มัท‌ธิว-23

(ฉบับมาตรฐาน 2011)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 การทรงประณามพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี ( มก.12:38-40 ; ลก.11:37-54 ; 20:45-47 ) เวลานั้น พระเยซูตรัสกับฝูงชนและบรรดาสาวกของพระองค์ว่า
  • 2 “พวกธรรมาจารย์กับพวกฟาริสีนั่งบนที่นั่งของโมเสส
  • 3 เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งที่เขาทั้งหลายสั่งสอนพวกท่านนั้น จงถือและประพฤติตามยกเว้นการประพฤติของพวกเขาอย่าทำตามเลย เพราะพวกเขาไม่ได้ทำในสิ่งที่พวกเขาสอน
  • 4 เพราะพวกเขาเอาห่อของหนักวางบนบ่าของมนุษย์ แต่ส่วนพวกเขาเองไม่ยอมแม้แต่จะใช้สักนิ้วเดียวไปยก
  • 5 การกระทำของพวกเขาล้วนทำเพื่ออวดคนอื่นมธ.6:1 พวกเขาทำกลักพระธรรมฉธบ.6:8ขนาดใหญ่และสวมเสื้อที่มีพู่ห้อยกดว.15:38ยาว
  • 6 พวกเขาชอบที่นั่งอันมีเกียรติในงานเลี้ยงและที่นั่งโดดเด่นในธรรมศาลา
  • 7 ชอบรับการคำนับที่กลางตลาดและชอบให้คนอื่นเรียกว่า ‘ท่านอาจารย์’
  • 8 ท่านทั้งหลายอย่าให้ใครเรียกว่า ‘ท่านอาจารย์’ เพราะพวกท่านมีพระอาจารย์เพียงผู้เดียว และพวกท่านทุกคนเป็นพี่น้องกัน
  • 9 และอย่าให้เกียรติใครในโลกว่าเป็นพระบิดาของพวกท่าน เพราะพวกท่านมีพระบิดาเพียงผู้เดียว คือผู้ที่สถิตในสวรรค์
  • 10 อย่าให้ใครเรียกท่านทั้งหลายว่า ‘บรมครู’ เพราะว่าบรมครูของพวกท่านมีเพียงผู้เดียวคือพระคริสต์
  • 11 คนที่เป็นใหญ่ในพวกท่านย่อมต้องปรนนิบัติท่านมธ.20:26-27; มก.9:35; 10:43-44; ลก.22:26
  • 12 ใครยกตัวขึ้น จะต้องถูกทำให้ต่ำลง ใครถ่อมตัวลง จะได้รับการยกขึ้นลก.14:11; 18:14
  • 13 “วิบัติแก่พวกเจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด พวกเจ้าปิดประตูแผ่นดินสวรรค์ไว้จากมนุษย์เพราะพวกเจ้าเองไม่เข้าไป และเมื่อคนอื่นจะเข้าไป พวกเจ้าก็ไม่ยอม [
  • 14 วิบัติแก่พวกเจ้าพวกธรรมาจารย์ และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเจ้าริบเอาบ้านของหญิงม่าย และแสร้งอธิษฐานเสียยืดยาว เพราะฉะนั้นพวกเจ้าจะต้องมีโทษมากยิ่งขึ้น]สำเนาโบราณบางฉบับ ไม่มีข้อ 14
  • 15 “วิบัติแก่พวกเจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเจ้าไปทั่วทั้งทางบกและทางทะเล เพื่อจะได้สักคนหนึ่งเข้าจารีต แต่เมื่อได้แล้ว ก็ทำให้เขาตกนรกยิ่งกว่าพวกเจ้าเองถึงสองเท่า
  • 16 “วิบัติแก่พวกเจ้า คนนำทางที่ตาบอด พวกเจ้าสอนว่า ‘ใครที่จะสาบานโดยอ้างพระวิหาร คำสาบานนั้นไม่ผูกมัด แต่ใครสาบานโดยอ้างทองคำของพระวิหาร คนนั้นจะต้องทำตามคำสาบาน’
  • 17 โอ เจ้าพวกคนโง่เขลาและตาบอด สิ่งไหนจะสำคัญกว่า ทองคำหรือพระวิหารที่ทำให้ทองคำนั้นศักดิ์สิทธิ์?
  • 18 และพวกเจ้ายังสอนว่า ‘ใครจะสาบานโดยอ้างแท่นบูชา คำสาบานนั้นไม่ผูกมัด แต่ใครสาบานโดยอ้างเครื่องถวายบนแท่นบูชา คนนั้นต้องทำตามคำสาบาน’
  • 19 เจ้าพวกคนตาบอด สิ่งไหนจะสำคัญกว่ากัน เครื่องถวาย หรือแท่นบูชาที่ทำให้เครื่องถวายนั้นศักดิ์สิทธิ์?
  • 20 เพราะฉะนั้นใครที่สาบานโดยอ้างแท่นบูชา ก็สาบานโดยอ้างแท่นบูชาและสิ่งสารพัดซึ่งอยู่บนแท่นบูชานั้นด้วย
  • 21 ใครสาบานโดยอ้างพระวิหาร ก็สาบานโดยอ้างพระวิหารและพระองค์ผู้สถิตในพระวิหารนั้นด้วย
  • 22 ใครสาบานโดยอ้างสวรรค์ ก็สาบานโดยอ้างพระที่นั่งของพระเจ้าอสย.66:1; มธ.5:34 และพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้นด้วย
  • 23 “วิบัติแก่พวกเจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเจ้าถวายทศางค์คือ ร้อยละสิบที่เป็นสะระแหน่ ลูกผักชี และยี่หร่าลนต.27:30 แต่เรื่องที่สำคัญกว่าในธรรมบัญญัติ คือความยุติธรรม ความเมตตาและความเชื่อนั้นพวกเจ้ากลับละเลย การถวายทศางค์นั้นเจ้าก็ควรปฏิบัติ แต่ไม่ควรละเลยเรื่องที่สำคัญนั้นด้วย
  • 24 โอ เจ้าพวกคนนำทางตาบอด เจ้ากรองลูกน้ำออกแต่กลืนตัวอูฐเข้าไป
  • 25 “วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเจ้าขัดชำระถ้วยชามแต่ภายนอก ส่วนภายในถ้วยชามนั้นเต็มด้วยการโจรกรรมและการมัวเมากิเลส
  • 26 โอ พวกฟาริสีตาบอด จงชำระถ้วยชามภายในเสียก่อน เพื่อข้างนอกจะได้สะอาดด้วย
  • 27 “วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะว่าพวกเจ้าเป็นเหมือนอุโมงค์ฝังศพที่ฉาบด้วยปูนขาวกจ.23:3 ข้างนอกดูงดงาม แต่ข้างในเต็มไปด้วยกระดูกคนตายและทุกอย่างที่โสโครก
  • 28 พวกเจ้าก็เป็นอย่างนั้นแหละ ภายนอกดูเหมือนว่าเป็นคนชอบธรรม แต่ภายในเต็มไปด้วยความหน้าซื่อใจคดและความอธรรม
  • 29 “วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเจ้าก่อสร้างอุโมงค์ฝังศพของบรรดาผู้เผยพระวจนะ และตกแต่งอุโมงค์ฝังศพของคนชอบธรรมทั้งหลาย
  • 30 แล้วกล่าวว่า ‘ถ้าเราอยู่ในสมัยของบรรพบุรุษ เราจะไม่มีส่วนร่วมกับพวกเขา ในการทำให้โลหิตของผู้เผยพระวจนะทั้งหลายตก’
  • 31 ถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้าก็เป็นพยานปรักปรำตนเองว่า พวกเจ้าเป็นบุตรของพวกที่ฆ่าผู้เผยพระวจนะเหล่านั้น
  • 32 เจ้าก็จงทำอย่างที่บรรพบุรุษทำนั้นให้ครบถ้วนเถิด
  • 33 เจ้าพวกงู พวกชาติงูร้ายมธ.3:7; 12:34; ลก.3:7 เจ้าจะพ้นโทษนรกได้อย่างไร?
  • 34 เพราะเหตุนี้ เราจึงใช้บรรดาผู้เผยพระวจนะ บรรดานักปราชญ์ และธรรมาจารย์ทั้งหลายไปหาพวกเจ้า เจ้าทั้งหลายก็จะฆ่าเสียบ้าง ตรึงเสียที่กางเขนบ้าง เฆี่ยนตีในธรรมศาลาของพวกเจ้าบ้าง ข่มเหงไล่ออกจากเมืองนี้ไปเมืองโน้นบ้าง
  • 35 เพื่อจะให้โลหิตของคนชอบธรรมทั้งหมดที่ตกในแผ่นดินโลกนั้นตกบนตัวพวกเจ้า ตั้งแต่โลหิตของอาเบลปฐก.4:8คนชอบธรรม จนถึงโลหิตของเศคาริยาห์2 พศด.24:20-21บุตรเบเรคียาห์ที่เจ้าฆ่าเสียในที่ระหว่างพระวิหารกับแท่นบูชานั้น
  • 36 เราบอกความจริงกับพวกเจ้าว่า สิ่งทั้งหมดนี้จะตกกับคนในยุคนี้การทรงคร่ำครวญถึงกรุงเยรูซาเล็ม
  • 37 ( ลก.13:31-35 ) “โอ เยรูซาเล็ม เยรูซาเล็ม เมืองที่ฆ่าบรรดาผู้เผยพระวจนะ และเอาหินขว้างพวกที่ถูกส่งให้มาหาเจ้าถึงตาย บ่อยครั้งที่เราปรารถนาจะรวบรวมลูกๆ ของเจ้าไว้ เหมือนแม่ไก่กกลูกอยู่ใต้ปีกของมัน แต่เจ้าไม่ยอม
  • 38 นี่แน่ะ นิเวศของเจ้าจะถูกทอดทิ้งให้ร้างเปล่า
  • 39 เพราะว่าเราบอกเจ้าทั้งหลายว่า ตั้งแต่นี้ไปเจ้าจะไม่เห็นเราอีก จนกว่าพวกเจ้าจะกล่าวว่า ‘ขอให้ท่านผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ’ สดด.118:26”
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页