มัท‌ธิว-20

(ฉบับมาตรฐาน 2011)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 คนทำงานในสวนองุ่น “เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นเหมือนเจ้าของสวนคนหนึ่ง ที่ออกไปจ้างคนงานเพื่อสวนองุ่นของตนตั้งแต่เวลาเช้าตรู่
  • 2 เมื่อตกลงกับคนงานวันละเดนาริอันดูเชิงอรรถ มธ.18:28แล้ว ก็ใช้ให้ไปทำงานในสวนองุ่น
  • 3 พอเวลาประมาณเก้าโมง เจ้าของสวนก็ออกไปอีก เห็นบางคนยืนอยู่ว่างๆ กลางตลาด
  • 4 จึงพูดกับเขาทั้งหลายว่า ‘พวกท่านก็ไปทำงานในสวนองุ่นด้วยเถิด เราจะให้ค่าจ้างแก่ท่านตามสมควร’ แล้วพวกเขาก็พากันไป
  • 5 พอเวลาเที่ยงและเวลาบ่ายสามโมง เจ้าของสวนก็ออกไปอีก และทำเหมือนเดิม
  • 6 ประมาณห้าโมงเย็นก็ออกไปอีกครั้งหนึ่งและพบอีกพวกหนึ่งยืนอยู่ จึงพูดกับเขาทั้งหลายว่า ‘พวกท่านยืนอยู่ว่างๆ ที่นี่ทั้งวันทำไม?’
  • 7 เขาทั้งหลายตอบว่า ‘เพราะว่าไม่มีใครจ้างเรา’ เจ้าของสวนบอกว่า ‘ท่านก็จงไปทำงานในสวนองุ่นด้วยเถิด’
  • 8 เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ เจ้าของสวนสั่งผู้จัดการว่า ‘ไปเรียกพวกคนงานมา แล้วให้ค่าจ้างแก่พวกเขาลนต.19:13; ฉธบ.24:15 เริ่มจากพวกสุดท้ายจนถึงพวกแรก’
  • 9 พวกที่มาทำงานเวลาประมาณห้าโมงเย็นนั้นได้ค่าจ้างคนละหนึ่งเดนาริอัน
  • 10 พวกแรกจึงคิดว่าเขาจะได้มากกว่านั้น แต่ก็ได้คนละหนึ่งเดนาริอันเหมือนกัน
  • 11 เมื่อพวกเขารับเงินแล้วก็บ่นต่อว่าเจ้าของสวน
  • 12 ว่า ‘พวกสุดท้ายทำงานแค่ชั่วโมงเดียว แต่ท่านกลับให้ค่าจ้างพวกเขาเท่ากับเราที่ทำงานตรากตรำกลางแดดตลอดวัน’
  • 13 เจ้าของสวนก็ตอบคนหนึ่งในพวกนั้นว่า ‘เพื่อนเอ๋ย เราไม่ได้โกงท่านเลย ท่านตกลงกับเราวันละหนึ่งเดนาริอันไม่ใช่หรือ?
  • 14 รับค่าจ้างของท่านไปเถิด เราต้องการจะให้กับคนสุดท้ายนี้เท่ากับท่าน
  • 15 เราจะใช้เงินทองของเราตามใจตัวเองไม่ได้หรือ? ทำไมท่านอิจฉาเมื่อเห็นเราใจดี?’
  • 16 อย่างนั้นแหละ คนที่เป็นคนสุดท้ายจะกลับเป็นคนแรก และคนที่เป็นคนแรกจะกลับเป็นคนสุดท้าย” มธ.19:30; มก.10:31; ลก.13:30การทรงพยากรณ์เป็นครั้งที่สาม ถึงการสิ้นพระชนม์ และการคืนพระชนม์ของพระองค์
  • 17 ( มก.10:32-34 ; ลก.18:31-34 ) ขณะพระเยซูกำลังเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงพาสาวกสิบสองคนไปกันตามลำพังและตรัสกับเขาทั้งหลายตามทางว่า
  • 18 “ฟังนะ พวกเราจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และบุตรมนุษย์จะถูกมอบไว้กับพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ และพวกเขาจะลงโทษท่านถึงตาย
  • 19 ทั้งจะมอบตัวท่านไว้กับพวกต่างชาติเพื่อให้เยาะเย้ย เฆี่ยนตีและตรึงไว้ที่กางเขน และวันที่สามจะเป็นขึ้นมาใหม่”คำทูลขอของยากอบและยอห์น
  • 20 ( มก.10:35-45 ) ขณะนั้นมารดาของบุตรทั้งสองของเศเบดี มาเฝ้าพระองค์พร้อมกับบุตร นางกราบและทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระองค์
  • 21 พระองค์จึงตรัสถามนางว่า “ท่านปรารถนาอะไร?” นางทูลว่า “ขอพระองค์รับสั่งตั้งบุตรทั้งสองของข้าพระองค์ให้นั่งเบื้องขวาพระหัตถ์คนหนึ่ง และเบื้องซ้ายคนหนึ่งในราชอาณาจักรของพระองค์”
  • 22 แต่พระเยซูตรัสตอบว่า “พวกท่านไม่เข้าใจในสิ่งที่ขอนั้น ถ้วยที่เราจะดื่มนั้นท่านจะดื่มได้หรือ?” พวกเขาทูลว่า “ได้พระเจ้าข้า”
  • 23 พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “พวกท่านจะดื่มถ้วยของเราแน่ แต่การที่จะให้นั่งข้างขวาและข้างซ้ายของเรานั้นไม่ใช่เราเป็นผู้ให้ แต่จะให้กับคนเหล่านั้นที่พระบิดาของเราทรงเตรียมไว้”
  • 24 เมื่อสาวกสิบคนนั้นได้ยินแล้วก็โกรธพี่น้องสองคนนั้น
  • 25 พระเยซูทรงเรียกพวกเขามาตรัสว่า “พวกท่านรู้อยู่ว่าบรรดาผู้ครอบครองของคนต่างชาติ ย่อมเป็นเจ้านายอยู่เหนือพวกเขา และพวกที่เป็นใหญ่ก็ใช้อำนาจบังคับเขา
  • 26 ในพวกท่านจะไม่เป็นเช่นนั้น แต่ถ้ามีใครต้องการเป็นใหญ่ในพวกท่าน คนนั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติของท่านลก.22:25-26
  • 27 และถ้าใครต้องการจะเป็นนายภาษากรีกแปลตรงตัวว่า เป็นคนแรก คนนั้นจะต้องเป็นทาสของพวกท่านมธ.23:11; มก.9:35; ลก.22:26
  • 28 เหมือนบุตรมนุษย์ที่ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อปรนนิบัติคนอื่น และให้ชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่คนจำนวนมาก”การทรงรักษาคนตาบอดสองคน
  • 29 ( มก.10:46-52 ; ลก.18:35-43 ) เมื่อพระองค์กับพวกสาวกกำลังออกไปจากเมืองเยรีโค มีมหาชนติดตามพระองค์ไป
  • 30 และมีคนตาบอดสองคนนั่งอยู่ริมหนทาง เมื่อได้ยินว่าพระเยซูเสด็จมา จึงร้องว่า “[องค์พระผู้เป็นเจ้า]สำเนาโบราณบางฉบับไม่มีคำนี้ผู้ทรงเป็นบุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาพวกข้าพระองค์เถิด”
  • 31 ฝูงชนก็ห้ามเขาทั้งสองและให้นิ่งเสีย แต่เขายิ่งร้องขึ้นอีกว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นบุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาพวกข้าพระองค์เถิด”
  • 32 พระเยซูทรงหยุดยืนอยู่ ทรงเรียกเขามาและตรัสว่า “ท่านทั้งสองต้องการให้เราทำอะไรเพื่อท่าน”
  • 33 เขาทั้งสองทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้นัยน์ตาของข้าพระองค์ทั้งสองหายบอด”
  • 34 พระเยซูทรงแตะต้องนัยน์ตาของเขาทั้งสองด้วยพระทัยสงสาร ในทันใดนั้นเขาทั้งสองก็มองเห็น และติดตามพระองค์ไป
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页