ปัญ‌ญา‌จารย์-2

(ฉบับมาตรฐาน 2011)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 ความอนิจจังเนื่องจากการตามใจตนเอง ข้าพเจ้ารำพึงว่า “มาเถอะ มาลองสนุกสนานกันดู จงสนุกให้เต็มที่ภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า ดูสิ่งที่ดี” แต่ดูเถิด เรื่องนี้ก็อนิจจังเช่นกัน
  • 2 ข้าพเจ้าพูดถึงการหัวเราะว่า “บ้าๆ บอๆ” และกล่าวถึงความสนุกสนานว่า “มีประโยชน์อะไร?”
  • 3 ข้าพเจ้าใคร่ครวญดูว่าจะทำอย่างไร กายจึงคึกคักด้วยเหล้าองุ่น แต่ใจยังคงแนะนำข้าพเจ้าด้วยสติปัญญา พร้อมกับยึดความเขลาไว้ด้วย จนกระทั่งข้าพเจ้าเห็นได้ว่า มีสิ่งดีอะไรที่มนุษย์จะทำได้ภายใต้ท้องฟ้าตลอดชั่วอายุไม่กี่วันของเขาตลอดชั่วอายุ...เขา ภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า ตามจำนวนวันของชีวิตเขา
  • 4 ข้าพเจ้ากระทำการใหญ่โต ข้าพเจ้าได้สร้างเรือนหลายหลัง และทำสวนองุ่นหลายแปลง
  • 5 ข้าพเจ้าทำสวนผลไม้และสวนหย่อนใจหลายแห่ง ปลูกไม้ผลทุกชนิดไว้ในสวนเหล่านั้น
  • 6 ข้าพเจ้าสร้างสระน้ำหลายสระสำหรับตัวเอง เพื่อจะใช้น้ำในสระนั้นรดหมู่ไม้ที่กำลังงอกงาม
  • 7 ข้าพเจ้าซื้อทาสชายหญิงไว้ และมีทาสเกิดขึ้นในบ้านของข้าพเจ้า นอกจากนั้นข้าพเจ้ามีฝูงโคฝูงแพะแกะ1 พกษ.4:23มากกว่าทุกคนที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มก่อนข้าพเจ้า
  • 8 ข้าพเจ้าสะสมเงินทอง1 พกษ.10:10; 14-22ไว้ด้วย และสะสมทรัพย์สมบัติอันควรคู่กับกษัตริย์และควรคู่กับเมืองทั้งหลาย ข้าพเจ้ามีนักร้องชายหญิง และมีความสนุกสนานทางเพศความหมายในภาษาฮีบรูไม่ชัดเจน แปลได้อีกว่า และมีความบันเทิงใจ ซึ่งเป็นสิ่งชอบใจมนุษย์1 พกษ.10:23-27;2 พศด.9:22-27
  • 9 ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเป็นใหญ่และยิ่งใหญ่กว่า1 พศด.29:25ทุกคนที่เคยอยู่มาก่อนข้าพเจ้าในเยรูซาเล็ม และสติปัญญาของข้าพเจ้ายังคงอยู่กับข้าพเจ้าด้วย
  • 10 ทุกสิ่งที่นัยน์ตาของข้าพเจ้าอยากเห็น ข้าพเจ้าก็ไม่ปิดบัง ข้าพเจ้ามิได้ห้ามใจจากความสนุกสนานทุกอย่าง เพราะใจข้าพเจ้าพบความเพลิดเพลินจากการตรากตรำทั้งหมดของข้าพเจ้า และนี่เป็นรางวัลจากการตรากตรำของข้าพเจ้า
  • 11 แล้วข้าพเจ้าหันมาดูทุกสิ่งที่มือข้าพเจ้าทำ และผลของการตรากตรำที่ข้าพเจ้าทำลงไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย และดูเถิด ทุกอย่างก็อนิจจังคือ กินลมกินแล้ง และไม่มีประโยชน์อะไรภายใต้ดวงอาทิตย์
  • 12 พระเจ้าประทานสติปัญญาและความยินดีให้กับผู้ที่พระองค์พอพระทัย ข้าพเจ้าจึงหันมาพิเคราะห์สติปัญญา ความบ้าบอ และความเขลา เพราะคนที่มาภายหลังกษัตริย์จะทำอะไรได้? นอกจากทำสิ่งที่เขาทำกันมานานแล้วนั้น
  • 13 ข้าพเจ้าเห็นว่าสติปัญญามีประโยชน์กว่าความเขลา เหมือนความสว่างมีประโยชน์กว่าความมืด
  • 14 คนมีสติปัญญารู้ว่าจะเดินไปทางไหนรู้ว่าจะเดินไปทางไหน ภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า มีตาอยู่ในหัว แต่คนเขลาเดินในความมืด ถึงกระนั้นข้าพเจ้าก็ตระหนักว่า เคราะห์อย่างเดียวกันเกิดขึ้นแก่พวกเขาทุกคน
  • 15 ข้าพเจ้าจึงรำพึงว่า “เคราะห์ที่เกิดแก่คนเขลา ก็จะเกิดกับตัวข้าพเจ้าด้วย ถ้าเช่นนั้นแล้วข้าพเจ้าจะมีสติปัญญามากมายไปทำไมเล่า?” ข้าพเจ้าจึงรำพึงว่าเรื่องนี้ก็อนิจจังเหมือนกัน
  • 16 เพราะไม่มีใครจดจำถึงคนมีสติปัญญาและคนเขลาตลอดไป เพราะเมื่อถึงเวลาในอนาคตก็ลืมกันไปหมดแล้ว โถ คนมีสติปัญญาก็ตายเหมือนคนเขลา
  • 17 ข้าพเจ้าจึงเกลียดชีวิต เพราะว่าการงานที่ทำกันภายใต้ดวงอาทิตย์ก่อความสลดใจให้แก่ข้าพเจ้า เพราะสารพัดก็อนิจจังคือ กินลมกินแล้ง
  • 18 ข้าพเจ้าเกลียดการตรากตรำทั้งสิ้น ซึ่งข้าพเจ้าตรากตรำอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ เพราะข้าพเจ้าจำต้องละการนั้นไว้ให้แก่คนที่มาภายหลังข้าพเจ้า
  • 19 แล้วใครจะไปทราบว่าเขาคนนั้นจะเป็นคนมีสติปัญญาหรือคนเขลา กระนั้นเขาก็ครอบครองการตรากตรำทุกอย่างของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้ตรากตรำมาและใช้สติปัญญาทำภายใต้ดวงอาทิตย์ นี่ก็อนิจจังด้วย
  • 20 ข้าพเจ้าจึงหันกลับและท้อแท้ใจนักถึงเรื่องการตรากตรำทั้งสิ้น ซึ่งข้าพเจ้าตรากตรำมาภายใต้ดวงอาทิตย์
  • 21 เพราะว่ามีคนที่ตรากตรำโดยใช้สติปัญญา ความรู้ และความชำนาญ แต่แล้วก็ละส่วนแบ่งของเขาให้อีกคนหนึ่งที่หาได้ตรากตรำทำเพื่อการนั้นไม่ นี่ก็อนิจจังด้วยและสามานย์ยิ่ง
  • 22 เพราะว่ามนุษย์ได้อะไรจากการตรากตรำทั้งสิ้น และการดิ้นรนที่เขาต้องตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์เล่า?
  • 23 เพราะว่าปีเดือนทั้งหมดของเขามีแต่ความเจ็บปวดโยบ5:7; 14:1 และภารกิจของเขาก่อความทุกข์ระทม ถึงกลางคืนจิตใจของเขาก็ไม่หยุดพักสงบ นี่ก็อนิจจังด้วย
  • 24 สำหรับมนุษย์นั้นไม่มีอะไรดีไปกว่ากินและดื่มปญจ.3:13; 5:18; 9:7; อสย.56:12; ลก.12:19;1 คร.15:32 กับชื่นชมผลจากการตรากตรำของเขา นี่แหละข้าพเจ้าเห็นด้วยว่าเป็นมาจากพระหัตถ์ของพระเจ้า
  • 25 ด้วยถ้าไม่อาศัยพระองค์ภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า ด้วยถ้าไม่อาศัยเราแล้วใครจะกินได้เล่า? หรือใครจะชื่นบานได้?
  • 26 เพราะว่าพระเจ้าประทานสติปัญญา ความรู้โยบ32:8; สภษ.2:6 และความยินดีให้แก่คนที่พระองค์พอพระทัย แต่ส่วนคนบาปพระองค์ประทานภารกิจที่ต้องเก็บเกี่ยวและสะสม เพื่อให้แก่ผู้ที่พระเจ้าพอพระทัย นี่ก็อนิจจังด้วยคือ กินลมกินแล้ง
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页