ลูกา-10

(ฉบับมาตรฐาน 2011)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 พวกเจ็ดสิบสองคนออกประกาศ ภายหลังเหตุการณ์เหล่านั้น พระเยซูทรงแต่งตั้งอีกเจ็ดสิบสองสำเนาโบราณหลายฉบับว่า เจ็ดสิบคนและทรงใช้พวกเขาออกไปเป็นคู่ๆ ล่วงหน้าไปก่อนพระองค์ เข้าไปทุกเมืองและทุกตำบลที่พระองค์จะเสด็จไปนั้น
  • 2 พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมาก แต่คนงานยังน้อยอยู่ เพราะฉะนั้นพวกท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์มธ.9:37-38
  • 3 ไปเถอะ เราใช้พวกท่านออกไปเหมือนอย่างลูกแกะที่อยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่ามธ.10:16
  • 4 อย่าเอาถุงเงิน หรือย่าม หรือรองเท้าไป และอย่าทักทายใครตามทาง
  • 5 ถ้าจะเข้าไปในบ้านใดจงพูดก่อนว่า ‘ขอให้บ้านนี้มีสันติสุข’
  • 6 ถ้ามีคนรักสันติภาษากรีกแปลตรงตัวว่า มีลูกแห่งสันติอยู่ที่นั่น สันติสุขของพวกท่านจะอยู่กับเขา ถ้าไม่มี สันติสุขของท่านจะกลับคืนมาอยู่กับพวกท่าน
  • 7 จงอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันนั้นตลอด กินและดื่มของที่พวกเขาจัดให้นั้น เพราะว่าคนที่ทำงานสมควรจะได้รับค่าจ้างของตน1 คร.9:14;1 ทธ.5:18 อย่าย้ายจากบ้านนี้ไปบ้านโน้น
  • 8 เมื่อพวกท่านเข้าไปในเมืองไหนและมีคนต้อนรับท่าน จงรับประทานสิ่งที่เขาจัดให้
  • 9 และจงรักษาคนป่วยในเมืองนั้นให้หายและแจ้งกับเขาว่า ‘แผ่นดินของพระเจ้ามาใกล้พวกท่านแล้ว’
  • 10 แต่ถ้าท่านทั้งหลายเข้าไปในเมืองไหนและไม่มีใครต้อนรับท่าน จงออกไปที่กลางถนนของเมืองนั้นกล่าวว่า
  • 11 ‘แม้แต่ผงคลีดินในเมืองของพวกท่านที่ติดอยู่กับเท้าของเรา เราก็จะสะบัดออกเพื่อเป็นการประท้วงท่านกจ.13:51 แต่พวกท่านจงเข้าใจข้อความนี้ คือแผ่นดินของพระเจ้ามาใกล้แล้ว’มธ.10:7-14; มก.6:8-11; ลก.9:3-5
  • 12 เราบอกพวกท่านว่า โทษของเมืองโสโดมในวันนั้นจะยังเบากว่าโทษของเมืองนั้นปฐก.19:24-28; มธ.11:24มธ.10:15วิบัติแก่เมืองที่ไม่ได้กลับใจใหม่
  • 13 ( มธ.11:20-24 ) “วิบัติแก่เจ้า เมืองโคราซิน วิบัติแก่เจ้า เมืองเบธไซดา ถ้าการอัศจรรย์ต่างๆ ซึ่งทำท่ามกลางพวกเจ้าได้ทำในเมืองไทระและเมืองไซดอนอสย.23:1-18; อสค.26:1-28:26; ยอล.3:4-8; อมส.1:9-10; ศคย.9:2-4 คนในเมืองทั้งสองคงได้นุ่งห่มผ้ากระสอบเป็นสัญลักษณ์ของการไว้ทุกข์ นั่งบนขี้เถ้า กลับใจใหม่นานแล้ว
  • 14 แต่ในวันพิพากษานั้น โทษของเมืองไทระและเมืองไซดอนจะเบากว่าโทษของพวกเจ้า
  • 15 ส่วนเจ้า เมืองคาเปอรนาอุมเจ้าจะถูกยกขึ้นเทียมฟ้าหรือ?เปล่าเลย เจ้าจะต้องลงไปถึงแดนคนตายต่างหากอสย.14:13-15
  • 16 ผู้ที่ยอมฟังพวกท่านก็ยอมฟังเรามธ.10:40; มก.9:37; ลก.9:48; ยน.13:20 ผู้ที่ไม่ยอมรับพวกท่านก็ไม่ยอมรับเรา ผู้ที่ไม่ยอมรับเราก็ไม่ยอมรับผู้ที่ใช้เรามา”
  • 17 พวกเจ็ดสิบสองคนกลับมา สาวกเจ็ดสิบสองคนนั้นกลับมาด้วยความยินดีทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า แม้แต่พวกผีก็อยู่ใต้บังคับของพวกข้าพระองค์โดยพระนามของพระองค์”
  • 18 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “เราเห็นซาตานชื่อหนึ่งของมาร มีความหมายว่า ผู้ขัดขวาง (ปฏิปักษ์)ตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ
  • 19 นี่แน่ะ เราให้พวกท่านมีสิทธิอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่องสดด.91:13 และให้มีอำนาจยิ่งใหญ่กว่าฤทธานุภาพของศัตรูนั้น ไม่มีอะไรจะมาทำอันตรายพวกท่านได้เลย
  • 20 แต่ว่าอย่าชื่นชมยินดีในสิ่งนี้ คือที่พวกผีอยู่ใต้บังคับของท่าน แต่จงชื่นชมยินดีที่ชื่อของท่านจดไว้ในสวรรค์”พระเยซูทรงเปรมปรีดิ์
  • 21 ( มธ.11:25-27 ; 13:16-17 ) ในเวลานั้นเอง พระเยซูทรงเปรมปรีดิ์ในพระวิญญาณบริสุทธิ์ ตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดาผู้เป็นเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และโลก ข้าพระองค์สรรเสริญพระองค์ที่พระองค์ทรงปิดบังสิ่งเหล่านี้ไว้จากคนมีปัญญาและคนฉลาด แต่ทรงสำแดงแก่พวกทารก ถูกแล้ว ข้าแต่พระบิดา พระองค์พอพระทัยเช่นนั้น
  • 22 “พระบิดาของเราทรงมอบสิ่งสารพัดให้แก่เรายน.3:35 ไม่มีใครรู้ว่าพระบุตรเป็นใครนอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้ว่าพระบิดาเป็นใครนอกจากพระบุตรยน.10:15 และผู้ที่พระบุตรประสงค์จะสำแดงให้รู้”
  • 23 พระองค์ทรงหันมาหาพวกสาวก ตรัสกับพวกเขาเป็นการส่วนตัวว่า “ผู้ที่ได้เห็นสิ่งที่พวกท่านเห็นก็เป็นสุข
  • 24 เพราะเราบอกพวกท่านว่า ผู้เผยพระวจนะหลายคนและกษัตริย์หลายองค์ปรารถนาจะเห็นสิ่งที่ท่านเห็นอยู่นี้ แต่เขาทั้งหลายไม่เคยเห็น และอยากจะได้ยินสิ่งที่พวกท่านได้ยิน แต่เขาก็ไม่เคยได้ยิน”
  • 25 ชาวสะมาเรียใจดี มีผู้เชี่ยวชาญบัญญัติคนหนึ่งยืนขึ้นทดสอบพระองค์ ทูลถามว่า “ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้องทำอะไรเพื่อจะได้รับชีวิตนิรันดร์?”
  • 26 พระองค์ตรัสตอบว่า “ในธรรมบัญญัติเขียนว่าอย่างไร? ท่านอ่านแล้วเข้าใจอย่างไร?”
  • 27 เขาทูลตอบว่า “พวกท่านจงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่าน ด้วยสุดจิตของท่าน ด้วยสุดกำลังของท่าน และด้วยสุดความคิดของท่านฉธบ.6:5 และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองลนต.19:18”
  • 28 พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านตอบถูกแล้ว จงไปทำอย่างนั้นแล้วจะได้ชีวิตลนต.18:5”มธ.22:35-40; มก.12:28-34
  • 29 แต่คนนั้นต้องการจะรักษาหน้า จึงทูลพระเยซูว่า “ใครเป็นเพื่อนบ้านของข้าพเจ้า?”
  • 30 พระเยซูตรัสตอบว่า “มีชายคนหนึ่งลงจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองเยรีโค และเขาถูกพวกโจรปล้น พวกโจรแย่งชิงเสื้อผ้าของเขา ทุบตีเขา แล้วทิ้งเขาไว้ในสภาพที่เกือบจะตายแล้ว
  • 31 เผอิญมีปุโรหิตคนหนึ่งเดินมาตามทางนั้น เมื่อเห็นคนนั้นแล้วก็เดินเลยไปเสียอีกฟากหนึ่ง
  • 32 คนเลวีก็เหมือนกัน เมื่อมาถึงที่นั่นและเห็นแล้วก็เลยไปเสียอีกฟากหนึ่ง
  • 33 แต่เมื่อชาวสะมาเรียคนหนึ่งเดินทางผ่านมาใกล้คนนั้น เห็นแล้วก็มีใจสงสาร
  • 34 จึงเข้าไปหาเขา เอาเหล้าองุ่นกับน้ำมันเทใส่บาดแผลและเอาผ้ามาพันให้ แล้วให้เขาขึ้นขี่สัตว์ของตนเองพามาถึงโรงแรม และดูแลรักษาพยาบาลเขา
  • 35 วันรุ่งขึ้นก่อนจะไป เขาเอาเงินสองเดนาริอันให้กับเจ้าของโรงแรม บอกว่า ‘ช่วยรักษาเขาด้วย สำหรับเงินที่ต้องเสียเกินกว่านี้จะใช้ให้เมื่อกลับมา’
  • 36 ท่านเห็นว่าในสามคนนั้นคนไหนถือได้ว่าเป็นเพื่อนบ้านของคนที่ถูกปล้น?”
  • 37 เขาทูลตอบว่า “คือคนนั้นแหละที่แสดงความเมตตาต่อเขา” พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านจงไปทำเหมือนอย่างนั้น”
  • 38 การเสด็จเยี่ยมมารธาและมารีย์ เมื่อพระเยซูกับพวกสาวกเดินทางไป พระองค์ทรงเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง และมีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อมารธาต้อนรับพระองค์เข้าไปพักที่บ้านของนาง
  • 39 มารธามีน้องสาวชื่อมารีย์ยน.11:1 และมารีย์ก็นั่งอยู่ใกล้พระบาทของพระเยซูคอยฟังถ้อยคำของพระองค์
  • 40 แต่มารธาวุ่นวายอย่างมากกับการปรนนิบัติ จึงมาทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ไม่สนพระทัยหรือที่น้องสาวของข้าพระองค์ปล่อยให้ข้าพระองค์ปรนนิบัติอยู่คนเดียว? ขอพระองค์สั่งน้องให้มาช่วยข้าพระองค์ด้วย”
  • 41 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบนางว่า “มารธา มารธาเอ๋ย เธอกระวนกระวายและร้อนใจหลายอย่างเหลือเกิน
  • 42 สิ่งที่จำเป็นนั้นมีเพียงสิ่งเดียว และมารีย์ก็เลือกเอาส่วนที่ดีนั้น ใครจะชิงเอาไปจากเธอไม่ได้”
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页