1
“โอ ฟ้าสวรรค์ จงเงี่ยหูฟัง ข้าพเจ้าจะพูดขอพิภพโลกจงสดับถ้อยคำจากปากของข้าพเจ้า2
ขอให้คำสอนของข้าพเจ้าหยดลงอย่างเม็ดฝนและคำปราศรัยของข้าพเจ้ากลั่นตัวลงอย่างน้ำค้างอย่างฝนตกปรอยๆอยู่เหนือหญ้าอ่อนอย่างห่าฝนตกลงเหนือผักสด3
เพราะข้าพเจ้าจะประกาศพระนามของพระเจ้าจงถวายความยิ่งใหญ่แด่พระเจ้าของเรา4
“พระศิลา พระราชกิจของพระองค์ก็สมบูรณ์พระมรรคาทั้งหลายของพระองค์ก็ยุติธรรมพระเจ้าที่เที่ยงธรรมและปราศจากความผิดพระองค์ทรงยุติธรรมและเที่ยงตรง5
เขาทั้งหลายประพฤติชั่วช้าต่อพระองค์ เพราะเขาทั้งหลายมีตำหนิเขาจึงไม่ได้เป็นบุตรของพระองค์ต่อไปเขาเป็นพงศ์พันธุ์วิปลาสและคดโกง6
ชนชาติโฉดเขลาและเบาความเอ๋ยท่านจะตอบสนองพระเจ้าอย่างนี้ละหรือพระองค์มิใช่พระบิดา ผู้ทรงสร้างท่านมาดอกหรือผู้ทรงสรรค์ท่าน และทำนุบำรุงท่านไว้7
จงระลึกถึงโบราณกาลจงตรองถึงจำนวนปีที่ผ่านมาหลายชั่วอายุคนแล้วนั้นจงถามบิดาของท่าน แล้วเขาจะสำแดงให้ท่านทราบจงถามพวกผู้ใหญ่ของท่านแล้วเขาจะบอกท่าน8
เมื่อผู้สูงสุดประทานมรดกแก่บรรดาประชาชาติเมื่อพระองค์ทรงแยกพงศ์พันธุ์ของมนุษย์พระองค์ทรงกั้นเขตของชนชาติทั้งหลายตามจำนวนคนอิสราเอล กจ. 17:269
เพราะว่าส่วนของพระเจ้าคือ ประชากรของพระองค์ยาโคบเป็นส่วนมรดกของพระองค์เอง10
“พระองค์ทรงพบเขาในแผ่นดินทุรกันดารในที่เปลี่ยวเปล่ามีแต่เสียงเห่าหอนพระองค์ทรงโอบล้อมเขาไว้ และทรงดูแลเขาอยู่ทรงรักษาเขาไว้ดังแก้วพระเนตรของพระองค์11
เหมือนนกอินทรีที่กวนรังของมันกระพือปีกอยู่เหนือลูกโตกางปีกออกรองรับลูกไว้ให้เกาะอยู่บนปีก12
พระเจ้าองค์เดียวก็ทรงนำเขามาไม่มีพระต่างด้าวองค์ใดอยู่กับเขา13
พระองค์ทรงโปรดเขาให้ขี่ไปบนโลกส่วนสูงให้เขากินพืชผลที่ได้จากนาพระองค์ทรงให้เขาดูดน้ำผึ้งจากศิลาและให้ดื่มน้ำมันจากหินแข็งกล้า14
ให้ได้นมเปรี้ยวจากวัว และให้ได้น้ำนมจากแพะแกะได้ไขมันจากลูกแกะ และแกะผู้พันธุ์บาชานและจากฝูงแพะกับข้าวสาลีอย่างดีที่สุดและจากเลือดขององุ่น ท่านได้ดื่มเหล้าองุ่น15
แต่เยชุรูนอ้วนพีขึ้นแล้วก็มีพยศพอเจ้าอ้วนใหญ่ เนื้อหนานุ่มนิ่มเขาทอดทิ้งพระเจ้าผู้สร้างเขามาแล้วดูหมิ่นพระศิลาแห่งความรอดของเขา16
เขาทำให้พระองค์ทรงอิจฉาด้วยพระอื่นด้วยกระทำสิ่งที่พึงรังเกียจเขาจึงทำให้พระองค์ทรงกริ้ว17
เขาบูชาเทวดาซึ่งไม่เป็นพระเจ้า 1 คร. 10:20บูชาพระซึ่งไม่รู้จักมาก่อนบูชาพระใหม่ๆ ซึ่งเกิดมาเร็วๆนี้ซึ่งปู่ย่าตายายของท่านไม่เกรงกลัว18
ท่านมิได้ใส่ใจในพระศิลาที่ให้กำเนิดท่านมาท่านหลงลืมพระเจ้าซึ่งให้ท่านเกิด19
“พระเจ้าทอดพระเนตรและทรงชังเขาเพราะบุตรชายหญิงของพระองค์ทำให้เศร้าพระทัย20
และพระองค์ตรัสว่า ‘เราจะซ่อนหน้าของเราเสียจากเขาเราจะคอยดูว่าปลายทางของเขาจะเป็นอย่างไรเพราะเขาเป็นพงศ์พันธุ์ที่เฉไฉเป็นลูกเต้าที่ไม่มีความซื่อสัตย์21
เขาทำให้เราอิจฉา 1 คร. 10:22ด้วยสิ่งที่ไม่ใช่พระเขาได้ยั่วเย้าเราด้วยรูปเคารพของเขาดังนั้นเราจึงทำให้เขาอิจฉาผู้ที่ไม่ใช่ชนชาติและจะยั่วโทสะเขา ด้วยประชาชาติที่เขลาชาติหนึ่ง รม. 10:1922
เพราะมีไฟก่อขึ้นด้วยเหตุความกริ้วของเรานั้นไฟก็ไหม้ลุกลามไปจนถึงก้นลึกของแดนผู้ตายเผาแผ่นดินโลกและพืชผลในนั้นและก่อเพลิงติดรากขุนเขา23
“ ‘เราจะสุมสิ่งร้ายไว้บนเขาทั้งหลายและปล่อยลูกธนูของเรามายิงเขา24
เขาจะซูบผอมไปเพราะความหิวความร้อนอันแรงกล้าและโรคพิษร้ายจะเผาผลาญเขาเสียเราจะส่งฟันสัตว์ร้ายให้มาขบกับพิษของสัตว์เลื้อยคลานในผงคลี25
ในกลางแจ้งจะมีดาบมาทำให้โศกเศร้าที่ในห้องจะมีความกลัวทำลายทั้งชายหนุ่มและหญิงพรหมจารีทั้งเด็กที่ยังดูดนมและคนที่ผมหงอก26
เราพูดแล้วว่า “เราจะให้เขากระจัดกระจายไปเราจะให้ชื่อของเขาศูนย์ไปจากความทรงจำของมนุษย์”27
ถ้าหากว่าเราไม่กลัวว่าศัตรูจะว่าย้อนเราเกรงว่าศัตรูจะคิดผิดไปกลัวว่าศัตรูทั้งหลายจะพูดว่า “กำลังมือของเราซิมีชัยพระเจ้าหาได้ทรงกระทำการนี้ไม่” ’28
“เพราะว่าเขาทั้งหลายเป็นประชาชาติที่ไม่ยอมฟังคำปรึกษาในพวกเขาไม่มีความเข้าใจ29
ถ้าเขาฉลาดแล้วเขาจะเข้าใจเรื่องนี้และทราบเรื่องสุดท้ายปลายมือ30
คนเดียวจะไล่พันคนอย่างไรได้สองคนจะทำให้หมื่นคนหนีได้อย่างไรนอกจากพระศิลาของเขาได้ขายเขาเสียแล้วและพระเจ้าได้ทรงทอดทิ้งเขาเสีย31
เพราะพระศิลาของเขาไม่เหมือนพระศิลาของเราแม้ศัตรูของเราก็ตัดสินอย่างนั้น32
เพราะว่าเถาองุ่นของเขามาจากเถามะแว้งเครือมาจากไร่เมืองโกโมราห์ผลองุ่นของเขาเป็นดีหมีและองุ่นที่เป็นพวงๆ ก็ขมขื่น33
เหล้าองุ่นของเขาเป็นพิษของงูเป็นพิษร้ายแรงของงูเห่า34
“เรื่องนี้มิได้สะสมไว้กับเราดอกหรือประทับตราไว้ในคลังของเรา35
การแก้แค้นและการตอบสนองเป็นของเรา รม. 12:19; ฮบ. 10:30รอเวลาเมื่อเท้าของเขาจะลื่นพลาดเพราะว่าวันหายนะของเขามาใกล้แล้วและกรรมจะมาถึงเขาโดยเร็วพลัน36
เพราะพระเจ้าจะทรงพิพากษาประชากรของพระองค์และทรงเมตตาปรานีต่อผู้รับใช้ของพระองค์ สดด. 135:14เมื่อทอดพระเนตรกำลังของเขาสิ้นลงไม่มีใครเหลือแล้ว ไม่ว่าทาสหรือไท37
แล้วพระองค์จะตรัสว่า ‘พระของเขาอยู่ที่ไหนศิลาที่เขาพึ่งพานั้นอยู่ที่ไหนเล่า’38
คือผู้ที่รับประทานไขมันของเครื่องสัตวบูชาของเขาและดื่มเหล้าที่เป็นเครื่องดื่มบูชาของเขาให้บรรดาพระเหล่านั้นลุกขึ้นช่วยเจ้าให้พระเหล่านั้นเป็นผู้ป้องกันเจ้าซิ39
“ ‘จงดูเถิด ตัวเรา คือเรานี่แหละเป็นผู้นั้นนอกจากเราไม่มีพระเจ้าอื่นใดเราฆ่าให้ตายและเราก็ให้มีชีวิตอยู่เราทำให้บาดเจ็บ และเราก็รักษาให้หายไม่มีผู้ใดจะช่วยให้พ้นมือเราได้40
เพราะเราชูมือขึ้นถึงสวรรค์และปฏิญาณว่า ดังที่เราดำรงอยู่เป็นนิตย์41
ถ้าเราลับดาบอันวาววับของเราและมือของเรายึดการพิพากษาไว้เราจะแก้แค้นศัตรูของเราและตอบแทนผู้ที่เกลียดเรา42
เราจะให้ลูกธนูของเราเมาโลหิตและดาบของเราจะกินเนื้อหนังด้วยโลหิตของผู้ที่ถูกฆ่าและของเชลยจากศีรษะเจ้านายศัตรู’43
“โอ ประชาชาติทั้งหลาย จงสรรเสริญประชากรของพระองค์ รม. 15:10เพราะพระองค์จะแก้แค้นโลหิตแห่งผู้รับใช้ ของพระองค์แล้ว วว. 19:2และจะทรงทำการแก้แค้นศัตรูของพระองค์และจะทรงทำการลบมลทินแผ่นดินแห่ง ประชากรของพระองค์”44
โมเสสได้มาเล่าถ้อยคำของเพลงบทนี้ให้ประชาชนฟัง ทั้งตัวท่านพร้อมกับโยชูวาบุตรนูน45
และเมื่อโมเสสเล่าคำเหล่านี้แก่คนอิสราเอลจบแล้ว46
ท่านก็กล่าวแก่เขาว่า “จงใส่ใจในถ้อยคำซึ่งข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่านในวันนี้ เพื่อท่านจะได้บัญชาแก่ลูกหลานของท่าน เพื่อเขาจะได้ระวังที่จะกระทำตามถ้อยคำ แห่งธรรมบัญญัตินี้ทั้งสิ้น47
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยสำหรับท่านทั้งหลาย แต่เป็นเรื่องชีวิตของท่านทั้งหลาย และเรื่องนี้จะกระทำให้ท่านทั้งหลายมีชีวิตยืนนานในแผ่นดิน ซึ่งท่านทั้งหลายกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยึดครองนั้น”48
โมเสสรับอนุญาตให้มองดูแผ่นดินคานาอัน และพระเจ้าตรัสกับโมเสสในวันนั้นเองว่า49
“จงขึ้นไปบนภูเขาอาบาริมถึงยอดเขาเนโบ ซึ่งอยู่ในแผ่นดินโมอับตรงข้ามเมืองเยรีโค และดูแผ่นดินคานาอันซึ่งเราให้แก่ประชาชน อิสราเอลเป็นกรรมสิทธิ์50
และสิ้นชีวิตเสียบนภูเขา ซึ่งเจ้าขึ้นไปนั้น และถูกรวบไปอยู่กับญาติพี่น้องของเจ้า ดังอาโรนพี่ชายของเจ้าได้สิ้นชีวิตที่ภูเขาโฮร์ และถูกรวบไปอยู่กับประชาชนของเขา51
เพราะเจ้าทั้งสองได้ละเมิดต่อเราท่ามกลางคนอิสราเอลที่น้ำเมรีบาห์แห่งคาเดช ในถิ่นทุรกันดาร เพราะเจ้ามิได้เคารพเราว่าบริสุทธิ์ในหมู่คนอิสราเอล52
เพราะเจ้าจะได้เห็นแผ่นดินซึ่งอยู่ต่อหน้าเจ้า แต่เจ้าไม่ได้เข้าไปในแผ่นดิน ซึ่งเราให้แก่คนอิสราเอล” กดว. 27:12-14; ฉธบ. 3:23-27