ลูกา-9

(ฉบับมาตรฐาน 2011)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 พันธกิจของอัครทูตสิบสองคน ( มธ.10:5-15 ; มก.6:7-13 ) พระองค์ทรงเรียกสาวกสิบสองคนมาพร้อมกัน แล้วทรงให้พวกเขามีฤทธิ์เดชและสิทธิอำนาจเหนือผีทั้งหลาย และรักษาโรคต่างๆ ให้หายได้
  • 2 แล้วพระองค์ทรงใช้เขาทั้งหลายไปประกาศแผ่นดินของพระเจ้าและรักษาคนป่วยให้หาย
  • 3 พระองค์ทรงสั่งพวกเขาว่า “อย่าเอาอะไรไปใช้ตามทาง เช่นไม้เท้า หรือย่าม หรืออาหาร หรือเงิน หรือเสื้อสองตัว
  • 4 และถ้าเข้าไปในบ้านไหน ก็จงอาศัยอยู่ในบ้านนั้นจนกว่าจะจากไป
  • 5 ถ้ามีใครไม่ต้อนรับพวกท่าน เมื่อท่านจะไปจากเมืองนั้น จงสะบัดผงคลีดินออกจากเท้าของท่านเพื่อเป็นประจักษ์พยานต่อต้านพวกเขากจ.13:51”ลก.10:4-11
  • 6 พวกสาวกจึงออกไปตามหมู่บ้าน ประกาศข่าวประเสริฐ และรักษาคนป่วยทุกแห่งหนให้หายความสับสนของกษัตริย์เฮโรด
  • 7 ( มธ.14:1-12 ; มก.6:14-29 ) เฮโรดเจ้าเมืองได้ยินเรื่องเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น ก็รู้สึกสับสนมาก เพราะบางคนบอกว่ายอห์นเป็นขึ้นจากตายแล้ว
  • 8 บางคนบอกว่าเอลียาห์มาปรากฏ คนอื่นว่าผู้เผยพระวจนะโบราณกลับเป็นขึ้นมามธ.16:14; มก.8:28; ลก.9:19
  • 9 เฮโรดจึงกล่าวว่า “ยอห์นคนนั้นเราตัดศีรษะไปแล้ว แต่คนนี้ที่เราได้ยินเรื่องราวต่างๆ เป็นใครกันแน่?” แล้วเฮโรดจึงหาโอกาสที่จะพบพระองค์การทรงเลี้ยงคนห้าพันคน
  • 10 ( มธ.14:13-21 ; มก.6:30-44 ; ยน.6:1-14 ) เมื่อบรรดาอัครทูตกลับมาแล้ว พวกเขาทูลพระเยซูถึงสิ่งที่ได้ทำนั้น พระองค์จึงพาเขาออกไปตามลำพังใกล้เมืองที่เรียกว่าเบธไซดา
  • 11 แต่เมื่อฝูงชนรู้แล้วจึงตามพระองค์ไป พระองค์ทรงต้อนรับพวกเขา ตรัสสั่งสอนถึงแผ่นดินของพระเจ้า และทุกคนที่ต้องการหายโรคพระองค์ก็ทรงรักษา
  • 12 เมื่อกำลังจะใกล้ค่ำ สาวกสิบสองคนมาทูลพระองค์ว่า “ขอส่งฝูงชนไปตามหมู่บ้านต่างๆ ที่อยู่แถวนี้เพื่อหาที่พักและอาหาร เพราะที่ที่เราอยู่นี้เป็นที่เปลี่ยว”
  • 13 แต่พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “พวกท่านจงเลี้ยงเขาเถิด” เขาทูลว่า “เราไม่มีอะไรมาก มีแค่ขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว นอกเสียจากจะไปหาซื้ออาหารให้ประชาชนทั้งหมดนี้”
  • 14 เพราะมีผู้ชายอยู่ที่นั่นประมาณห้าพันคน พระองค์จึงสั่งพวกสาวกของพระองค์ว่า “จงให้พวกเขานั่งลงเป็นหมู่ๆ หมู่ละประมาณห้าสิบคน”
  • 15 สาวกก็ทำตาม คือให้ทุกคนนั่งลง
  • 16 เมื่อพระองค์ทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวนั้นแล้ว ก็แหงนพระพักตร์ดูฟ้าสวรรค์ ขอพระพร แล้วทรงหักส่งให้พวกสาวกเอาไปแจกจ่ายฝูงชน
  • 17 พวกเขาก็ได้กินอิ่มกันทุกคน แล้วพวกสาวกยังเก็บเศษอาหารที่เหลือนั้นได้ถึงสิบสองตะกร้าคำประกาศยอมรับของเปโตรเกี่ยวกับพระเยซู
  • 18 ( มธ.16:13-19 ; มก.8:27-29 ) ขณะที่พระองค์กำลังอธิษฐานอยู่ตามลำพังโดยมีสาวกทั้งหลายอยู่ใกล้ๆ พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “คนทั้งหลายพูดกันว่าเราเป็นใคร?”
  • 19 พวกเขาทูลตอบว่า “เป็นยอห์นผู้ให้บัพติศมา แต่บางคนว่าเป็นเอลียาห์ ส่วนคนอื่นๆ ก็ว่าเป็นหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะโบราณที่กลับเป็นขึ้นมา”มธ.14:1-2; มก.6:14-15; ลก.9:7-8
  • 20 พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า “แล้วพวกท่านเองคิดว่าเราเป็นใคร?” เปโตรทูลตอบว่า “เป็นพระคริสต์แปลได้อีกว่า ผู้ที่รับการทรงเจิมไว้ของพระเจ้า”ยน.6:68-69พระเยซูทรงพยากรณ์ถึงการสิ้นพระชนม์ และการคืนพระชนม์ของพระองค์
  • 21 ( มธ.16:20-28 ; มก.8:30-9:1 ) พระองค์จึงกำชับสั่งพวกเขาไม่ให้บอกใครเรื่องนี้
  • 22 และตรัสว่า “บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์หลายอย่าง พวกผู้ใหญ่ พวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์จะปฏิเสธท่าน และในที่สุดท่านจะต้องถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สาม พระเจ้าจะทรงให้ท่านเป็นขึ้นมาใหม่”
  • 23 พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาทุกคนว่า “ถ้าใครต้องการจะมาติดตามเรา ให้คนนั้นปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกทุกวันและตามเรามามธ.10:38; ลก.14:27
  • 24 เพราะว่าใครต้องการจะเอาชีวิตรอด คนนั้นจะเสียชีวิต แต่ใครยอมเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา คนนั้นจะได้ชีวิตรอดมธ.10:39; ลก.17:33; ยน.12:25
  • 25 เพราะเขาจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าได้สิ่งของสิ้นทั้งโลกแต่ทำลายหรือสูญเสียตัวเองไป
  • 26 ถ้าใครมีความอายเพราะเราและถ้อยคำของเรา บุตรมนุษย์ก็จะมีความอายเพราะคนนั้นเมื่อท่านมาด้วยพระรัศมีของท่าน และของพระบิดา และรัศมีของเหล่าทูตสวรรค์บริสุทธิ์
  • 27 แต่เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า มีบางคนที่ยืนอยู่ที่นี่จะยังไม่พบความตายภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ลิ้มรสความตายจนกว่าจะได้เห็นแผ่นดินของพระเจ้า”การทรงจำแลงพระกาย
  • 28 ( มธ.17:1-8 ; มก.9:2-8 ) หลังจากพระองค์ตรัสคำเหล่านั้นได้ประมาณแปดวัน พระองค์ทรงพาเปโตร ยอห์น และยากอบขึ้นไปบนภูเขาเพื่อจะอธิษฐาน
  • 29 ขณะพระองค์กำลังอธิษฐานอยู่ พระพักตร์ของพระองค์ก็เปลี่ยนไป และฉลองพระองค์ก็ขาวจนพร่าตา
  • 30 และนี่แน่ะ มีสองคนสนทนาอยู่กับพระองค์ คือโมเสสและเอลียาห์
  • 31 ผู้มาปรากฏด้วยรัศมี และกำลังกล่าวถึงการจากไปของพระองค์ซึ่งใกล้จะสำเร็จในกรุงเยรูซาเล็ม
  • 32 ส่วนเปโตรกับคนที่อยู่ด้วยนั้นกำลังง่วงเหงาหาวนอน แต่เมื่อพวกเขาตาสว่างขึ้น เขาก็เห็นพระรัศมีของพระองค์และเห็นสองคนนั้นที่ยืนอยู่กับพระองค์
  • 33 เมื่อสองคนนั้นกำลังจะลาจากพระองค์ไป เปโตรทูลพระเยซูว่า “พระอาจารย์ ดีจริงๆ ที่เราได้มาอยู่ที่นี่ น่าจะทำเพิงขึ้นสามหลัง สำหรับพระองค์หลังหนึ่ง สำหรับโมเสสหลังหนึ่ง และสำหรับเอลียาห์หลังหนึ่ง” เปโตรไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป
  • 34 ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น ก็มีเมฆมาปกคลุมพวกเขาไว้ และเมื่อเข้าไปอยู่ในเมฆนั้นพวกเขาก็กลัว
  • 35 แล้วมีพระสุรเสียงดังออกมาจากเมฆนั้นว่า “ผู้นี้เป็นบุตรของเรา เป็นผู้ที่เราเลือกสรรไว้อสย.42:1; มธ.3:17; 12:18; มก.1:11; ลก.3:22 จงเชื่อฟังท่านเถิด”2 ปต.1:17-18
  • 36 เมื่อสิ้นพระสุรเสียงนั้นแล้ว พระเยซูก็ทรงปรากฏอยู่เพียงลำพัง พวกเขาก็ปิดเรื่องนี้เงียบ และในช่วงเวลาต่อมาเขาไม่ได้เล่าให้ใครฟังถึงสิ่งที่เขาเห็นนั้นการทรงรักษาเด็กที่มีผีโสโครก
  • 37 ( มธ.17:14-18 ; มก.9:14-27 ) วันรุ่งขึ้นเมื่อพระองค์กับสาวกสามคนนั้นลงมาจากภูเขาแล้ว มหาชนมาพบพระองค์
  • 38 นี่แน่ะ มีชายคนหนึ่งในฝูงชนร้องว่า “ท่านอาจารย์ โปรดช่วยดูลูกของข้าพเจ้าด้วย เพราะข้าพเจ้ามีลูกเพียงคนเดียว
  • 39 เวลาเขาถูกผีสิง เด็กก็กรีดร้องขึ้นทันที ผีมักจะทำให้เขาชักดิ้นชักงอจนน้ำลายฟูมปาก ทำให้เนื้อตัวเขาฟกช้ำ และไม่ค่อยยอมออกจากตัวเขา
  • 40 ข้าพเจ้าขอให้พวกสาวกของพระองค์ขับมันออก แต่เขาทำไม่ได้”
  • 41 พระเยซูจึงตรัสตอบว่า “โอ นี่เป็นยุคที่ขาดความเชื่อและวิปลาส เราจะต้องอยู่กับพวกท่านนานแค่ไหน? และจะต้องอดกลั้นกับพวกท่านนานเพียงไร? จงไปพาบุตรของท่านมาที่นี่”
  • 42 ระหว่างที่เด็กคนนั้นกำลังมา ผีก็ทำให้เขาล้มลงชัก แต่พระเยซูตรัสสำทับผีโสโครกนั้น และทรงรักษาเด็กให้หาย แล้วส่งคืนให้บิดาของเขา
  • 43 ทุกคนต่างก็ประหลาดใจมากในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าการทรงพยากรณ์อีกครั้ง ถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ ( มธ.17:22-23 ; มก.9:30-32 ) ระหว่างที่พวกเขายังประหลาดใจอยู่เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างที่พระเยซูทรงทำนั้น พระองค์ตรัสกับพวกสาวกของพระองค์ว่า
  • 44 “จงฟังคำเหล่านี้ให้ดี คือว่าบุตรมนุษย์จะต้องถูกมอบไว้ในมือมนุษย์”
  • 45 แต่พวกสาวกไม่เข้าใจคำตรัสนี้ เพราะความหมายถูกซ่อนไว้จากพวกเขา เพื่อเขาจะไม่เข้าใจ และพวกเขาไม่กล้าถามพระองค์ถึงเรื่องนี้ใครยิ่งใหญ่ที่สุด
  • 46 ( มธ.18:1-5 ; มก.9:33-37 ) มีการทุ่มเถียงกันเกิดขึ้นท่ามกลางพวกสาวกว่าในพวกเขาใครยิ่งใหญ่ที่สุดลก.22:24
  • 47 พระเยซูทรงหยั่งรู้ความคิดในใจของพวกเขา จึงให้เด็กคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างๆ พระองค์
  • 48 แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “ถ้าใครยอมรับเด็กเล็กๆ คนนี้ในนามของเรา คนนั้นก็ยอมรับเรา และใครที่ยอมรับเรา คนนั้นก็ยอมรับพระองค์ผู้ทรงใช้เรามามธ.10:40; ลก.10:16; ยน.13:20 เพราะคนที่เล็กน้อยที่สุดในพวกท่านคือคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”ผู้ที่ไม่ได้ต่อสู้ท่านก็อยู่ฝ่ายเดียวกับท่าน
  • 49 ( มก.9:38-40 ) ยอห์นทูลพระองค์ว่า “อาจารย์ พวกข้าพระองค์เห็นคนหนึ่งขับผีออกโดยพระนามของพระองค์ และข้าพระองค์ห้ามเขาเพราะเขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มเรา”
  • 50 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “อย่าห้ามเขาเลย เพราะว่าใครก็ตามที่ไม่ได้ต่อสู้ท่านก็อยู่ฝ่ายเดียวกับท่านแล้ว”
  • 51 ชาวสะมาเรียหมู่บ้านหนึ่งไม่ยอมต้อนรับพระเยซู เมื่อใกล้เวลาที่พระองค์จะถูกรับขึ้นไป พระองค์ตั้งพระทัยที่จะไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
  • 52 และพระองค์ทรงใช้ผู้ส่งข่าวล่วงหน้าไปก่อน พวกเขาก็เข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของชาวสะมาเรียเพื่อไปจัดเตรียมให้พระองค์
  • 53 แต่ชาวบ้านเหล่านั้นไม่ต้อนรับพระองค์เนื่องจากตั้งพระทัยที่จะไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
  • 54 เมื่อสาวกของพระองค์คือยากอบและยอห์นเห็นอย่างนั้นก็ทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงต้องการให้พวกข้าพระองค์ขอไฟจากสวรรค์ลงมาเผาผลาญพวกเขาสำเนาโบราณบางฉบับ เพิ่มข้อความว่า อย่างเอลียาห์ได้ทำนั้นไหม?2 พกษ.1:9-16”
  • 55 แต่พระองค์ทรงหันมาตรัสห้ามพวกเขาสำเนาโบราณบางฉบับเพิ่มข้อความท้าย ข้อ 55 และเปลี่ยนข้อความ ข้อ 56 ดังนี้ว่า พระองค์ตรัสว่า “ท่านไม่รู้ว่า ท่านมีจิตใจทำนองใด 56เพราะว่าบุตรมนุษย์ไม่ได้มาเพื่อทำลายชีวิตมนุษย์ แต่มาเพื่อช่วยเขาทั้งหลายให้รอด”
  • 56 แล้วพระองค์กับพวกสาวกก็เดินทางต่อไปที่หมู่บ้านอีกแห่งหนึ่งผู้ที่จะเป็นสาวกของพระเยซู
  • 57 ( มธ.8:19-22 ) เมื่อพระองค์กับบรรดาสาวกกำลังเดินทางไป มีคนหนึ่งทูลพระองค์ว่า “ท่านไปทางไหน ข้าพเจ้าจะตามท่านไปทางนั้น”
  • 58 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “หมาจิ้งจอกยังมีโพรงและนกในอากาศก็ยังมีรัง แต่บุตรมนุษย์ไม่มีที่ที่จะวางศีรษะ”
  • 59 แล้วพระองค์ตรัสกับอีกคนหนึ่งว่า “จงตามเรามาเถิด” แต่คนนั้นทูลตอบว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอโปรดอนุญาตให้ข้าพระองค์ไปฝังศพพ่อก่อน”
  • 60 แต่พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ปล่อยให้คนตายฝังคนตายของเขาเองเถิด ส่วนท่านจงไปประกาศแผ่นดินของพระเจ้า”
  • 61 แล้วมีอีกคนหนึ่งมาทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์จะตามพระองค์ไป แต่ขอโปรดอนุญาตให้ข้าพระองค์อำลาคนที่บ้านก่อน”1 พกษ.19:20
  • 62 พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “ไม่มีใครที่เอามือจับคันไถแล้วหันหลังกลับ จะสมควรกับแผ่นดินของพระเจ้า”
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页