1 พงศ์‍กษัตริย์-8

(พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 ซาโลมอนทรงนำหีบเข้ามาในพระวิหาร ( 2 พศด. 5:2-14 )แล้วซาโลมอนทรงประชุมพวกผู้ใหญ่ของอิสราเอล และหัวหน้าของเผ่า คือบรรดาประมุขของตระกูลคนอิสราเอล ต่อพระพักตร์พระราชาซาโลมอนในกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อจะนำหีบพันธสัญญาของพระเจ้าขึ้นมาจากนครดาวิด 2 ซมอ. 6:12-16;1 พศด. 15:25-29คือเมืองศิโยน
  • 2 และผู้ชายทั้งสิ้นของอิสราเอลก็ประชุมต่อ พระพักตร์พระราชาซาโลมอน ณ การเลี้ยงในเดือนเอธานิม ซึ่งเป็นเดือนที่เจ็ด
  • 3 พวกผู้ใหญ่ทั้งสิ้นของอิสราเอลมา และพวกปุโรหิตก็ยกหีบ
  • 4 และเขาทั้งหลายนำหีบของพระเจ้า และเต็นท์นัดพบ และเครื่องใช้บริสุทธิ์ทั้งสิ้น ซึ่งอยู่ในเต็นท์ขึ้นมา ของเหล่านี้ บรรดาปุโรหิต และชนเลวีหามขึ้นมา
  • 5 และพระราชาซาโลมอน และชุมนุมชนอิสราเอลทั้งสิ้นที่ได้ประชุมกันต่อพระองค์ อยู่กับพระองค์ต่อหน้าหีบได้ถวายแกะและวัวมากมาย ซึ่งเขาจะนับหรือเอาจำนวนก็ไม่ได้
  • 6 แล้วปุโรหิตก็นำหีบพันธสัญญาของพระเจ้ามายังที่ของหีบ ที่อยู่ในห้องหลังของพระนิเวศ คือในอภิสุทธิสถาน ภายใต้ปีกเครูบ
  • 7 เพราะว่าเครูบนั้นกางปีกออกเหนือที่ของหีบ เครูบจึงเป็นเครื่องคลุมเหนือหีบ และไม้คานของหีบ
  • 8 คานหามของหีบนั้นยาวมาก จึงเห็นปลายคานหามได้จากวิสุทธิสถาน ซึ่งอยู่ข้างหน้าห้องหลัง แต่เขาจะเห็นจากข้างนอกไม่ได้ และคานหามก็ยังอยู่ที่นั่นจนทุกวันนี้
  • 9 ไม่มีสิ่งใดในหีบนอกจากศิลาสองแผ่น ซึ่งโมเสสเก็บไว้ ณ โฮเรบ ฉธบ. 10:5 เมื่อพระเจ้าทรงกระทำพันธสัญญากับชนอิสราเอล เมื่อเขาทั้งหลายออกมาจากแผ่นดินอียิปต์
  • 10 และอยู่มาเมื่อปุโรหิตออกมาจากวิสุทธิสถาน เมฆมาเต็มพระนิเวศของพระเจ้า
  • 11 ปุโรหิตจึงยืนปรนนิบัติอยู่ไม่ได้ เพราะเมฆนั้น เพราะพระสิริของพระเจ้า เต็มพระนิเวศของพระเจ้า อพย. 40:34-35การมอบถวายพระวิหาร
  • 12 ( 2 พศด. 6:1-9:10 ) แล้วซาโลมอนตรัสว่า“พระเจ้าได้ตรัสว่า พระองค์จะประทับในความมืดทึบ
  • 13 ข้าพระองค์ได้สร้างพระนิเวศอันเป็นที่ประทับสำหรับพระองค์ เป็นสถานที่เพื่อพระองค์จะทรงสถิตอยู่เป็นนิตย์”
  • 14 แล้วพระราชาก็หันมาและทรงให้พรแก่ ชุมนุมชนอิสราเอลทั้งปวง ขณะที่ชุมนุมชนอิสราเอลทั้งปวงยืนอยู่
  • 15 พระองค์ตรัสว่า “สาธุการแด่พระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ทรงกระทำให้สำเร็จด้วยพระหัตถ์ของพระองค์ ตามที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ด้วยพระโอษฐ์ต่อดาวิดราชบิดาของข้าพเจ้าว่า
  • 16 ‘ตั้งแต่วันที่เราได้นำอิสราเอลชนชาติ ของเราออกจากอียิปต์ เรามิได้เลือกเมืองหนึ่งเมืองใดในเผ่า อิสราเอลทั้งสิ้นเพื่อจะสร้างพระนิเวศ เพื่อนามของเราจะอยู่ที่นั่น แต่เราได้เลือกดาวิด ให้อยู่เหนืออิสราเอลชนชาติของเรา’ 2 ซมอ. 7:4-11;1 พศด. 17:3-10
  • 17 ดาวิดราชบิดาของข้าพเจ้าทรงตั้งพระทัยแล้ว ที่จะสร้างพระนิเวศ สำหรับพระนามแห่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของอิสราเอล
  • 18 แต่พระเจ้าตรัสกับดาวิดราชบิดาของข้าพเจ้าว่า ‘ที่เจ้าตั้งใจสร้างพระนิเวศสำหรับนามของเรานั้น เจ้าก็ทำดีอยู่แล้ว เพราะเรื่องความตั้งใจของเจ้า 2 ซมอ. 7:1-3;1 พศด. 17:1-2
  • 19 อย่างไรก็ตาม เจ้าจะไม่สร้างพระนิเวศ แต่บุตรชายของเจ้าผู้ซึ่งจะเกิดแก่เจ้าจะสร้าง พระนิเวศเพื่อนามของเรา’ 2 ซมอ. 7:12-13;1 พศด. 17:11-12
  • 20 บัดนี้พระเจ้าทรงให้พระสัญญาของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงกระทำนั้นสำเร็จ เพราะข้าพเจ้าได้ขึ้นมาแทนดาวิด ราชบิดาของข้าพเจ้า และนั่งอยู่บนบัลลังก์ของอิสราเอล ดังที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้และข้าพเจ้าได้สร้างพระนิเวศ สำหรับพระนามของพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล
  • 21 ข้าพเจ้าได้กำหนดที่ไว้สำหรับหีบที่นั่นแล้ว ซึ่งพันธสัญญาของพระเจ้าอยู่ในนั้น ซึ่งพระองค์ได้ทรง กระทำไว้กับบรรพบุรุษของเรา เมื่อพระองค์ทรงนำเขาทั้งหลายออกมาจากแผ่นดินอียิปต์”
  • 22 แล้วซาโลมอนประทับยืนหน้าแท่นบูชาของพระเจ้า ต่อหน้าชุมนุมชนอิสราเอลทั้งปวง และกางพระหัตถ์ของพระองค์ออกสู่ฟ้าสวรรค์
  • 23 และทูลว่า “ข้าแต่พระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ไม่มีพระเจ้าองค์ใดเหมือนพระองค์ ในฟ้าสวรรค์เบื้องบน หรือที่แผ่นดินเบื้องล่าง ผู้ทรงรักษาพันธสัญญา และทรงสำแดงความรักมั่นคงแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ ซึ่งดำเนินอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ด้วยสิ้นสุดใจของเขา
  • 24 พระองค์ได้ทรงกระทำกับดาวิดบิดาของข้าพระองค์ ผู้รับใช้ของพระองค์ ตามบรรดาสิ่งซึ่งพระองค์ทรงสัญญาไว้แก่ท่าน พระองค์ตรัสด้วยพระโอษฐ์ของพระองค์ และพระองค์ได้ทรงกระทำให้สำเร็จในวันนี้ ด้วยพระหัตถ์ของพระองค์
  • 25 ข้าแต่พระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล เพราะฉะนั้นขอทรงธำรงอยู่กับผู้รับใช้ของพระองค์ คือดาวิดราชบิดาของข้าพระองค์ ตามซึ่งพระองค์ทรงสัญญาไว้กับท่านว่า ‘ถ้าเพียงแต่ลูกหลานทั้งหลายของเจ้าระมัดระวังในทาง ดำเนินของเขาที่จะดำเนินไปต่อหน้าเรา 1 พกษ. 2:4 อย่างที่เจ้าได้ดำเนินต่อหน้าเรานั้น เจ้าจะไม่ขาดชายผู้หนึ่งต่อหน้าเราที่จะนั่งบน บัลลังก์ของอิสราเอล’
  • 26 เพราะฉะนั้น ข้าแต่พระเจ้าแห่งอิสราเอล ขอพระวจนะของพระองค์จงดำรงอยู่ ซึ่งพระองค์ได้ตรัสกับผู้รับใช้ของพระองค์ คือดาวิดบิดาของข้าพระองค์
  • 27 “แต่พระเจ้าจะทรงประทับที่แผ่นดินโลกหรือ ดูเถิด ฟ้าสวรรค์และฟ้าสวรรค์อันสูงที่สุดยังรับพระองค์อยู่ไม่ได้ พระนิเวศซึ่งข้าพระองค์ได้สร้างขึ้น 2 พศด. 2:6 จะรับพระองค์ไม่ได้ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด
  • 28 แต่ขอพระองค์สนพระทัยในคำอธิษฐาน ของผู้รับใช้ของพระองค์ และในคำวิงวอนนี้ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงสดับเสียงร้องและคำอธิษฐานซึ่งผู้รับใช้ของพระองค์ อธิษฐานต่อพระองค์ในวันนี้
  • 29 เพื่อว่าพระเนตรของพระองค์ จะทรงลืมอยู่เหนือพระนิเวศนี้ทั้งกลางคืนและกลางวัน คือสถานที่ซึ่งพระองค์ได้ตรัสว่า ‘นามของเราจะอยู่ที่นั่น’ ฉธบ. 12:11 เพื่อว่าพระองค์จะทรงสดับคำอธิษฐาน ซึ่งผู้รับใช้ของพระองค์จะได้อธิษฐานตรงต่อสถานที่นี้
  • 30 และขอพระองค์ทรงสดับคำวิงวอนของผู้รับใช้ของ พระองค์ และของอิสราเอลชนชาติของพระองค์ เมื่อเขาอธิษฐานตรงต่อสถานที่นี้ ขอพระองค์ทรงสดับอยู่ในฟ้าสวรรค์ อันเป็นที่ประทับของพระองค์ และเมื่อพระองค์ทรงสดับแล้ว ก็ขอพระองค์ทรงประทานอภัย
  • 31 “เมื่อชายคนใดกระทำบาปต่อเพื่อนบ้านของเขา และถูกบังคับให้ทำสัตย์สาบาน และเขามาให้คำสาบานต่อหน้าแท่นบูชาของพระองค์ ในพระนิเวศนี้
  • 32 ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์ และขอทรงกระทำและทรงพิพากษาผู้รับใช้ทั้งหลายของพระองค์ กล่าวโทษผู้กระทำความผิด และทรงนำความประพฤติของเขาให้กลับตกบนศีรษะของตัวเขาเอง และขอทรงประกาศความบริสุทธิ์ของผู้ชอบธรรม สนองแก่เขาตามความชอบธรรมของเขา
  • 33 “เมื่ออิสราเอลชนชาติของพระองค์พ่ายแพ้ต่อศัตรู เพราะเขาได้กระทำบาปต่อพระองค์ ถ้าเขาหันกลับมาหาพระองค์อีก และยอมรับพระนามของพระองค์ และอธิษฐานและกระทำการวิงวอนต่อพระองค์ในพระนิเวศนี้
  • 34 ก็ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์ และประทานอภัยแก่บาปของอิสราเอลชนชาติของพระองค์ และขอทรงนำเขากลับมายังแผ่นดิน ซึ่งพระองค์ได้ทรงพระราชทานแก่บรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย
  • 35 “เมื่อฟ้าสวรรค์ปิดอยู่ และไม่มีฝน เพราะเขาทั้งหลายได้กระทำบาปต่อพระองค์ ถ้าเขาทั้งหลายได้อธิษฐานต่อสถานที่นี้ และยอมรับพระนามของพระองค์ และหันกลับเสียจากบาปของเขาทั้งหลาย เมื่อพระองค์ทรงให้เขาทั้งหลายรับความทุกข์ใจ
  • 36 ก็ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์ และขอทรงประทานอภัยบาปของผู้รับใช้ของพระองค์ และของอิสราเอลประชากรของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงสอนทางดีแก่เขา ซึ่งเขาควรจะดำเนิน และขอทรงประทานฝนบนแผ่นดินของพระองค์ ซึ่งพระองค์ได้ทรงพระราชทานแก่ชนชาติของ พระองค์เป็นมรดกนั้น
  • 37 “ถ้ามีการกันดารอาหารในแผ่นดิน ถ้ามีโรคระบาด ข้าวม้านรากินข้าว หรือตั๊กแตนวัยบิน หรือตั๊กแตนวัยคลาน หรือถ้าศัตรูของเขาทั้งหลายล้อมเมืองของเขาไว้รอบด้าน จะเป็นภัยพิบัติอย่างใด หรือความเจ็บไข้อย่างใด มีขึ้นก็ดี
  • 38 ไม่ว่าคำอธิษฐานอย่างใด หรือคำวิงวอนประการใดซึ่งประชาชนคนใด หรืออิสราเอลประชากรของพระองค์ทั้งสิ้นทูล ต่างก็สำนึกในใจของเขาในเรื่องภัยพิบัติอันจะตกแก่เขา และได้กางมือของเขาสู่พระนิเวศนี้
  • 39 ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์ อันเป็นที่ประทับของพระองค์ และพระราชทานอภัย และทรงกระทำ และทรงประทานแก่ทุกคน ซึ่งพระองค์ทรงทราบจิตใจตามการประพฤติทั้งสิ้นของเขา (เพราะพระองค์คือพระองค์เท่านั้นที่ทรงทราบจิตใจของ มนุษยชาติทั้งสิ้น)
  • 40 เพื่อว่าเขาทั้งหลายจะได้ยำเกรงพระองค์ตลอดวันเวลาที่เขาทั้งหลายอาศัยในแผ่นดิน ซึ่งพระองค์ทรงประทานแก่บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลาย
  • 41 “ยิ่งกว่านั้นอีกเกี่ยวกับชนต่างด้าว ผู้ซึ่งไม่ใช่อิสราเอลประชากรของพระองค์ เมื่อเขามาจากประเทศเมืองไกล เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์
  • 42 (เพราะเขาทั้งหลายจะได้ยินถึง พระนามใหญ่ยิ่งของพระองค์ และถึงพระหัตถ์อันมหิทธิฤทธิ์ของพระองค์ และถึงพระกรที่เหยียดออกของพระองค์) เมื่อเขามาอธิษฐานตรงต่อพระนิเวศนี้
  • 43 ก็ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์ อันเป็นที่ประทับของพระองค์ และขอทรงกระทำตามทุกสิ่งซึ่งชนต่างด้าวได้ ทูลขอต่อพระองค์ เพื่อว่าชนชาติทั้งหลายแห่งแผ่นดินโลกจะรู้จัก พระนามของพระองค์ และเกรงกลัวพระองค์ ดังอิสราเอลประชากรของพระองค์ยำเกรงพระองค์อยู่นั้น และเพื่อเขาทั้งหลายจะทราบว่าพระนิเวศนี้ ซึ่งข้าพระองค์ได้สร้างไว้เขาเรียกกันด้วยพระนามของพระองค์
  • 44 “ถ้าประชากรของพระองค์ออกไปทำสงครามต่อสู้ศัตรู ของเขาทั้งหลาย จะเป็นโดยทางใดๆ ที่พระองค์ทรงใช้เขาออกไปก็ตาม และเขาทั้งหลายได้อธิษฐานต่อพระเจ้า ตรงต่อเมืองซึ่งพระองค์ทรงเลือกสรรไว้ และตรงต่อพระนิเวศ ซึ่งข้าพระองค์ได้สร้างสำหรับพระนามของพระองค์
  • 45 ขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐานของเขาและคำ วิงวอนของเขาในฟ้าสวรรค์ และขอทรงให้สิทธิอันชอบธรรมของเขาคงอยู่
  • 46 “ถ้าเขาทั้งหลายกระทำบาปต่อพระองค์ (เพราะไม่มีมนุษย์สักคนหนึ่งซึ่งมิได้กระทำบาป) และพระองค์ทรงกริ้วต่อเขา และทรงมอบเขาไว้กับศัตรู เขาจึงถูกจับไปเป็นเชลยยังแผ่นดินของศัตรูนั้น ไม่ว่าไกลหรือใกล้
  • 47 แต่ถ้าเขาสำนึกผิดในใจในแผ่นดิน ซึ่งเขาได้ถูกจับไปเป็นเชลยและได้กลับใจ และได้ทำการวิงวอนต่อพระองค์ใน แผ่นดินของผู้จับเขาไปเป็นเชลย ทูลว่า ‘ข้าพระองค์ทั้งหลายได้กระทำบาป และได้ประพฤติชั่วร้ายและอย่างอธรรม’
  • 48 ถ้าเขาทั้งหลายกลับมาหาพระองค์ ด้วยสุดจิตสุดใจของเขาในแผ่นดินแห่งศัตรู ทั้งหลายของเขาผู้ซึ่งจับเขาไปเป็นเชลย และอธิษฐานต่อพระองค์ตรงต่อแผ่นดินของเขา ซึ่งพระองค์ทรงประทานแก่บรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย คือเมืองซึ่งพระองค์ได้ทรงเลือกสรรไว้ และพระนิเวศซึ่งข้าพระองค์ได้สร้างไว้ เพื่อพระนามของพระองค์
  • 49 ขอพระองค์ทรงสดับคำ อธิษฐานและคำวิงวอนของเขาในฟ้าสวรรค์ อันเป็นที่ประทับของพระองค์ และขอทรงให้สิทธิอันชอบธรรมของเขาคงอยู่
  • 50 และขอทรงประทานอภัยแก่ประชากรของ พระองค์ผู้ได้กระทำบาปต่อพระองค์ และทรงประทานอภัยต่อการทรยศของเขาทั้งหลาย ซึ่งเขาได้กระทำต่อพระองค์และให้เขาเป็นที่ เมตตาของคนเหล่านั้นที่จับเขาทั้งหลายไปเป็นเชลย เพื่อเขาทั้งหลายจะได้รับความเมตตาจากเขา
  • 51 (เพราะว่าเขาทั้งหลายเป็น ประชากรของพระองค์และเป็นมรดกของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงนำออกมาจากอียิปต์ จากท่ามกลางเตาเหล็ก)
  • 52 ขอพระเนตรของพระองค์จงลืมอยู่ต่อคำวิงวอน ของผู้รับใช้ของพระองค์ และต่อคำวิงวอนของอิสราเอลประชากรของพระองค์ ขอทรงเงี่ยพระกรรณฟังเมื่อเขาทั้งหลายร้องต่อพระองค์
  • 53 เพราะพระองค์ทรงแยกเขาจากท่ามกลางชนชาติ ทั้งหลายของแผ่นดินโลกให้เป็นมรดกของพระองค์ ตามซึ่งพระองค์ตรัสทางโมเสส ผู้รับใช้ของพระองค์ ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้า ในเมื่อพระองค์ทรงนำบรรพบุรุษ ของข้าพระองค์ทั้งหลายออกจากอียิปต์”
  • 54 ครั้นซาโลมอนทรงจบคำอธิษฐาน และคำวิงวอนทั้งสิ้นนี้ต่อพระเจ้าแล้ว ก็ทรงลุกขึ้นจากหน้าแท่นบูชาของพระเจ้า ที่ซึ่งทรงคุกเข่าพร้อมกับกางพระหัตถ์สู่ฟ้าสวรรค์
  • 55 และพระองค์ทรงประทับยืน และทรงให้พรแก่ชุมนุมชนอิสราเอลด้วยเสียงดังว่า
  • 56 “สาธุการแด่พระเจ้า ผู้ทรงพระราชทานการหยุดพักแก่อิสราเอล ประชากรของพระองค์ ตามซึ่งพระองค์ทรงสัญญาไว้ทุกประการ พระสัญญาอันดีทั้งสิ้นของพระองค์ซึ่งพระองค์ทรงสัญญาทาง โมเสสผู้รับใช้ของพระองค์นั้นไม่ล้มเหลวสักคำเดียว ฉธบ. 12:10; ยชว. 21:44-45
  • 57 ขอพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราทั้งหลายสถิตกับเรา ดังที่พระองค์ได้สถิตกับบรรพบุรุษของเรา ขอพระองค์อย่าทรงละเราหรือทอดทิ้งเราเสีย
  • 58 เพื่อพระองค์ทรงโน้มจิตใจของเราให้มาหาพระองค์ ที่จะดำเนินในทางทั้งสิ้นของพระองค์ และรักษาบรรดา พระบัญญัติของพระองค์ กฎเกณฑ์ของพระองค์ และกฎหมายของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงบัญญัติไว้แก่บรรพบุรุษของเรา
  • 59 ขอให้ถ้อยคำเหล่านี้ของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าได้วิงวอนขอต่อพระเจ้าให้อยู่ใกล้ พระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกเราทั้งวันและคืน และขอให้สิทธิอันชอบธรรมของผู้รับใช้ของพระองค์คงอยู่ และให้สิทธิอันชอบธรรมของอิสราเอลประชากรของ พระองค์คงอยู่ ตามต้องการแต่ละวัน
  • 60 เพื่อบรรดาชนชาติทั้งหลายแห่งแผ่นดินโลก จะทราบว่าพระเยโฮวาห์นั้นเป็นพระเจ้า ไม่มีองค์อื่นเลย
  • 61 เพราะฉะนั้นขอให้จิตใจของท่านทั้งหลายบริสุทธิ์ต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเรา คือที่จะดำเนินอยู่ในกฎเกณฑ์ของพระองค์ และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ดังในเวลานี้”
  • 62 แล้วพระราชาและชนอิสราเอล ทั้งปวงที่อยู่กับพระองค์ได้ถวายเครื่องสัตวบูชาแด่พระเจ้า
  • 63 และซาโลมอนได้ถวายสัตว์ต่อไปนี้ ซึ่งพระองค์ทรงถวายเป็นเครื่องศานติบูชาแด่พระเจ้า คือวัวสองหมื่นสองพันตัว และแกะหนึ่งแสนสองหมื่นตัว พระราชาและคนอิสราเอลทั้งปวง จึงอุทิศถวายพระนิเวศแห่งพระเจ้า
  • 64 ในวันเดียวกันนั้นพระราชา ทรงทำพิธีชำระส่วนกลางของลาน ซึ่งอยู่หน้าพระนิเวศของพระเจ้า เพราะว่าที่นั่นพระองค์ได้ถวายเครื่องเผาบูชาและธัญญบูชา และส่วนไขมันของศานติบูชา เพราะว่าแท่นทองสัมฤทธิ์ซึ่งอยู่ต่อ พระพักตร์พระเจ้านั้นเล็กเกินไป ไม่พอรับเครื่องเผาบูชาและธัญญบูชา และส่วนไขมันของศานติบูชา
  • 65 ซาโลมอนจึงทรงฉลองเทศกาลในเวลานั้น พร้อมกับอิสราเอลทั้งปวงเป็นชุมนุมมโหฬาร มีคนมาตั้งแต่ทางเข้าเมืองฮามัทจนถึงลำธารอียิปต์ ต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราเป็นเจ็ด และเจ็ดวันคือสิบสี่วัน
  • 66 ในวันที่แปดพระองค์ทรงให้ประชาชนกลับ เขาทั้งหลายก็ถวายพระพรแด่พระราชา และกลับไปสู่บ้านของตนด้วยจิตใจชื่นบานและยินดี เนื่องด้วยความดีทั้งสิ้น ซึ่งพระเจ้าทรงสำแดงแก่ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ และแก่อิสราเอลประชากรของพระองค์
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页