู่ภายนอกเคาะที่ประตูว่า ‘นายเจ้าข้า ช่วยเปิดให้เราด้วย’ แต่เจ้าของบ้านนั้นจะตอบท่านว่า ‘เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากไหน’
  • 26 แล้วท่านจะกล่าวว่า ‘เราเคยกินดื่มกับนาย และนายก็เคยสั่งสอนที่ถนนของเรา’
  • 27 แต่เจ้าของบ้านนั้นจะกล่าวว่า ‘เราไม่รู้ว่าพวกเจ้าที่ทำความชั่วมาจากไหน จงไปให้พ้นหน้าเรา’สดด.6:8
  • 28 แล้วจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในเวลาที่พวกท่านเห็นอับราฮัม อิสอัค ยาโคบ และบรรดาผู้เผยพระวจนะในแผ่นดินของพระเจ้า แต่ตัวพวกท่านเองก็จะถูกขับไล่ออกไปอยู่ข้างนอกมธ.22:13; 25:30
  • 29 และจะมีคนจากทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต้ มานั่งร่วมโต๊ะในแผ่นดินของพระเจ้ามธ.8:11-12
  • 30 และแน่นอนว่า ผู้ที่เป็นคนสุดท้ายจะกลับกลายเป็นคนแรก และผู้ที่เป็นคนแรกจะกลับกลายเป็นคนสุดท้ายมธ.19:30; 20:16; มก.10:31”การทรงคร่ำครวญถึงกรุงเยรูซาเล็ม
  • 31 ( มธ.23:37-39 ) ในเวลานั้นเอง มีพวกฟาริสีบางคนมาทูลพระองค์ว่า “ท่านจงไปจากที่นี่เถิด เพราะว่าเฮโรดต้องการจะฆ่าท่าน”
  • 32 พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า “จงไปบอกเจ้าหมาจิ้งจอกตัวนั้นว่า ‘จงฟังให้ดี เราขับผีและรักษาโรคในวันนี้และวันพรุ่งนี้ แล้วในวันที่สามเราก็จะเสร็จงาน’
  • 33 แต่ว่าเราจำเป็นจะต้องเดินต่อไปในวันนี้ วันพรุ่งนี้ และวันมะรืนนี้ เพราะว่าเป็นไปไม่ได้ที่ผู้เผยพระวจนะจะถูกฆ่านอกกรุงเยรูซาเล็ม
  • 34 โอ เยรูซาเล็มๆ เมืองที่ฆ่าบรรดาผู้เผยพระวจนะและเอาหินขว้างพวกที่ทรงใช้มาหาถึงตาย บ่อยครั้งเราปรารถนาจะรวบรวมลูกๆ ของเจ้าไว้ เหมือนแม่ไก่ที่กกลูกอยู่ใต้ปีกของมัน แต่พวกเจ้าไม่ยอม
  • 35 นี่แน่ะ นิเวศของพวกเจ้าจะถูกทอดทิ้ง เราบอกพวกเจ้าว่า เจ้าจะไม่เห็นเราจนกว่าพวกเจ้าจะกล่าวว่า ‘ขอให้ท่านผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าหมายถึง พระเจ้าทรงพระเจริญ’สดด.118:26”
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页