1
หลังจากนั้นข้าพเจ้าได้ยินเสียงเหมือนกับเสียงของมหาชนที่ดังสนั่นอยู่ในสวรรค์ กล่าวว่า“ฮาเลลูยาแปลว่า สรรเสริญพระเจ้าเถิดความรอด พระสิริ และฤทธานุภาพเป็นของพระเจ้าของเรา
2
เพราะการพิพากษาของพระองค์เที่ยงตรงและยุติธรรมพระองค์ทรงพิพากษาหญิงแพศยาตัวเอ้ผู้ทำให้แผ่นดินโลกเสื่อมทรามด้วยการล่วงประเวณีของนางและพระองค์ทรงแก้แค้นหญิงคนนั้นในเรื่องโลหิตของบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ฉธบ.32:43;2 พกษ.9:7”
3
คนเหล่านั้นร้องอีกเป็นครั้งที่สองว่า“ฮาเลลูยาควันไฟของนครนั้นพลุ่งขึ้นตลอดไปเป็นนิตย์อสย.34:10”
4
และพวกผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่คนกับสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ ก็ทรุดตัวลงนมัสการพระเจ้าผู้ประทับบนพระที่นั่ง และร้องว่า“อาเมน ฮาเลลูยา”
5
และมีเสียงออกมาจากพระที่นั่งว่า“ผู้รับใช้ทุกคนของพระเจ้าและบรรดาคนที่เกรงกลัวพระองค์ทั้งคนเล็กน้อยและคนใหญ่โตจงสรรเสริญพระเจ้าของเรา”สดด.115:13
6
แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงเหมือนอย่างเสียงมหาชน เหมือนอย่างเสียงน้ำมากหลายอสค.1:24 และเหมือนอย่างเสียงฟ้าร้องกึกก้องว่า“ฮาเลลูยาเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงครอบครองอยู่สดด.93:1; 97:1; 99:1คือพระเจ้าของเราผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด
7
ขอให้เรายินดีและเปรมปรีดิ์และถวายพระเกียรติแด่พระองค์เพราะงานอภิเษกสมรสของพระเมษโปดกมาถึงแล้วและเจ้าสาวของพระองค์ก็เตรียมตัวพร้อมแล้ว
8
และโปรดให้เจ้าสาวสวมใส่ผ้าป่านเนื้อละเอียด มันระยับและสะอาดเพราะว่าผ้าป่านเนื้อละเอียดนั้นคือการประพฤติอันชอบธรรมของธรรมิกชน”
9
และทูตสวรรค์องค์นั้นบอกข้าพเจ้าว่า “จงเขียนลงไปว่า ความสุขมีแก่คนทั้งหลายที่ได้รับเชิญมาในงานเลี้ยงอภิเษกสมรสของพระเมษโปดก”มธ.22:2-3 และท่านบอกอีกว่า “ถ้อยคำเหล่านี้เป็นคำที่สัตย์จริงของพระเจ้า”
10
แล้วข้าพเจ้าก็ทรุดตัวลงแทบเท้าของท่านเพื่อจะนมัสการท่าน แต่ท่านกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “อย่าทำแบบนี้ เราเป็นผู้ร่วมรับใช้เช่นเดียวกับท่านและพี่น้องของท่านที่ยึดถือคำพยานของพระเยซู จงนมัสการพระเจ้าเถิด” เพราะว่าคำพยานของพระเยซูนั้นเป็นหัวใจของการเผยพระวจนะ
11
ผู้ทรงม้าสีขาว แล้วข้าพเจ้าเห็นสวรรค์เปิดออกอสค.1:1 และ นี่แน่ะ มีม้าสีขาวตัวหนึ่ง พระองค์ผู้ทรงม้านั้นมีพระนามว่า “ซื่อสัตย์และสัตย์จริง” พระองค์ทรงพิพากษาและทรงต่อสู้ด้วยความชอบธรรมสดด.96:13; อสย.11:4
12
พระเนตรของพระองค์เหมือนอย่างเปลวไฟดนล.10:6 และบนพระเศียรของพระองค์มีมงกุฎหลายอัน พระองค์ทรงมีพระนามจารึกไว้ซึ่งไม่มีใครรู้จักเลยนอกจากพระองค์เอง
13
พระองค์ทรงฉลองพระองค์ที่ได้จุ่มในสำเนาโบราณบางฉบับว่า ที่ประพรมด้วยเลือด และพระนามที่เรียกพระองค์นั้นคือ “พระวาทะของพระเจ้า”
14
กองทัพทั้งหลายในสวรรค์นุ่งห่มผ้าป่านเนื้อละเอียด สีขาวสะอาด ขี่ม้าขาวตามเสด็จพระองค์ไป
15
มีพระแสงคำราชาศัพท์หมายถึง ดาบคมกริบออกมาจากพระโอษฐ์คำราชาศัพท์หมายถึง ปากของพระองค์ เพื่อพระองค์จะทรงใช้มันฟาดฟันประชาชาติต่างๆ และพระองค์จะทรงครอบครองเขาทั้งหลายด้วยคทาเหล็กสดด.2:9 พระองค์จะทรงย่ำบ่อย่ำองุ่นแห่งพระพิโรธรุนแรงของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุดอสย.63:3; ยอล.3:13; วว.14:20
16
พระองค์ทรงมีพระนามจารึกที่ฉลองพระองค์คำราชาศัพท์หมายถึง เสื้อ และที่ต้นพระอูรุคำราชาศัพท์หมายถึง โคนขาของพระองค์ว่า “กษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลายและเจ้านายเหนือเจ้านายภาษากรีกแปลตรงตัวว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าเหนือองค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย”
17
แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งยืนอยู่บนดวงอาทิตย์ ท่านร้องประกาศเสียงดังแก่นกทั้งหมดที่บินอยู่ในท้องฟ้าว่า “มาเถิด มาชุมนุมกันในงานเลี้ยงใหญ่ของพระเจ้า
18
เพื่อจะกินเนื้อกษัตริย์ เนื้อนายทหาร เนื้อคนที่มีกำลังมาก เนื้อม้า เนื้อของคนทั้งหลายที่นั่งบนหลังของมัน และเนื้อของทุกคน ทั้งคนที่เป็นเสรีชนและเป็นทาส ทั้งคนเล็กน้อยและคนใหญ่โต”อสค.39:17-20
19
และข้าพเจ้าเห็นสัตว์ร้าย และบรรดากษัตริย์บนแผ่นดินโลก พร้อมทั้งกองทัพของกษัตริย์เหล่านั้น มาชุมนุมกันเพื่อทำสงครามกับพระองค์ผู้ทรงม้า และกับกองทัพของพระองค์
20
แต่สัตว์ร้ายนั้นถูกจับพร้อมกับผู้เผยพระวจนะเท็จผู้ที่ทำหมายสำคัญต่อหน้ามัน และใช้หมายสำคัญนั้นล่อลวงคนทั้งหลายที่ได้รับเครื่องหมายของสัตว์ร้าย และคนทั้งหลายที่บูชารูปของมันวว.13:1-18 ทั้งสองถูกโยนลงไปทั้งเป็นในบึงไฟที่ลุกไหม้ด้วยกำมะถัน
21
และคนที่เหลืออยู่ก็ถูกฆ่าด้วยพระแสงที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ผู้ทรงม้านั้น และนกทั้งหมดก็อิ่มด้วยเนื้อของคนเหล่านั้น