มา‌ระ‌โก-15

(ฉบับมาตรฐาน 2011)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 พระเยซูทรงอยู่ต่อหน้าปีลาต ( มธ.27:1-2 , 11-14 ; ลก.23:1-5 ; ยน.18:28-38 ) ทันทีที่ฟ้าสาง เมื่อพวกหัวหน้าปุโรหิตกับพวกผู้ใหญ่และพวกธรรมาจารย์ และบรรดาสมาชิกสภาได้ปรึกษากันและมัดพระเยซู แล้วจึงพาไปมอบไว้แก่ปีลาต
  • 2 ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า “เจ้าเป็นกษัตริย์ของพวกยิวหรือ?” พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “ท่านเป็นคนพูดเองนะ”แปลได้อีกว่า ท่านว่าถูกแล้ว
  • 3 แล้วพวกหัวหน้าปุโรหิตก็กล่าวหาพระองค์หลายอย่าง
  • 4 ปีลาตจึงถามพระองค์อีกว่า “เจ้าไม่ตอบอะไรเลยหรือ? ดูซิ พวกเขากล่าวหาเจ้าหลายประการทีเดียว”
  • 5 แต่พระเยซูไม่ได้ตรัสตอบอะไรอีก ปีลาตจึงประหลาดใจการทรงถูกพิพากษาให้ประหารชีวิต
  • 6 ( มธ.27:15-26 ; ลก.23:13-25 ; ยน.18:38-19:16 ) ในช่วงเทศกาล ปีลาตเคยปล่อยนักโทษคนหนึ่งให้ตามที่พวกเขาขอ
  • 7 เวลานั้นมีคนหนึ่งชื่อบารับบัส ถูกจำคุกพร้อมกับพวกกบฏที่ฆ่าคนตายระหว่างก่อความไม่สงบ
  • 8 ฝูงชนจึงไปขอให้ปีลาตทำในสิ่งที่ท่านเคยทำให้พวกเขานั้น
  • 9 ปีลาตจึงถามว่า “พวกท่านต้องการจะให้เราปล่อยกษัตริย์ของพวกยิวหรือ?”
  • 10 เพราะท่านรู้อยู่แล้วว่า พวกหัวหน้าปุโรหิตมอบตัวพระองค์ไว้ด้วยความอิจฉา
  • 11 แต่พวกหัวหน้าปุโรหิตยุยงฝูงชนให้ขอปีลาตปล่อยบารับบัสแทน
  • 12 ปีลาตจึงถามพวกเขาว่า “แล้วพวกท่านจะให้เราทำอย่างไรกับคนนี้ที่พวกท่านเรียกว่ากษัตริย์ของพวกยิว?”
  • 13 เขาทั้งหลายร้องตะโกนว่า “ตรึงเขาที่กางเขน”
  • 14 ปีลาตจึงถามว่า “ตรึงทำไม? เขาทำผิดอะไร?” แต่ประชาชนยิ่งตะโกนว่า “ตรึงเขาที่กางเขน”
  • 15 ปีลาตต้องการจะเอาใจฝูงชนจึงปล่อยบารับบัสให้แก่พวกเขา และเมื่อให้โบยตีพระเยซูแล้ว จึงมอบให้พวกเขาเอาไปตรึงที่กางเขนพวกทหารล้อเลียนพระเยซู
  • 16 ( มธ.27:27-31 ) พวกทหารจึงนำพระองค์เข้าไปยังลานของราชสำนัก (คือกองบัญชาการปรีโทเรียม)อาจหมายถึงกองบัญชาการทหาร หรือราชสำนัก หรือที่พักของเจ้าเมือง แล้วเรียกพวกทหารทั้งกองมาประชุมกัน
  • 17 พวกเขาเอาเสื้อสีม่วงมาสวมให้พระองค์ เอาหนามสานเป็นมงกุฎมาสวมพระเศียรพระองค์
  • 18 แล้วคำนับพระองค์กล่าวว่า “ข้าแต่กษัตริย์ของพวกยิว ขอทรงพระเจริญ”
  • 19 แล้วพวกเขาเอาไม้อ้อตีพระเศียรของพระองค์ ถ่มน้ำลายรดพระองค์ และคุกเข่าลงนมัสการพระองค์
  • 20 เมื่อเยาะเย้ยพระองค์แล้ว พวกเขาก็ถอดเสื้อสีม่วงนั้นออก แล้วเอาเสื้อผ้าของพระองค์มาสวมให้ และนำพระองค์ออกไปเพื่อตรึงที่กางเขนการตรึงพระเยซูที่กางเขน
  • 21 ( มธ.27:32-44 ; ลก.23:26-43 ; ยน.19:16-27 ) มีคนหนึ่งชื่อซีโมนชาวไซรีน เป็นบิดาของอเล็กซานเดอร์และรูฟัสรม.16:13 เดินทางจากบ้านนอกมาตามเส้นทางนั้น พวกเขาจึงเกณฑ์ซีโมนให้แบกกางเขนของพระองค์
  • 22 พวกเขาพาพระองค์มาถึงที่แห่งหนึ่งชื่อกลโกธา (แปลว่ากะโหลกศีรษะ)
  • 23 แล้วพวกเขาเอาเหล้าองุ่นผสมกับมดยอบให้พระองค์เสวย แต่พระองค์ไม่ทรงรับ
  • 24 แล้วพวกเขาก็ตรึงพระองค์ที่กางเขนและเอาฉลองพระองค์ของพระองค์มาจับฉลากแบ่งกัน เพื่อจะรู้ว่าใครได้อะไรสดด.22:18
  • 25 ขณะที่พวกเขาตรึงพระองค์นั้นเป็นเวลาสามโมงเช้า
  • 26 มีคำจารึกข้อหาที่ลงโทษพระองค์ไว้ว่า “กษัตริย์ของพวกยิว”
  • 27 และพวกเขาเอาโจรสองคนมาตรึงพร้อมกับพระองค์ ข้างขวาคนหนึ่งข้างซ้ายคนหนึ่ง
  • 28 (สำเนาโบราณบางฉบับมีข้อ 28ต้องสำเร็จตามพระคัมภีร์ที่ว่า ท่านถูกนับเข้ากับคนล่วงเกิน)
  • 29 คนทั้งหลายที่เดินผ่านไปมานั้นก็พูดหมิ่นประมาทพระองค์ สั่นศีรษะเยาะเย้ยสดด.22:7; 109:25ว่า “เฮ้ย เจ้าเป็นคนที่จะทำลายพระวิหารแล้วสร้างขึ้นภายในสามวันนี่นามก.14:58; ยน.2:19
  • 30 จงช่วยตัวเองให้รอดเถอะ แล้วก็ลงจากกางเขนเสียทีสิ”
  • 31 ท่ามกลางพวกหัวหน้าปุโรหิตกับพวกธรรมาจารย์ก็มีการเยาะเย้ยพระองค์เหมือนกันว่า “เขาช่วยคนอื่นให้รอดได้ แต่ช่วยตัวเองไม่ได้
  • 32 ขอเชิญพระคริสต์กษัตริย์แห่งอิสราเอลลงมาจากกางเขนเดี๋ยวนี้เถอะ พวกเราจะได้เห็นและเชื่อ” และสองคนนั้นที่ถูกตรึงพร้อมกับพระองค์ก็กล่าวคำหยาบช้าต่อพระองค์การสิ้นพระชนม์ของพระเยซู
  • 33 ( มธ.27:45-56 ; ลก.23:44-49 ; ยน.19:28-30 ) เมื่อถึงเวลาเที่ยงก็เกิดมืดมัวทั่วแผ่นดินจนถึงบ่ายสามโมง
  • 34 พอถึงบ่ายสามโมง พระเยซูก็ทรงร้องเสียงดังว่า “เอโลอี เอโลอี ลามา สะบักธานี” แปลว่า “พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ทำไมพระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์?” สดด.22:1
  • 35 บางคนที่ยืนอยู่ที่นั่นเมื่อได้ยินก็พูดว่า “ดูสิ เขากำลังร้องเรียกเอลียาห์”
  • 36 มีคนหนึ่งวิ่งไปเอาฟองน้ำชุบเหล้าองุ่นเปรี้ยวเสียบปลายไม้อ้อ ส่งถวายให้พระองค์เสวยสดด.69:21แล้วกล่าวว่า “คอยดูซิว่าเอลียาห์จะมาเอาเขาลงหรือเปล่า?”
  • 37 แล้วพระเยซูทรงร้องเสียงดังแล้วก็สิ้นพระชนม์
  • 38 ม่านอพย.26:31-33ในพระวิหารก็ขาดออกเป็นสองท่อน ตั้งแต่บนตลอดล่าง
  • 39 ส่วนนายร้อยที่ยืนอยู่ตรงพระพักตร์พระองค์ เมื่อได้ยินพระองค์ร้องเสียงดัง และเห็นว่าพระองค์สิ้นพระชนม์อย่างไร จึงกล่าวว่า “ท่านผู้นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้าจริงๆ”
  • 40 ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งก็เฝ้ามองอยู่แต่ไกล ในพวกผู้หญิงเหล่านั้น มีมารีย์ชาวมักดาลา มารีย์มารดาของยากอบน้อยและของโยเสส และนางสะโลเม
  • 41 ผู้หญิงเหล่านั้นเป็นพวกที่ติดตามและปรนนิบัติพระองค์ลก.8:2-3 เมื่อพระองค์อยู่ที่แคว้นกาลิลี และยังมีผู้หญิงคนอื่นๆ อีกหลายคนที่ขึ้นมายังกรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับพระองค์การฝังพระศพพระเยซู
  • 42 ( มธ.27:57-61 ; ลก.23:50-56 ; ยน.19:38-42 ) เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ และเพราะเหตุว่าวันนั้นเป็นวันเตรียมคือวันก่อนวันสะบาโต
  • 43 โยเซฟจากอาริมาเธียซึ่งเป็นสมาชิกสภาและเป็นที่นับถือของคนทั้งหลาย อีกทั้งยังเป็นคนที่กำลังคอยแผ่นดินของพระเจ้า ไปหาปีลาตด้วยความกล้าหาญเพื่อขอพระศพของพระเยซู
  • 44 ปีลาตก็ประหลาดใจที่พระเยซูสิ้นพระชนม์แล้ว จึงเรียกนายร้อยมาถามว่า ตายแล้วหรือ
  • 45 เมื่อรู้เรื่องจากนายร้อยแล้ว ท่านจึงมอบพระศพให้แก่โยเซฟ
  • 46 แล้วโยเซฟก็ไปซื้อผ้าป่าน และอัญเชิญพระศพลงมา เอาผ้าป่านพันหุ้มไว้ แล้วอัญเชิญพระศพไปวางไว้ในอุโมงค์ซึ่งสกัดจากศิลา แล้วกลิ้งก้อนหินปิดปากอุโมงค์ไว้
  • 47 มารีย์ชาวมักดาลา และมารีย์มารดาของโยเสสได้เห็นสถานที่ที่พระศพถูกบรรจุไว้
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页