มา‌ระ‌โก-12

(ฉบับมาตรฐาน 2011)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 อุปมาเรื่องสวนองุ่นและคนเช่า ( มธ.21:33-46 ; ลก.20:9-19 ) พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาเป็นอุปมาว่า “มีชายคนหนึ่งทำสวนองุ่นอสย.5:1-2 แล้วก็ล้อมรั้วไว้รอบ เขาสกัดบ่อเก็บน้ำองุ่น และสร้างหอเฝ้า ให้พวกชาวสวนเช่า แล้วก็ไปต่างประเทศ
  • 2 เมื่อถึงฤดูผลองุ่น เขาจึงใช้ทาสคนหนึ่งไปหาคนเช่าสวนเหล่านั้นเพื่อจะขอรับส่วนแบ่งผลองุ่นจากสวนของเขา
  • 3 แต่คนเหล่านั้นจับทาสคนนั้นมาเฆี่ยนตีแล้วไล่ให้กลับไปมือเปล่า
  • 4 เจ้าของสวนจึงใช้ทาสอีกคนหนึ่งไปหาพวกคนเช่าสวนอีก คนเช่าสวนเหล่านั้นก็ทำจนทาสคนนั้นศีรษะแตกและทำให้เขาอับอาย
  • 5 ต่อมาเจ้าของใช้ทาสอีกคนหนึ่งไป แต่พวกเขาก็ฆ่าทาสคนนั้น และเป็นเช่นนี้กับทาสอีกหลายคน พวกเขาเฆี่ยนตีบางคน ฆ่าบางคน
  • 6 เจ้าของสวนนั้นยังมีอีกคนหนึ่งเหลืออยู่ เป็นบุตรชายที่รักมาก เขาใช้บุตรชายคนนั้นไปเป็นครั้งสุดท้าย พูดว่า ‘พวกเขาคงจะเคารพบุตรชายของเรา’
  • 7 แต่พวกคนเช่าสวนพูดกันว่า ‘คนนี้แหละเป็นทายาท ฆ่าเสียเลย มรดกจะได้ตกเป็นของพวกเรา’
  • 8 พวกเขาจึงจับบุตรชายไปฆ่า และเอาศพทิ้งไว้นอกสวน
  • 9 เจ้าของสวนนั้นจะทำอย่างไร? ท่านก็จะมาทำลายคนเช่าสวนเหล่านั้น แล้วเอาสวนองุ่นให้คนอื่นเช่า
  • 10 ท่านทั้งหลายไม่ได้อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้หรือที่ว่า‘ศิลาที่พวกช่างก่อสร้างทิ้งแล้วกลับกลายเป็นศิลามุมเอก
  • 11 สิ่งนี้เป็นมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าในข้อนี้ และข้อ 29 หมายถึง พระเจ้าเป็นสิ่งอัศจรรย์ประจักษ์แก่ตาของเรา’ สดด.118:22-23”
  • 12 พวกเขาอยากจะจับพระองค์แต่กลัวฝูงชน เพราะพวกเขารู้ว่าพระองค์ตรัสอุปมานี้กระทบพวกเขา แล้วพวกเขาก็จากพระองค์ไปการส่งส่วยให้กับซีซาร์
  • 13 ( มธ.22:15-22 ; ลก.20:20-26 ) พวกเขาใช้บางคนในพวกฟาริสีและพวกเฮโรดไปเฝ้าพระองค์เพื่อจะคอยจับผิดถ้อยคำของพระองค์
  • 14 เมื่อพวกเขามาถึงแล้ว จึงทูลพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ เราทราบว่าท่านเป็นคนซื่อสัตย์และไม่ชอบเอาใจใคร และท่านไม่เห็นแก่หน้าใครเลย แต่สั่งสอนทางของพระเจ้าตามความจริง การส่งส่วยให้ซีซาร์นั้นสมควรหรือไม่?
  • 15 เราควรจะส่งหรือไม่ส่งดี?” แต่พระองค์ทรงทราบอุบายของพวกเขาจึงตรัสว่า “ท่านทั้งหลายมาจับผิดเราทำไม? จงเอาเดนาริอันเหรียญหนึ่งมาให้เราดู”
  • 16 พวกเขาก็เอามาให้ พระองค์จึงตรัสถามว่า “รูปและคำจารึกนี้เป็นของใคร?” พวกเขาทูลตอบพระองค์ว่า “ของซีซาร์”
  • 17 พระเยซูจึงตรัสกับพวกเขาว่า “ของของซีซาร์จงถวายแด่ซีซาร์ และของของพระเจ้าจงถวายแด่พระเจ้า” พวกเขาก็ประหลาดใจในพระองค์อย่างยิ่งคำถามเรื่องการเป็นขึ้นจากตาย
  • 18 ( มธ.22:23-33 ; ลก.20:27-40 ) มีพวกสะดูสีบางคนมาเฝ้าพระองค์ พวกนี้สอนว่าการเป็นขึ้นจากตายนั้นไม่มีกจ.23:8 พวกเขาทูลถามพระองค์ว่า
  • 19 “ท่านอาจารย์ โมเสสเขียนสั่งพวกเราว่า ‘ถ้าชายคนใดตาย และภรรยายังอยู่ แต่ไม่มีบุตร ก็ให้น้องชายรับพี่สะใภ้เป็นภรรยา เพื่อมีบุตรสืบตระกูลให้พี่ชาย’ ฉธบ.25:5
  • 20 มีพี่น้องผู้ชายอยู่เจ็ดคน พี่ชายคนแรกมีภรรยาแล้วตายโดยไม่มีบุตร
  • 21 น้องคนที่สองจึงรับหญิงนั้นมาเป็นภรรยา แล้วก็ตายโดยยังไม่มีบุตร และน้องคนที่สามก็รับไว้เหมือนกัน แต่ก็ตายโดยไม่มีบุตร
  • 22 ไม่มีพี่น้องสักคนในเจ็ดคนนี้ที่มีบุตร ในที่สุดหญิงคนนั้นก็ตายด้วย
  • 23 เพราะฉะนั้นในวันที่เป็นขึ้นจากตาย หญิงคนนั้นจะเป็นภรรยาของใคร? เพราะนางเป็นภรรยาของชายทั้งเจ็ดแล้ว”
  • 24 พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “นี่ไม่ใช่หรือที่แสดงให้เห็นว่าพวกท่านผิดแล้ว? เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้พระคัมภีร์หรือฤทธิ์เดชของพระเจ้า
  • 25 ตอนที่มนุษย์เป็นขึ้นจากตายนั้น จะไม่มีการสมรสหรือยกให้เป็นสามีภรรยากัน แต่จะเป็นเหมือนทูตในฟ้าสวรรค์
  • 26 ส่วนเรื่องคนที่ตายและถูกทำให้เป็นขึ้นอีกนั้น ท่านทั้งหลายไม่เคยอ่านคัมภีร์ของโมเสสเรื่องพุ่มไม้หรือ? ที่พระเจ้าตรัสไว้กับโมเสสว่า ‘เราเป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ’ อพย.3:6
  • 27 พระองค์ไม่ได้เป็นพระเจ้าของคนตาย แต่เป็นพระเจ้าของคนเป็น ท่านทั้งหลายเข้าใจผิดมากทีเดียว”พระบัญญัติข้อที่สำคัญที่สุด
  • 28 ( มธ.22:34-40 ; ลก.10:25-28 ) มีธรรมาจารย์คนหนึ่งเข้ามาใกล้ เมื่อได้ยินพวกเขาถกเถียงกัน และเห็นว่าพระองค์ทรงตอบพวกเขาได้ดีจึงทูลถามพระองค์ว่า “พระบัญญัติข้อไหนสำคัญที่สุด?”
  • 29 พระเยซูจึงตรัสตอบคนนั้นว่า “พระบัญญัติอันดับแรกคือ โอ ชนอิสราเอล จงฟังเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเป็นพระเจ้าองค์เดียว
  • 30 พวกท่านจงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าด้วยสุดใจของท่าน ด้วยสุดจิตของท่าน ด้วยสุดความคิดของท่านและด้วยสุดกำลังของท่านฉธบ.6:4-5
  • 31 ส่วนพระบัญญัติที่สำคัญอันดับสองคือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองลนต.19:18 ไม่มีพระบัญญัติอื่นใดที่สำคัญยิ่งกว่าพระบัญญัติเหล่านี้”
  • 32 ธรรมาจารย์คนนั้นจึงทูลว่า “จริงทีเดียวท่านอาจารย์ ท่านกล่าวถูกต้อง ที่ว่า พระเจ้ามีแต่องค์เดียว นอกจากพระองค์แล้ว ไม่มีพระเจ้าอื่นอีกเลยฉธบ.4:35
  • 33 และการที่จะรักพระองค์ด้วยสุดใจ สุดความเข้าใจ และสุดกำลัง และรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ก็สำคัญกว่าเครื่องเผาบูชาและของถวายทั้งสิ้นฮชย.6:6”
  • 34 เมื่อพระเยซูทรงเห็นว่าคนนั้นตอบสนองอย่างมีปัญญา จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านไม่ไกลจากแผ่นดินของพระเจ้า” ตั้งแต่นั้นมาไม่มีใครกล้าถามพระองค์อีกลก.10:25-28คำถามเรื่องเชื้อสายของดาวิด
  • 35 ( มธ.22:41-46 ; ลก.20:41-44 ) ขณะที่พระเยซูทรงสั่งสอนอยู่ในบริเวณพระวิหาร พระองค์ตรัสถามว่า “ที่พวกธรรมาจารย์ว่าพระคริสต์เป็นเชื้อสายของดาวิดนั้นเป็นไปได้อย่างไร?
  • 36 เพราะว่าดาวิดเองกล่าวโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า‘พระเจ้า ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า องค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งหมายถึง พระเจ้า ตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า“จงนั่งที่ขวามือของเราจนกว่าเราจะปราบศัตรูของท่านให้อยู่ใต้เท้าท่าน” สดด.110:1’
  • 37 ดาวิดยังเรียกท่านว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วท่านจะเป็นเพียงเชื้อสายของดาวิดได้อย่างไร?” มหาชนต่างฟังพระองค์ด้วยความยินดีการทรงประณามพวกธรรมาจารย์
  • 38 ( มธ.23:1-7 ; ลก.20:45-47 ) ขณะที่พระเยซูทรงสั่งสอน พระองค์ตรัสว่า “จงระวังพวกธรรมาจารย์ให้ดี พวกที่ชอบสวมเสื้อคลุมยาวเดินไปเดินมา ชอบให้คนคำนับกลางตลาด
  • 39 ชอบนั่งในที่สำคัญในธรรมศาลาและชอบนั่งในที่มีเกียรติในงานเลี้ยง
  • 40 พวกเขายึดบ้านของหญิงม่าย และแสร้งอธิษฐานเสียยืดยาว คนพวกนี้จะต้องถูกลงโทษหนักยิ่งขึ้น”เงินถวายของหญิงม่าย
  • 41 ( ลก.21:1-4 ) พระเยซูประทับตรงหน้าตู้เก็บเงินถวาย ทรงสังเกตฝูงชนเอาเงินมาใส่ไว้ในตู้นั้น และมีคนมั่งมีหลายคนเอาเงินมากมายมาใส่
  • 42 แต่มีหญิงม่ายยากจนคนหนึ่งเดินมา นางเอาเหรียญทองแดงสองอัน มีค่าประมาณโคดรันเทสหนึ่งหนึ่งโคดรันเทส มีค่าเท่ากับ 1 ใน 64 ของเดนาริอันมาใส่ไว้
  • 43 พระองค์จึงทรงเรียกพวกสาวกมาตรัสกับพวกเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า หญิงม่ายยากจนคนนี้ใส่ในตู้เก็บเงินถวายมากกว่าทุกคนที่ใส่ไว้นั้น
  • 44 เพราะว่าทุกคนได้เอาเงินเหลือใช้ของพวกเขามาใส่ แต่หญิงคนนี้ในสภาพที่ยากจน เอาเงินเลี้ยงชีพทั้งสิ้นของนางใส่ลงไปจนหมด”
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页