1 พงศ์‍กษัตริย์-22

(พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 มีคายาห์พยากรณ์ถึงการพ่ายแพ้ ของอาหับและเยโฮชาฟัท ( 2 พศด. 18:1-34 )ประเทศซีเรียและอิสราเอลไม่มีศึกสงครามกันอยู่สามปี
  • 2 แต่ในปีที่สาม เยโฮชาฟัทพระราชาแห่งยูดาห์เสด็จลงไปเฝ้า พระราชาแห่งอิสราเอล
  • 3 และพระราชาแห่งอิสราเอลตรัสถาม บรรดาข้าราชการของพระองค์ว่า “ท่านทราบกันหรือไม่ว่า ราโมทกิเลอาดเป็นของเรา และเราได้นิ่งอยู่มิได้เอาออกมาจากมือของกษัตริย์แห่งซีเรีย”
  • 4 และพระองค์ตรัสกับเยโฮชาฟัทว่า “ท่านจะยกไปทำศึกที่ราโมทกิเลอาดกับข้าพเจ้าหรือ” และเยโฮชาฟัทตรัสกับพระราชาแห่งอิสราเอลว่า “ข้าพเจ้าก็เป็นอย่างที่ท่านเป็น ประชาชนของข้าพเจ้าก็เป็นประชาชนของท่าน ม้าของข้าพเจ้าก็เป็นม้าของท่าน”
  • 5 และเยโฮชาฟัทตรัสกับพระราชาแห่งอิสราเอลว่า “ขอสอบถามดูพระดำรัสของพระเจ้าเสียก่อน”
  • 6 แล้วพระราชาแห่งอิสราเอลก็เรียกประชุม พวกผู้เผยพระวจนะประมาณสี่ร้อยคน ตรัสกับเขาว่า “ควรที่เราจะไปตีราโมทกิเลอาดหรือ หรือเราไม่ควรไป” และเขาทั้งหลายทูลตอบว่า “ขอเชิญเสด็จขึ้นไปเถิด เพราะพระเจ้าจะทรงมอบไว้ในพระหัตถ์ของพระราชา”
  • 7 แต่เยโฮชาฟัททูลว่า “ที่นี่ไม่มีผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าอีก ซึ่งเราจะสอบถามได้แล้วหรือ”
  • 8 และพระราชาแห่งอิสราเอลทูลเยโฮชาฟัทว่า “ยังมีชายอีกคนหนึ่งซึ่งเราจะให้ทูลถามพระเจ้าได้ คือมีคายาห์บุตรอิมลาห์ แต่ข้าพเจ้าชังเขาเพราะเขาเผยแต่ความร้าย ไม่เคยเผยความดีเกี่ยวกับข้าพเจ้าเลย” และเยโฮชาฟัททูลว่า “ขอพระราชาอย่าตรัสดังนั้นเลย”
  • 9 แล้วพระราชาแห่งอิสราเอลจึง เรียกมหาดเล็กคนหนึ่งเข้ามาตรัสสั่งว่า “ไปพามีคายาห์บุตรอิมลาห์มาเร็วๆ”
  • 10 ฝ่ายพระราชาแห่งอิสราเอลและเยโฮชาฟัท พระราชาแห่งยูดาห์ ต่างประทับบนพระที่นั่ง ทรงฉลองพระองค์อันงาม ณ ลานนวดข้าว ตรงทางเข้าประตูเมืองสะมาเรีย และผู้เผยพระวจนะทั้งปวงก็เผยพระวจนะถวายอยู่
  • 11 และเศเดคียาห์บุตรเคนาอะนาห์จึงเอา เหล็กทำเป็นเขาและพูดว่า “พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ‘ด้วยสิ่งเหล่านี้ เจ้าจะผลักคนซีเรียไปจนเขาทั้งหลายจะ ถูกทำลาย’ ”
  • 12 และบรรดาผู้เผยพระวจนะก็พยากรณ์อย่างนั้นทูลว่า “ขอเสด็จไปราโมทกิเลอาดเถิด และมีชัยชนะเพราะพระเจ้าจะ ทรงมอบเมืองนั้นไว้ในพระหัตถ์ของพระราชา”
  • 13 และผู้สื่อสารผู้ไปตามมีคายาห์ได้บอกท่านว่า “ดูเถิด ถ้อยคำของบรรดาผู้เผยพระวจนะก็พูด สิ่งที่เป็นมงคลแก่พระราชาเป็นปากเดียวกัน ขอให้ถ้อยคำของท่านเหมือนอย่างถ้อยคำของคนหนึ่งในพวกนั้น และพูดแต่สิ่งที่เป็นมงคล”
  • 14 แต่มีคายาห์ตอบว่า “พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด พระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าอย่างไร ข้าพเจ้าจะต้องพูดอย่างนั้น
  • 15 และเมื่อท่านมาเฝ้าพระราชา พระราชาตรัสถามท่านว่า “มีคายาห์ควรที่เราจะไปตีราโมทกิเลอาดหรือ หรือเราไม่ควรไป” และท่านทูลตอบพระองค์ว่า “ขอเชิญเสด็จขึ้นไปและมีชัยชนะ พระเจ้าจะทรงมอบไว้ในพระหัตถ์ของพระราชา”
  • 16 แต่พระราชาตรัสกับท่านว่า “เราได้ให้เจ้าปฏิญาณกี่ครั้งแล้วว่า เจ้าจะพูดกับเราแต่ความจริงในพระนามของพระเจ้า”
  • 17 และท่านก็ทูลว่า “ข้าพระบาทได้เห็นคนอิสราเอลทั้งปวงกระจัดกระจายอยู่บนภูเขา อย่างแกะที่ไม่มีผู้เลี้ยง กดว. 27:17; มธ. 9:36; มก. 6:34 และพระเจ้าตรัสว่า ‘คนเหล่านี้ไม่มีนาย ให้เขาต่างกลับยังเรือนของตนโดยสวัสดิภาพเถิด’ ”
  • 18 พระราชาแห่งอิสราเอลจึงทูลเยโฮชาฟัทว่า “ข้าพเจ้ามิได้บอกท่านแล้วหรือว่า เขาจะไม่เผยสิ่งดีเกี่ยวกับข้าพเจ้าเลย แต่สิ่งร้ายต่างหาก”
  • 19 และมีคายาห์ทูลว่า “ฉะนั้นขอสดับพระวจนะของพระเจ้า ข้าพระบาทได้เห็นพระเจ้าประทับบนพระที่นั่งของพระองค์ และบรรดาบริวารแห่งฟ้าสวรรค์ยืนข้างๆพระองค์ ข้างขวาพระหัตถ์และข้างซ้าย
  • 20 และพระเจ้าตรัสว่า ‘ผู้ใดจะเกลี้ยกล่อมอาหับเพื่อเขาจะขึ้นไป และล้มลงที่ราโมทกิเลอาด’ บ้างก็ทูลอย่างนี้ บ้างก็ทูลอย่างนั้น
  • 21 แล้วมีวิญญาณดวงหนึ่งมาข้างหน้า เฝ้าต่อพระพักตร์พระเจ้าทูลว่า ‘ข้าพระองค์จะเกลี้ยกล่อมเขาเอง’
  • 22 และพระเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘จะทำอย่างไร’ และเขาทูลว่า ‘ข้าพระองค์จะออกไปและจะ เป็นวิญญาณมุสาอยู่ในปากของผู้เผยพระวจนะของเขาทุกคน’ และพระองค์ตรัสว่า ‘เจ้าไปเกลี้ยกล่อมเขาได้ และเจ้าจะทำได้สำเร็จ จงไปทำเถิด’
  • 23 เพราะฉะนั้น ดูเถิด พระเจ้าทรงใส่วิญญาณมุสาในปากของเหล่าผู้เผย พระวจนะนี้ทั้งสิ้นของฝ่าพระบาท พระเจ้าทรงลั่นพระวาจาเป็นความร้ายเกี่ยวกับฝ่าพระบาท”
  • 24 แล้วเศเดคียาห์บุตรเคนาอะนาห์ได้เข้ามาใกล้ และตบแก้มมีคายาห์พูดว่า “พระวิญญาณของพระเจ้าไปจากข้า พูดกับเจ้าได้อย่างไร”
  • 25 และมีคายาห์ตอบว่า “ดูเถิด เจ้าจะเห็นในวันนั้น เมื่อเจ้าเข้าไปในห้องชั้นในเพื่อจะซ่อนตัวเจ้า”
  • 26 และพระราชาแห่งอิสราเอลตรัสว่า “จงจับมีคายาห์พาเขากลับไปมอบให้ อาโมนผู้ว่าราชการเมือง และแก่โยอาชราชโอรส
  • 27 และว่า ‘พระราชาตรัสดังนี้ว่า “เอาคนนี้จำคุกเสีย ให้อาหารนักโทษกับน้ำเท่านั้น จนกว่าเราจะกลับมาโดยสวัสดิภาพ’ ”
  • 28 และมีคายาห์ทูลว่า “ถ้าฝ่าพระบาทเสด็จกลับมาโดยสวัสดิภาพ พระเจ้าก็มิได้ตรัสโดยข้าพระบาท” และท่านกล่าวว่า “บรรดาชนชาติทั้งหลายเอ๋ย ขอจงฟังเถิด”
  • 29 พระราชาแห่งอิสราเอลกับเยโฮชาฟัท พระราชาแห่งยูดาห์จึงเสด็จไปยังราโมทกิเลอาด
  • 30 และพระราชาแห่งอิสราเอลตรัสกับเยโฮชาฟัทว่า “ข้าพเจ้าจะปลอมตัวเข้าทำศึก แต่ท่านจงสวมเครื่องทรงของท่าน” และพระราชาแห่งอิสราเอลก็ ทรงปลอมพระองค์เข้าทำสงคราม
  • 31 ฝ่ายพระราชาประเทศซีเรีย ทรงบัญชาแม่ทัพรถรบทั้งสามสิบสองคนว่า “อย่ารบกับทหารใหญ่น้อย แต่มุ่งเฉพาะพระราชาแห่งอิสราเอล”
  • 32 และอยู่มาเมื่อผู้บัญชาการรถรบแลเห็นเยโฮชาฟัท เขาทั้งหลายก็ว่า “เป็นพระราชาอิสราเอลแน่แล้ว” เขาจึงหันเข้าไปสู้รบกับพระองค์ และเยโฮชาฟัททรงร้องขึ้น
  • 33 และอยู่มาเมื่อผู้บัญชาการ รถรบเห็นว่าไม่ใช่พระราชาอิสราเอล ก็หันรถกลับจากไล่ตามพระองค์
  • 34 แต่มีชายคนหนึ่งโก่งธนูยิงเดาไป ถูกพระราชาแห่งอิสราเอลเข้า ระหว่างเกล็ดเกราะและแผ่นบังพระอุระ พระองค์จึงรับสั่งคนขับรถรบว่า “หันกลับเถอะ พาเราออกจากการรบ เพราะเราบาดเจ็บแล้ว”
  • 35 วันนั้นการรบก็ดุเดือดขึ้น เขาก็หนุนพระราชาไว้ในราชรถ ให้หันพระพักตร์เข้าสู่ชนซีเรีย จนเวลาเย็นพระองค์ก็สิ้นพระชนม์ และโลหิตที่บาดแผลก็ไหลออกนองท้องรถรบ
  • 36 ประมาณดวงอาทิตย์ตกก็มีเสียงร้องทั่วกองทัพว่า “ทุกคนจงกลับไปเมืองของตัว และทุกคนจงกลับไปภูมิลำเนาของตัว”
  • 37 ครั้นพระราชาสิ้นพระชนม์แล้ว เขาก็ นำมายังกรุงสะมาเรีย และฝังพระศพพระราชาไว้ในสะมาเรีย
  • 38 เขาล้างรถรบที่สระแห่งสะมาเรีย และสุนัขก็เลียโลหิตของพระองค์ (ที่ที่หญิงแพศยาลงอาบน้ำ) ตามพระวจนะของพระเจ้า ซึ่งพระองค์ได้ตรัส
  • 39 ส่วนพระราชกิจนอกนั้นของอาหับ และบรรดาสิ่งซึ่งพระองค์ทรงกระทำ และพระราชวังงาช้างซึ่งพระองค์ทรงสร้างไว้ และหัวเมืองทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้าง มิได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดาร แห่งพระราชาประเทศอิสราเอลหรือ
  • 40 อาหับทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และอาหัสยาห์ราชโอรสของพระองค์ก็ขึ้นครองแทนรัชกาลเยโฮชาฟัท
  • 41 ( 2 พศด. 20:31-37 ) เยโฮชาฟัทราชโอรสของอาสาเริ่มขึ้นครองเหนือยูดาห์ในปีที่สี่แห่งรัชกาลอาหับพระราชาแห่งอิสราเอล
  • 42 เยโฮชาฟัทมีพระชนม์สามสิบห้าพรรษาเมื่อ ทรงเริ่มขึ้นครอง และพระองค์ทรงครองในเยรูซาเล็มยี่สิบห้าปี พระชนนีของพระองค์มีพระนามว่า อาซูบาห์ธิดาของชิลหิ
  • 43 พระองค์ทรงดำเนินตามมรรคาของอาสาราชบิดา ทุกประการ มิได้หันเหออกนอกไป ทรงกระทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรพระเจ้า แต่ปูชนียสถานสูงนั้นยังมิได้รื้อลง ประชาชนยังถวายเครื่องสัตวบูชาและ เผาเครื่องหอมอยู่บนปูชนียสถานสูงนั้น
  • 44 เยโฮชาฟัททรงกระทำไมตรี กับพระราชาอิสราเอลด้วย
  • 45 ส่วนพระราชกิจนอกนั้นของเยโฮชาฟัท และยุทธพลังที่พระองค์ทรงสำแดง และสงครามที่พระองค์ทรงกระทำ มิได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดาร แห่งพระราชาประเทศยูดาห์หรือ
  • 46 และเทวทาสที่ยังเหลืออยู่คือ ผู้ที่ยังเหลือในสมัยของอาสาราชบิดานั้น พระองค์ก็ทรงกำจัดเสียจากแผ่นดิน
  • 47 ไม่มีพระราชาในประเทศเอโดม แต่มีผู้ว่าราชการปกครองแทน
  • 48 เยโฮชาฟัททรงต่อกำปั่นทารชิช เพื่อจะไปขนทองคำจากโอฟีร์ แต่กำปั่นนั้นไปไม่ถึง เพราะไปแตกเสียที่เอซีโอนเกเบอร์
  • 49 แล้วอาหัสยาห์ราชโอรสของ อาหับตรัสกับเยโฮชาฟัทว่า “ขอให้ข้าราชการของข้าพเจ้า ไปในเรือกำปั่นกับข้าราชการของท่าน” แต่เยโฮชาฟัทไม่พอพระทัย
  • 50 และเยโฮชาฟัททรงล่วงหลับไปอยู่กับ บรรพบุรุษของพระองค์ และเขาฝังพระศพไว้กับบรรพบุรุษที่ในนคร ดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ และเยโฮรัมราชโอรสก็ขึ้นครองแทนพระองค์
  • 51 รัชกาลอาหัสยาห์แห่งอิสราเอล อาหัสยาห์ราชโอรสของอาหับทรงเริ่มครองเหนือ อิสราเอลในสะมาเรีย ในปีที่เจ็ดแห่งรัชกาลเยโฮชาฟัท พระราชาแห่งยูดาห์ และพระองค์ทรงครอบครองเหนืออิสราเอลสองปี
  • 52 พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ชั่ว ในสายพระเนตรพระเจ้า และทรงดำเนินในมรรคาแห่งราชบิดาของพระองค์ และในมรรคาแห่งพระมารดาของพระองค์ และในมรรคาของเยโรโบอัมบุตรเนบัท ผู้ทรงกระทำให้อิสราเอลทำบาปด้วย
  • 53 พระองค์ทรงปรนนิบัติพระบาอัล และนมัสการพระนั้น และทรงกระทำให้พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลพิโรธ ด้วยทุกวิธีที่ราชบิดาของพระองค์ทรงกระทำแล้วนั้น
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页