1
พระวจนะซึ่งพระเจ้าทรงกล่าวด้วยเรื่อง บาบิโลน อสย. 13:1-14:23; 47:1-15 เกี่ยวด้วยเรื่องแผ่นดินของชาวเคลเดีย โดยเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ ว่า2
“จงประกาศท่ามกลางบรรดาประชาชาติและป่าวร้องจงตั้งธงขึ้นและป่าวร้องอย่าปิดบังไว้เลย และว่า‘บาบิโลนถูกยึดแล้วพระเบลก็ได้อายพระเมโรดัคก็ครั่นคร้ามรูปเคารพทั้งหลายของเมืองนั้นถูกกระทำให้ได้อายและรูปปั้นทั้งหลายก็ครั่นคร้าม’3
“เพราะว่ามีประชาชาติหนึ่งออกจากทิศเหนือ ได้มาต่อสู้เมืองนั้น ซึ่งกระทำให้แผ่นดินของเธอเป็นที่ร้างเปล่า และไม่มีสักคนหนึ่งอาศัยในนั้น ทั้งมนุษย์และสัตว์จะหนีไปหมด4
“พระเจ้าตรัสว่า ในวันเหล่านั้นและในเวลานั้น ประชาชนอิสราเอลและประชาชนยูดาห์จะมารวมกัน มาพลางร้องไห้พลางและเขาทั้งหลายจะแสวงหา พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเขา5
เขาทั้งหลายจะถามหาทางไปศิโยนโดยหันหน้าตรงไปเมืองนั้น กล่าวว่า ‘มาเถิด ให้พวกเรามาติดสนิทกับพระเจ้าโดยทำพันธสัญญาเนือง นิตย์ซึ่งจะไม่ลืมเลย’6
“ประชากรของเราเป็นแกะที่หลง บรรดาผู้เลี้ยงของเขาทั้งหลายได้พาเขาหลงไป หันเขาทั้งหลายไปเสียบนภูเขา เขาทั้งหลายได้เดินจากภูเขาไปหาเนินเขา เขาลืมคอกของเขาเสียแล้ว7
บรรดาผู้ที่พบเข้าก็กินเขา และศัตรูของเขาได้กล่าวว่า ‘เราไม่มีความผิด เพราะเขาทั้งหลายได้กระทำบาปต่อพระเจ้าผู้เป็นที่ อยู่อันแท้จริงของเขาทั้งหลาย คือพระเจ้าอันเป็นความหวังของบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย’8
“จงหนีจากท่ามกลางบาบิโลน วว. 18:4 จงออกไปเสียจากแผ่นดินของชาวเคลเดีย และเป็นเหมือนแพะตัวผู้นำหน้าฝูง9
เพราะ ดูเถิด เราจะเร้าและนำบรรดาประชาชาติใหญ่หมู่ หนึ่งจากประเทศเหนือมาต่อสู้บาบิโลน และเขาทั้งหลายจะเรียงรายพวกเขามาต่อสู้กับเธอ ตรงนั้นแหละเธอจะถูกยึด ลูกธนูของเขาทั้งหลายก็เหมือนนักรบที่มีฝีมือผู้ไม่เคยกลับมือเปล่า10
พระเจ้าตรัสว่า ประเทศเคลเดียจะถูกปล้น บรรดาผู้ที่ปล้นเขาจะอิ่มหนำ11
“บรรดาผู้ปล้นมรดกของเราเอ๋ย แม้ว่าเจ้าจะเปรมปรีดิ์ แม้ว่าเจ้าจะลิงโลดแม้เจ้าจะระเริงอย่างโคสาวอยู่ที่หญ้าและร้องอย่างม้าพันธุ์ผู้12
มารดาของเจ้าจะละอายอย่างอดสู และนางที่คลอดเจ้าจะถูกหลู่เกียรตินี่แน่ะ นางจะเป็นบรรดาประชาชาติ ที่รั้งท้ายเป็นถิ่นทุรกันดาร ที่แห้งแล้งและทะเลทราย13
เมืองนั้นจะไม่มีคนเข้าอาศัย เพราะพระพิโรธของพระเจ้า แต่จะเป็นที่ร้างเปล่าอย่างที่สุดซึ่งคนที่ผ่านเมืองบาบิโลนไปจะตกตะลึงและเยาะเย้ยเพราะรอยตีทั้งสิ้นของเมืองนั้น14
จงเรียงรายตัวของเจ้าทั้งหลายเข้ามา สู้บาบิโลนให้รอบข้างบรรดาเจ้าที่โก่งคันธนูจงยิงเธอ อย่าเสียดายลูกธนูเพราะเธอได้กระทำบาปต่อพระเจ้า15
เปล่งเสียงโห่ร้องสู้เธอให้รอบข้างเธอยอมแพ้แล้วเครื่องป้องกันของเธอล้มลงแล้วกำแพงของเธอถูกพังลงมาแล้วเพราะนี่เป็นการแก้แค้นของพระเจ้าจงทำการแก้แค้นเธอทำกับเธออย่างที่เธอได้กระทำมาแล้ว16
จงตัดผู้หว่านเสียจากบาบิโลนและตัดผู้ที่ถือเคียวในฤดูเกี่ยวเหตุเพราะดาบของผู้บีบบังคับทุกคนจึงหันเข้าหาชนชาติของตนและทุกคนจะหนีไปยังแผ่นดินของตน17
“อิสราเอลเป็นเหมือนแกะที่ถูกสิงห์ขับล่าไป ทีแรกกษัตริย์อัสซีเรียกินเขา ในที่สุดนี้เนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้แทะกระดูกของเขา18
เพราะฉะนั้นพระเจ้าจอมโยธา พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เราจะนำการลงโทษมาเหนือกษัตริย์แห่ง บาบิโลนและแผ่นดินของท่าน ดังที่เราได้ลงโทษกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย19
เราจะให้อิสราเอลกลับสู่ลานหญ้าของเขา และเขาจะกินอยู่บนคารเมลและในบาชาน และเขาจะอิ่มใจบนเนินเขาเอฟราอิมและในกิเลอาด20
พระเจ้าตรัสว่า ในวันเหล่านั้นและในเวลานั้น จะหาบาปผิดในอิสราเอลและจะหาไม่ได้เลย จะหาบาปในยูดาห์ก็จะหาไม่ได้เลย เพราะเราจะให้อภัยแก่ชนที่เหลืออยู่เหล่านั้น ผู้ที่เราเหลือไว้ให้21
พระเจ้าตรัสว่า “จงขึ้นไปสู้แผ่นดินเมราธาอิม คือ การกบฏซ้อนและต่อสู้ชาวเมืองเปโขด คือ การลงโทษจงฆ่าเขาและตามทำลายเสียให้สิ้นเชิงและจงกระทำทุกอย่างตามที่เราได้บัญชาเจ้าไว้22
เสียงสงครามอยู่ในแผ่นดินและการทำลายอย่างใหญ่หลวงก็อยู่ในนั้น23
ค้อนทุบของแผ่นดินโลกทั้งหมดได้ถูกตัดลงและถูกหักเสียแล้วหนอบาบิโลนได้กลายเป็นความหวาดเสียวท่ามกลางบรรดาประชาชาติ24
บาบิโลนเอ๋ย เราวางบ่วงดักเจ้าและเจ้าก็ติดบ่วงนั้นและเจ้าไม่รู้เรื่องเขามาพบเจ้าและจับเจ้าเพราะเจ้าได้ขันสู้กับพระเจ้า25
พระเจ้าได้ทรงเปิดคลังอาวุธของพระองค์และทรงให้อาวุธแห่งพระพิโรธของพระองค์ออกมาเพราะพระเจ้าจอมโยธา ทรงมีพระราชกิจที่จะกระทำในแผ่นดินแห่งชาวเคลเดีย26
จงมาต่อสู้กับเธอจากทุกเสี้ยวโลกจงเปิดบรรดาฉางของเธอจงกองเธอไว้เหมือนอย่างกองข้าวและทำลายเสียจนสิ้นเชิงอย่าให้เธอเหลืออยู่เลย27
จงฆ่าวัวผู้ของเธอให้หมดให้มันทั้งหลายลงไปยังการฆ่าวิบัติแก่มันทั้งหลายเพราะวันเวลาของมันมาถึงแล้วคือเวลาแห่งการลงโทษมัน28
“ฟังซิ เขาทั้งหลายได้หนีและรอดพ้นจากแผ่นดินบาบิโลน ไปประกาศการแก้แค้นของพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของเราในศิโยน คือการแก้แค้นแทนพระวิหารของพระองค์29
“จงเรียกนักธนูมาต่อสู้กับบาบิโลน คือบรรดาคนที่โก่งธนู จงตั้งค่ายไว้รอบมัน อย่าให้ผู้ใดหนีรอดพ้นไปได้จงกระทำ กับมันตามการกระทำของมัน วว. 18:6 จงกระทำแก่มันอย่างที่มันได้กระทำแล้ว เพราะมันจองหองลองดีกับพระเจ้า พระองค์ผู้บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล30
เพราะฉะนั้น คนหนุ่มๆของมันจะล้มลงที่ลานของมัน และทหารของมันทั้งสิ้นจะถูกทำลาย ในวันนั้น พระเจ้าตรัสดังนี้31
“พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่าผู้จองหองเอ๋ย ดูเถิด เราต่อสู้กับเจ้าเพราะว่าวันเวลาของเจ้ามาถึงแล้วคือเวลาที่เราจะลงโทษเจ้า32
ผู้จองหองจะสะดุดและล้มลงจะไม่มีผู้ใดพยุงเขาขึ้นได้และเราจะก่อไฟในบรรดาหัวเมืองของมันและไฟจะกินบรรดาที่อยู่รอบมันเสียสิ้น33
“พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า ประชาชนอิสราเอลถูกบีบบังคับ และประชาชนยูดาห์ก็พลอยไปด้วย ผู้ที่จับเขาทั้งหลายไปเป็นเชลยได้ยึดเขาไว้มั่น เขาทั้งหลายปฏิเสธไม่ยอมให้เขาไป34
พระผู้ไถ่ของเขาทั้งหลายนั้นเข้มแข็ง พระนามของพระองค์คือพระเยโฮวาห์จอมโยธา พระองค์จะทรงแก้คดีของเขาเป็นแน่ เพื่อพระองค์จะประทานความสงบแก่แผ่นดินโลก แต่ประทานความไม่สงบแก่ชาวเมืองบาบิโลน35
“พระเจ้าตรัสว่า ให้ดาบอยู่เหนือชาวเคลเดียและเหนือชาวเมืองบาบิโลนและเหนือเจ้านายและนักปราชญ์ของเขา36
ให้ดาบอยู่เหนือผู้ทำนายเพื่อเขาจะกลายเป็นคนโง่ไปให้ดาบอยู่เหนือบรรดานักรบของเขาเพื่อเขาทั้งหลายจะครั่นคร้าม37
ให้ดาบอยู่เหนือม้าทั้งหลายของเขาและรถรบของเขาและอยู่เหนือกองทหารชนต่างด้าวท่ามกลางเขาเพื่อเขาทั้งหลายจะกลายเป็นผู้หญิงไปให้ดาบอยู่เหนือทรัพย์สมบัติทั้งสิ้นของเขาเพื่อว่าทรัพย์สมบัตินั้นจะถูกปล้นเสีย38
ให้ความแห้งแล้งอยู่เหนือน้ำทั้งหลายของมันเพื่อน้ำทั้งหลายนั้นจะได้แห้งไปเพราะเป็นแผ่นดินแห่งรูปเคารพและเขาทั้งหลายก็บ้ารูปนั้น39
“เพราะฉะนั้น สัตว์ป่าทั้งหลายและบรรดาหมาจิ้งจอก จะอาศัยในบาบิโลน วว. 18:2 และนกกระจอกเทศจะอาศัยอยู่ในนั้น เมืองนั้นจะไม่มีประชาชนอยู่อีกต่อไปเป็นนิตย์ คือไม่มีชาวเมืองอาศัยอยู่ตลอดชั่วชาติพันธุ์40
พระเจ้าตรัสว่า เมื่อพระเจ้าได้ทรงคว่ำเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ และหัวเมืองใกล้เคียง ปฐก. 19:24-25 ดังนั้น จะไม่มีคนพำนักอยู่ที่นั่นและไม่มีมนุษย์คนใด อาศัยอยู่ในเมืองนั้น41
“ดูเถิด ชนชาติหนึ่งมาจากทิศเหนือประชาชาติอันเข้มแข็งชาติหนึ่งและกษัตริย์หลายองค์จะถูกเร้าให้มาจากที่ไกลที่สุดของแผ่นดินโลก42
เขาทั้งหลายจับคันธนูและหอกเขาทั้งหลายดุร้าย และไม่มีความกรุณาเสียงของเขาทั้งหลายก็เหมือนเสียงทะเลคะนองเขาทั้งหลายขี่ม้าเรียงรายกันเป็นคนเข้าสู้สงครามกับเจ้านะ บุตรีแห่งบาบิโลนเอ๋ย43
“กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ยินข่าวเรื่องนั้นและพระหัตถ์ของพระองค์ก็อ่อนลงความแสนระทมจับหัวใจเขาเจ็บปวดอย่างผู้หญิงกำลังคลอดบุตร44
“ดูเถิด เราจะกระทำให้เขาทั้งหลายหนีไปจากมันอย่างฉับพลัน เหมือนอย่างสิงห์ขึ้นมาจากดงลุ่มแม่น้ำจอร์แดนโจนเข้า ใส่คอกแกะที่แข็งแรง และเราจะแต่งตั้งผู้ที่เราเลือกสรรไว้เหนือมัน ใครเป็นอย่างเราเล่า ใครจะนัดเราเล่า ผู้เลี้ยงแกะคนใดจะทนยืนอยู่ต่อหน้าเราได้45
เพราะฉะนั้นจงฟังแผนงานซึ่งพระเจ้าทรง กระทำไว้ต่อสู้บาบิโลน และบรรดาพระประสงค์ซึ่งพระองค์ได้ดำริขึ้น ต่อสู้กับแผ่นดินของชาวเคลเดีย แน่ละตัวเล็กๆ ที่อยู่ในฝูงก็ต้องถูก ลากเอาไป แน่ละคอกของเขานั้นจะครั่นคร้าม เพราะเคราะห์กรรมของตน46
แผ่นดินโลกจะสั่นสะเทือนเพราะเสียงของการที่ บาบิโลนถูกจับเป็นเชลย และเสียงคร่ำครวญของมันดังไปท่ามกลางบรรดาประชาชาติ”