ลูกา-14

(ฉบับมาตรฐาน 2011)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 การทรงรักษาชายที่เป็นโรคบวมน้ำ เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในบ้านผู้นำคนหนึ่งของพวกฟาริสีในวันสะบาโตเพื่อทรงร่วมโต๊ะอาหาร พวกเขาก็คอยดูพระองค์
  • 2 นี่แน่ะ มีคนหนึ่งเป็นโรคบวมน้ำมาอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์
  • 3 พระเยซูจึงตรัสถามพวกผู้เชี่ยวชาญบัญญัติและพวกฟาริสีว่า “ถ้าจะรักษาคนป่วยในวันสะบาโตผิดบัญญัติหรือไม่?”
  • 4 พวกเขาก็นิ่งอยู่ พระองค์ทรงดึงตัวคนนั้นและทรงรักษาเขาให้หาย แล้วก็ปล่อยเขาไป
  • 5 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ใครในพวกท่านถ้ามีลูกหรือวัวตกบ่อ จะไม่รีบฉุดขึ้นมาในวันสะบาโตหรือ?”มธ.12:11
  • 6 และพวกเขาตอบข้อนี้ไม่ได้
  • 7 คำสอนสำหรับแขกและเจ้าของบ้าน เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นบรรดาคนที่ได้รับเชิญนั้นเลือกเอาแต่ที่นั่งอันมีเกียรติ พระองค์จึงตรัสเรื่องเปรียบเทียบแก่พวกเขาว่า
  • 8 “เมื่อท่านได้รับเชิญไปในการเลี้ยงสมรส อย่านั่งในที่อันมีเกียรติ เกรงว่าเขาจะเชิญคนที่มียศศักดิ์มากกว่าท่านมาด้วย
  • 9 และเจ้าภาพคนที่เชิญท่านทั้งสองฝ่ายมานั้น จะมาพูดกับท่านว่า ‘ขอที่นั่งตรงนี้ให้กับท่านผู้นี้เถิด’ แล้วท่านก็จะต้องขายหน้าเลื่อนลงมาอยู่ที่ต่ำสุด
  • 10 ฉะนั้นเมื่อท่านได้รับเชิญ จงไปนั่งในที่ต่ำก่อน เพื่อที่ว่าเมื่อเจ้าภาพมาพูดกับท่านว่า ‘เพื่อนเอ๋ย เชิญไปนั่งในที่อันมีเกียรติเถิด’ เมื่อนั้นท่านจะได้รับเกียรติต่อหน้าทุกคนที่ร่วมนั่งรับประทานนั้นสภษ.25:6-7
  • 11 เพราะว่าทุกคนที่ยกตัวขึ้นจะต้องถูกเหยียดลง และคนที่ถ่อมตัวลงจะได้รับการยกขึ้น”มธ.23:12; ลก.18:14
  • 12 แล้วพระเยซูตรัสกับคนที่เชิญพระองค์ว่า “เมื่อท่านจะจัดการเลี้ยงไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือเวลาเย็นก็ตาม อย่าเชิญเฉพาะเพื่อนๆ หรือพี่น้อง หรือญาติๆ หรือบรรดาเพื่อนบ้านที่มั่งมี คาดว่าพวกเขาจะเชิญท่านกลับคืน แล้วท่านจะได้รับการตอบแทน
  • 13 แต่เมื่อท่านจัดการเลี้ยงนั้น จงเชิญคนจน คนพิการ คนง่อย และคนตาบอด
  • 14 แล้วท่านจะเป็นสุข เพราะว่าเขาทั้งหลายไม่มีอะไรจะตอบแทนท่าน ส่วนท่านจะได้รับการตอบแทนเมื่อคนชอบธรรมเป็นขึ้นจากตาย”อุปมาเรื่องงานเลี้ยงใหญ่
  • 15 ( มธ.22:1-10 ) คนหนึ่งที่ร่วมนั่งรับประทาน เมื่อได้ยินคำเหล่านั้นจึงทูลพระองค์ว่า “ผู้ที่จะได้รับประทานอาหารในแผ่นดินของพระเจ้าก็เป็นสุข”
  • 16 พระองค์ตรัสกับเขาว่า “มีคนหนึ่งจัดงานเลี้ยงใหญ่และเชิญแขกไว้จำนวนมาก
  • 17 เมื่อถึงเวลางานเลี้ยง เขาก็ใช้บ่าวไปบอกพวกที่ได้รับเชิญไว้แล้วว่า ‘เชิญมาเถิด เพราะสิ่งสารพัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว’
  • 18 พวกนั้นต่างพากันขอตัว คนแรกบอกว่า ‘ข้าพเจ้าซื้อนาไว้ และจะต้องไปดูนานั้น ข้าพเจ้าขอตัวเถอะ’
  • 19 อีกคนหนึ่งบอกว่า ‘ข้าพเจ้าซื้อวัวไว้ห้าคู่และจะต้องไปลองวัวนั้น ข้าพเจ้าขอตัวเถอะ’
  • 20 อีกคนหนึ่งก็บอกว่า ‘ข้าพเจ้าเพิ่งแต่งงานใหม่ เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าไปไม่ได้’
  • 21 บ่าวคนนั้นจึงกลับมารายงานสิ่งเหล่านี้ให้นายฟัง นายก็โกรธ จึงสั่งบ่าวว่า ‘จงออกไปโดยเร็ว ไปตามถนนใหญ่และตรอกเล็กซอยน้อยในเมือง พาคนยากจน คนพิการ คนตาบอด และคนง่อยเข้ามาที่นี่’
  • 22 แล้วบ่าวก็มาบอกว่า ‘นายเจ้าข้า ข้าพเจ้าทำตามที่ท่านสั่งแล้ว แต่ยังมีที่ว่างอยู่’
  • 23 นายจึงสั่งบ่าวคนนั้นว่า ‘จงออกไปตามถนนและตามหนทางที่มีรั้วรอบขอบชิด บังคับให้พวกเขาเข้ามา เพื่อให้บ้านของเรามีแขกเต็ม
  • 24 เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในพวกคนที่ได้รับเชิญนั้น จะไม่มีสักคนหนึ่งได้ลิ้มรสอาหารของเราเลย’ ”ความเสียสละในการเป็นสาวก
  • 25 ( มธ.10:37-38 ) มีมหาชนไปกับพระเยซู พระองค์จึงทรงเหลียวหลังตรัสกับพวกเขาว่า
  • 26 “ถ้าใครมาหาเราและไม่ชังแปลได้อีกว่า ไม่พร้อมที่จะสละบิดามารดา บุตรภรรยา และพี่น้องชายหญิง แม้แต่ชีวิตของตนเอง คนนั้นจะเป็นสาวกของเราไม่ได้มธ.10:37
  • 27 และใครก็ตามที่ไม่ได้แบกกางเขนของตนตามเรามา คนนั้นจะเป็นสาวกของเราไม่ได้มธ.10:38; 16:24; มก.8:34; ลก.9:23
  • 28 ในพวกท่านมีใครบ้างเมื่อปรารถนาจะสร้างตึก จะไม่นั่งลงคิดราคาดูเสียก่อนว่า จะมีพอที่จะสร้างให้สำเร็จได้หรือไม่?
  • 29 เกรงว่าเมื่อวางรากฐานแล้ว และทำให้สำเร็จไม่ได้ ทุกคนที่เห็นก็จะเยาะเย้ยเขา
  • 30 ว่า ‘คนนี้เริ่มต้นก่อ แต่ทำให้สำเร็จไม่ได้’
  • 31 หรือมีกษัตริย์องค์ไหน เมื่อจะยกกองทัพไปทำสงครามกับกษัตริย์อีกองค์หนึ่งนั้น จะไม่นั่งลงคิดดูเสียก่อนหรือว่า ที่มีพลทหารหนึ่งหมื่นจะสู้กับกองทัพที่ยกมารบสองหมื่นได้หรือไม่?
  • 32 ถ้าสู้ไม่ได้ก็จะใช้พวกทูตไปเจรจาผูกไมตรีกันในระหว่างที่อีกฝ่ายยังอยู่ไกล
  • 33 เช่นนั้นแหละ ทุกคนในพวกท่านที่ไม่ได้สละสิ่งสารพัดที่มีอยู่จะเป็นสาวกของเราไม่ได้เกลือที่หมดรสเค็ม
  • 34 ( มธ.5:13 ; มก.9:50 ) “เกลือเป็นสิ่งดี แต่ถ้าเกลือนั้นหมดรสเค็มไปแล้ว จะทำให้กลับเค็มอีกได้อย่างไร?
  • 35 จะใช้เป็นปุ๋ยใส่ดินก็ไม่ได้ จะหมักไว้กับกองมูลสัตว์ก็ไม่ได้ มีแต่จะถูกเอาไปโยนทิ้งเท่านั้น ใครมีหูที่จะฟังก็จงฟังเถิด”
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页