2 พง‌ศาว‌ดาร-18

(พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 มีคายาห์เผยถึงการพ่ายแพ้ ของเยโฮชาฟัทและอาหับ ( 1 พกษ. 22:1-40 )ฝ่ายเยโฮชาฟัททรงมีทรัพย์มั่งคั่งและเกียรติใหญ่ยิ่ง และพระองค์ทรงกระทำให้เป็นทองแผ่นเดียวกันกับอาหับ
  • 2 ครั้นล่วงมาหลายปี พระองค์เสด็จลงไปเฝ้าอาหับในสะมาเรีย และอาหับทรงฆ่าแกะและวัวมากมายสำหรับพระองค์ และสำหรับพลที่มากับพระองค์ และทรงชักชวนพระองค์ให้ขึ้นไปต่อสู้กับราโมทกิเลอาด
  • 3 อาหับพระราชาแห่งอิสราเอลตรัสกับเยโฮชาฟัท พระราชาแห่งยูดาห์ว่า “ท่านจะไปกับข้าพเจ้ายังราโมทกิเลอาดหรือ” พระองค์ทูลตอบพระองค์ว่า “ข้าพเจ้าเป็นอย่างที่ท่านเป็น พลของข้าพเจ้าก็อย่างพลของท่าน เราจะอยู่กับท่านในการสงคราม”
  • 4 และเยโฮชาฟัทตรัสกับพระราชาแห่งอิสราเอลว่า “ขอสอบถามดูพระดำรัสของพระเจ้าเสียก่อน”
  • 5 แล้วพระราชาแห่งอิสราเอลก็เรียกประชุมพวกผู้เผยพระวจนะประมาณสี่ร้อยคน ตรัสกับเขาว่า “ควรที่เราจะไปตีราโมทกิเลอาดหรือ หรือเราไม่ควรไป” และเขาทั้งหลายทูลตอบว่า “ขอเชิญเสด็จไปเถิด เพราะพระเจ้าจะทรงมอบไว้ในพระหัตถ์ของพระราชา”
  • 6 แต่เยโฮชาฟัททูลว่า “ที่นี่ไม่มีผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าอีกสักคนหนึ่งหรือ ซึ่งเราจะสอบถามได้”
  • 7 และพระราชาแห่งอิสราเอลทูลเยโฮชาฟัทว่า “ยังมีชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งเราจะให้ทูลถามพระเจ้าได้ แต่ข้าพเจ้าชังเขา เพราะเขาเผยแต่ความร้ายเสมอ ไม่เคยเผยความดีเกี่ยวกับข้าพเจ้าเลย คนนั้นคือ มีคายาห์บุตรอิมลาห์” และเยโฮชาฟัททูลว่า “ขอพระราชาอย่าตรัสดั่งนั้นเลย”
  • 8 แล้วพระราชาแห่งอิสราเอลจึงเรียก มหาดเล็กคนหนึ่งเข้ามาและตรัสสั่งว่า “ไปพามีคายาห์บุตรอิมลาห์มาเร็วๆ”
  • 9 ฝ่ายพระราชาแห่งอิสราเอลและเยโฮชาฟัท พระราชาแห่งยูดาห์ ต่างประทับบนพระที่นั่ง ทรงฉลองพระองค์อันงาม ณ ลานนวดข้าวตรงทางเข้าประตูเมืองสะมาเรีย และผู้เผยพระวจนะทั้งปวงก็เผยพระวจนะถวายอยู่
  • 10 และเศเดคียาห์บุตรเคนาอะนาห์ จึงเอาเหล็กทำเป็นเขา และพูดว่า “พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ‘ด้วยสิ่งเหล่านี้ เจ้าจะผลักคนซีเรียไปจนเขาทั้งหลายถูกทำลาย’ ”
  • 11 และบรรดาผู้เผยพระวจนะก็เผยอย่างนั้น ทูลว่า “ขอเสด็จไปราโมทกิเลอาดเถิด และจะมีชัยชนะ เพราะพระเจ้าจะทรงมอบเมืองนั้นไว้ในพระหัตถ์ของพระราชา”
  • 12 และผู้สื่อสารผู้ไปตามมีคายาห์ได้บอกท่านว่า “ดูเถิด ถ้อยคำของบรรดาผู้เผยพระวจนะก็พูดสิ่งที่เป็น มงคลแก่พระราชาดุจปากเดียวกัน ขอให้ถ้อยคำของท่านเหมือนอย่างถ้อยคำของคนหนึ่งในพวกนั้น และพูดแต่สิ่งที่เป็นมงคล”
  • 13 แต่มีคายาห์ตอบว่า “พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด พระเจ้าของข้าพเจ้าตรัสว่าอย่างไรข้าพเจ้าจะพูดอย่างนั้น”
  • 14 และเมื่อท่านมาเฝ้าพระราชา พระราชาตรัสถามท่านว่า “มีคายาห์ ควรที่เราจะไปตีราโมทกิเลอาดหรือ หรือเราไม่ควรไป” และท่านทูลตอบพระองค์ว่า “ขอเชิญเสด็จขึ้นไป และจะมีชัยชนะ เขาทั้งหลายจะถูกมอบไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์”
  • 15 แต่พระราชาตรัสกับท่านว่า “เราได้ให้เจ้าปฏิญาณกี่ครั้งแล้วว่า เจ้าจะพูดกับเราแต่ความจริงในพระนามของพระเจ้า”
  • 16 และท่านทูลว่า “ข้าบาทได้เห็นคนอิสราเอลทั้งปวงกระจัดกระจาย อยู่บนภูเขา อย่างแกะที่ไม่มีผู้ เลี้ยง กดว. 27:17; อสค. 34:5; มธ. 9:36; มก. 6:34 และพระเจ้าตรัสว่า ‘คนเหล่านี้ไม่มีนาย ให้เขาต่างกลับยังเรือนของตนโดยสวัสดิภาพเถิด’ ”
  • 17 พระราชาแห่งอิสราเอลจึงทูลเยโฮชาฟัทว่า “ข้าพเจ้ามิได้บอกท่านแล้วหรือว่า เขาจะไม่เผยสิ่งดีเกี่ยวกับข้าพเจ้าเลย แต่สิ่งชั่วร้ายต่างหาก”
  • 18 และมีคายาห์ทูลว่า “ฉะนั้นขอสดับพระวจนะของพระเจ้า ข้าพระบาทได้เห็นพระเจ้าประทับบนพระที่นั่งของพระองค์ และบรรดาบริวารแห่งฟ้าสวรรค์ยืนข้างๆ พระองค์ ข้างขวาพระหัตถ์และข้างซ้าย
  • 19 และพระเจ้าตรัสว่า ‘ผู้ใดจะเกลี้ยกล่อมอาหับพระราชาแห่งอิสราเอล เพื่อเขาจะขึ้นไปและล้มลงที่ราโมทกิเลอาด’ บ้างก็ทูลอย่างนี้ บ้างก็ทูลอย่างนั้น
  • 20 แล้วมีวิญญาณดวงหนึ่งมาข้างหน้า เฝ้าต่อพระพักตร์พระเจ้าทูลว่า ‘ข้าพระองค์จะเกลี้ยกล่อมเขาเอง’ และพระเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘จะทำอย่างไร’
  • 21 และเขาทูลว่า ‘ข้าพระบาทจะออกไปและจะเป็นวิญญาณมุสาอยู่ในปากของ ผู้เผยพระวจนะของเขาทุกคน’ และพระองค์ตรัสว่า ‘เจ้าไปเกลี้ยกล่อมเขาได้ และเจ้าจะทำได้สำเร็จ จงไปเถิด’
  • 22 เพราะฉะนั้น ดูเถิด พระเจ้าทรงใส่วิญญาณมุสาในปากของเหล่าผู้เผย พระวจนะของฝ่าพระบาท พระเจ้าทรงลั่นพระวาจาเป็นความร้ายเกี่ยวกับฝ่าพระบาท”
  • 23 แล้วเศเดคียาห์บุตรเคนาอะนาห์ได้เข้ามาใกล้และ ตบแก้มมีคายาห์พูดว่า “พระวิญญาณของพระเจ้าไปจากข้าพูดกับเจ้าได้อย่างไร”
  • 24 และมีคายาห์ตอบว่า “ดูเถิด เจ้าจะเห็นในวันนั้น เมื่อเจ้าเข้าไปในห้องชั้นในเพื่อจะซ่อนตัวเจ้า”
  • 25 และพระราชาแห่งอิสราเอลตรัสว่า “จงจับมีคายาห์ พาเขากลับไปมอบให้อาโมนผู้ว่าราชการเมือง และแก่โยอาชราชโอรส
  • 26 และว่า ‘พระราชาตรัสดังนี้ว่า เอาคนนี้จำคุกเสีย ให้อาหารนักโทษกับน้ำเท่านั้น จนกว่าเราจะกลับมาโดยสวัสดิภาพ’ ”
  • 27 และมีคายาห์ทูลว่า “ถ้าฝ่าพระบาทเสด็จกลับมาโดยสวัสดิภาพ พระเจ้าก็มิได้ตรัสโดยข้าพระบาท” และท่านกล่าวว่า “บรรดาชนชาติทั้งหลายเอ๋ย ขอจงฟังเถิด”
  • 28 พระราชาแห่งอิสราเอล กับเยโฮชาฟัทพระราชาแห่งยูดาห์ จึงเสด็จไปยังราโมทกิเลอาด
  • 29 และพระราชาแห่งอิสราเอลตรัสกับเยโฮชาฟัทว่า “ข้าพเจ้าจะปลอมตัวเข้าทำศึก แต่ท่านจงสวมเครื่องทรง ของท่าน” และพระราชาแห่งอิสราเอลก็ทรงปลอมพระองค์เข้า ทำสงคราม
  • 30 ฝ่ายพระราชาประเทศซีเรียทรงบัญชาแม่ทัพรถรบ ของพระองค์ว่า “อย่ารบกับทหารใหญ่น้อย แต่มุ่งเฉพาะพระราชาแห่งอิสราเอล”
  • 31 และอยู่มาเมื่อผู้บัญชาการรถรบแลเห็นเยโฮชาฟัท เขาทั้งหลายก็ว่า “เป็นพระราชาอิสราเอลแล้ว” เขาจึงหันเข้าไปจะสู้รบกับพระองค์ และเยโฮชาฟัททรงร้องขึ้น และพระเจ้าทรงช่วยพระองค์ พระเจ้าทรงให้เขาทั้งหลายออกไปเสียจากกษัตริย์
  • 32 และอยู่มาเมื่อผู้บัญชาการรถรบเห็นว่าไม่ใช่ พระราชาอิสราเอล ก็หันรถกลับจากไล่ตามพระองค์
  • 33 แต่มีชายคนหนึ่งโก่งธนูยิงเดาไป ถูกพระราชาแห่งอิสราเอลเข้าระหว่าง เกล็ดเกราะและแผ่นบังพระอุระ พระองค์จึงรับสั่งกับคนขับรถว่า “หันกลับเถอะ พาเราออกจากการรบ เพราะเราบาดเจ็บแล้ว”
  • 34 วันนั้นการรบก็ดุเดือดขึ้น และพระราชาก็พยุงพระองค์เอง ขึ้นไปในรถรบของพระองค์หันพระพักตร์เข้าสู้ชน ซีเรียจนถึงเวลาเย็น แล้วประมาณเวลาดวงอาทิตย์ตกพระองค์ก็สิ้นพระชนม์
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页