1
การถวายพระวิหาร ( 2 พศด.5:2-6:2 ) แล้วซาโลมอนทรงเรียกพวกผู้ใหญ่ของอิสราเอล และบรรดาหัวหน้าของเผ่าต่างๆ คือพวกเจ้านายของตระกูลคนอิสราเอลมาประชุมในกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อจะนำหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์ขึ้นมาจากนครดาวิดหมายถึงกรุงเยรูซาเล็ม 2 ซมอ.6:12-16;1 พศด.15:25-29คือศิโยน
2
และผู้ชายทั้งหมดของอิสราเอลก็ประชุมกับพระราชาซาโลมอน ณ การเลี้ยงในเดือนเอธานิมเดือนที่เจ็ดตามปฏิทินของคนอิสราเอล ประมาณกลางเดือนกันยายนถึงกลางเดือนตุลาคม คือเดือนที่เจ็ด
3
พวกผู้ใหญ่ทั้งสิ้นของอิสราเอลมา และพวกปุโรหิตก็ยกหีบ
4
และเขาทั้งหลายนำหีบของพระยาห์เวห์ และเต็นท์นัดพบ อีกทั้งข้าวของเครื่องใช้ที่บริสุทธิ์ทุกอย่าง ซึ่งอยู่ในเต็นท์ขึ้นมา พวกปุโรหิตและพวกเลวีได้นำของเหล่านี้ขึ้นมา
5
และพระราชาซาโลมอน และชุมนุมชนอิสราเอลทั้งสิ้นที่ได้ประชุมกันกับพระองค์ อยู่กับพระองค์ต่อหน้าหีบ ได้ถวายแกะและวัวมากมาย จนไม่สามารถนับจำนวนหรือคิดคำนวณได้
6
แล้วปุโรหิตก็นำหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์มายังที่ตั้งของหีบ ในห้องชั้นในสุดของพระนิเวศ คือในอภิสุทธิสถาน ภายใต้ปีกของเครูบ
7
เพราะเครูบนั้นกางปีกทั้งคู่ออกเหนือที่ตั้งของหีบ เครูบจึงคลุมอยู่เหนือหีบ และไม้คานของหีบ
8
คานหามของหีบนั้นยาวมาก จึงเห็นปลายคานหามได้จากวิสุทธิสถาน ซึ่งอยู่หน้าห้องชั้นในสุด แต่ไม่อาจมองเห็นจากภายนอก และคานหามก็ยังอยู่ที่นั่นจนทุกวันนี้
9
ไม่มีสิ่งใดในหีบนอกจากศิลาสองแผ่น ซึ่งโมเสสใส่ไว้ ณ ภูเขาโฮเรบฉธบ.10:5 เมื่อพระยาห์เวห์ทรงทำพันธสัญญากับคนอิสราเอล เมื่อเขาทั้งหลายออกมาจากแผ่นดินอียิปต์
10
และต่อมาเมื่อพวกปุโรหิตออกมาจากวิสุทธิสถาน เมฆก็เต็มพระนิเวศของพระยาห์เวห์
11
จนพวกปุโรหิตไม่อาจยืนปรนนิบัติอยู่ได้เพราะเมฆนั้น เพราะพระสิริของพระยาห์เวห์เต็มพระนิเวศของพระยาห์เวห์อพย.40:34-35
12
แล้วซาโลมอนตรัสว่า“พระยาห์เวห์ตรัสว่า พระองค์จะประทับในความมืดทึบ
13
แท้จริง ข้าพระองค์ได้สร้างพระนิเวศที่โอ่อ่าตระการตาสำหรับพระองค์เป็นสถานที่เพื่อพระองค์จะสถิตอยู่เป็นนิตย์”ซาโลมอนตรัสกับประชาชน
14
( 2 พศด.6:3-11 ) แล้วพระราชาทรงหันมา และทรงอวยพรชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมด ขณะที่ชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดยืนอยู่
15
พระองค์ตรัสว่า “สาธุการแด่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ทรงสัญญากับดาวิดพระราชบิดาของข้าพเจ้าด้วยพระโอษฐ์ และทรงให้สำเร็จด้วยพระหัตถ์ พระองค์ตรัสว่า
16
‘ตั้งแต่วันที่เราได้นำอิสราเอลประชากรของเราออกจากอียิปต์ เราไม่ได้เลือกเมืองไหนจากเผ่าใดในอิสราเอลเพื่อจะสร้างนิเวศ เพื่อนามของเราจะอยู่ที่นั่น แต่เราได้เลือกดาวิด ให้อยู่เหนืออิสราเอลประชากรของเรา’2 ซมอ.7:4-11;1 พศด.17:3-10
17
ดาวิดพระราชบิดาของข้าพเจ้าจึงตั้งพระทัยที่จะสร้างพระนิเวศ สำหรับพระนามแห่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล
18
แต่พระยาห์เวห์ตรัสกับดาวิดพระราชบิดาของข้าพเจ้าว่า ‘ที่เจ้าตั้งใจสร้างนิเวศสำหรับนามของเรานั้น เจ้าก็ทำดีอยู่แล้ว ในเรื่องความตั้งใจของเจ้า2 ซมอ.7:1-3;1 พศด.17:1-2
19
อย่างไรก็ตาม เจ้าจะไม่ได้สร้างนิเวศ แต่บุตรชายผู้เกิดจากเจ้าจะสร้างนิเวศสำหรับนามของเรา’2 ซมอ.7:12-13;1 พศด.17:11-12
20
บัดนี้พระยาห์เวห์ทรงให้พระสัญญาของพระองค์ที่ตรัสนั้นสำเร็จ เพราะข้าพเจ้าได้ขึ้นมาแทนดาวิดพระราชบิดาของข้าพเจ้า และนั่งอยู่บนบัลลังก์ของอิสราเอล ดังที่พระยาห์เวห์ได้ทรงสัญญาไว้ และข้าพเจ้าได้สร้างพระนิเวศสำหรับพระนามของพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล
21
ที่นั่นข้าพเจ้าได้กำหนดที่วางหีบ และภายในหีบบรรจุพันธสัญญาที่พระยาห์เวห์ทรงทำกับบรรพบุรุษของเรา เมื่อทรงนำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์”ซาโลมอนทรงอธิษฐานมอบถวายพระวิหาร
22
( 2 พศด.6:12-39 ) แล้วซาโลมอนทรงยืนอยู่หน้าแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ ต่อหน้าชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมด และกางพระหัตถ์ของพระองค์ออกสู่ฟ้าสวรรค์
23
และทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนเหมือนพระองค์ ในฟ้าสวรรค์เบื้องบน หรือที่แผ่นดินเบื้องล่าง ผู้ทรงรักษาพันธสัญญา และสำแดงความรักมั่นคงแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ ผู้ดำเนินอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ด้วยสุดใจ
24
พระองค์ทรงรักษาพระสัญญาที่ทรงให้ไว้กับดาวิดพระราชบิดาของข้าพระองค์ ผู้รับใช้ของพระองค์ และพระองค์ทรงทำให้พระสัญญาด้วยพระโอษฐ์นั้นสำเร็จด้วยพระหัตถ์ในวันนี้
25
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล เพราะฉะนั้นขอทรงรักษาพระสัญญาที่ให้ไว้กับผู้รับใช้ของพระองค์ คือให้กับดาวิดพระราชบิดาของข้าพระองค์ โดยตรัสว่า ‘ถ้าเพียงแต่ลูกหลานของเจ้าจะรักษาทางของเขา ที่จะดำเนินไปต่อหน้าเรา1 พกษ.2:4 อย่างที่เจ้าได้ดำเนินต่อหน้าเรานั้น เจ้าจะไม่ขาดทายาทที่จะนั่งบนบัลลังก์ของอิสราเอลต่อหน้าเรา’
26
เพราะฉะนั้น ข้าแต่พระเจ้าแห่งอิสราเอล ขอให้พระสัญญาที่พระองค์ได้ตรัสกับผู้รับใช้ของพระองค์ คือดาวิดพระราชบิดาของข้าพระองค์เป็นจริง”
27
“แต่แท้จริงพระเจ้าจะประทับบนแผ่นดินโลกหรือ? ดูสิ ฟ้าสวรรค์และฟ้าสวรรค์อันสูงสุดยังรับพระองค์อยู่ไม่ได้ แล้วพระนิเวศนี้ซึ่งข้าพระองค์ได้สร้างขึ้น2 พศด.2:6จะรับพระองค์ได้อย่างไร?
28
แต่ขอพระองค์สนพระทัยในคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์ และในคำวิงวอนของเขา ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงสดับเสียงร้องและคำอธิษฐาน ซึ่งผู้รับใช้ของพระองค์ อธิษฐานต่อพระองค์ในวันนี้
29
เพื่อพระเนตรของพระองค์จะทรงเฝ้าดูพระนิเวศนี้ทั้งวันและคืน คือสถานที่ซึ่งพระองค์ตรัสว่า ‘นามของเราจะอยู่ที่นั่น’ฉธบ.12:11 เพื่อพระองค์จะทรงสดับคำอธิษฐาน ซึ่งผู้รับใช้ของพระองค์จะอธิษฐานต่อสถานที่นี้
30
และขอพระองค์ทรงสดับคำวิงวอนของผู้รับใช้ของพระองค์ และของอิสราเอลประชากรของพระองค์ เมื่อเขาทั้งหลายอธิษฐานต่อสถานที่นี้ ขอพระองค์เองทรงสดับจากสถานที่ประทับของพระองค์คือจากฟ้าสวรรค์ และเมื่อทรงสดับแล้ว ก็ขอทรงอภัย
31
“เมื่อชายใดทำบาปต่อเพื่อนบ้านของเขา และถูกบังคับให้สาบาน และเขามาสาบานต่อหน้าแท่นบูชาของพระองค์ในพระนิเวศนี้
32
ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์ และขอทรงกระทำ และขอทรงพิพากษาเหล่าผู้รับใช้ของพระองค์ โดยลงโทษผู้ทำผิด และให้การกระทำของเขาตกบนศีรษะของเขา และตัดสินว่าผู้ชอบธรรมนั้นบริสุทธิ์ โดยให้กับเขาตามความชอบธรรมของเขา
33
“เมื่ออิสราเอลประชากรของพระองค์พ่ายแพ้ศัตรู เพราะได้ทำบาปต่อพระองค์ แล้วพวกเขาหันกลับมาหาพระองค์ และยอมรับพระนามของพระองค์ อธิษฐานและขอพระเมตตาต่อพระองค์ในพระนิเวศนี้
34
ก็ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์ และทรงอภัยบาปของอิสราเอลประชากรของพระองค์ และขอทรงนำพวกเขากลับมายังแผ่นดิน ซึ่งพระองค์ได้ประทานแก่บรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย
35
“เมื่อฟ้าสวรรค์ปิดอยู่และไม่มีฝน เพราะเขาทั้งหลายได้ทำบาปต่อพระองค์ แล้วพวกเขาได้อธิษฐานต่อสถานที่นี้ และยอมรับพระนามของพระองค์ และหันกลับจากบาปของเขา เนื่องจากพระองค์ทรงลงโทษพวกเขา
36
ก็ขอทรงสดับในฟ้าสวรรค์ และทรงอภัยบาปของอิสราเอลซึ่งเป็นผู้รับใช้และประชากรของพระองค์ แล้วขอทรงสอนทางดีที่ควรจะดำเนินแก่พวกเขา และขอประทานฝนตกบนแผ่นดินของพระองค์ ซึ่งพระองค์ประทานให้เป็นมรดกแก่ประชากรของพระองค์
37
“ถ้ามีการกันดารอาหารในแผ่นดิน ถ้ามีโรคระบาด ถ้ามีข้าวลีบ ข้าวขึ้นรา หรือภัยจากตั๊กแตนปาทังก้าภาษาฮีบรูน่าจะหมายถึง ตั๊กแตนทะเลทราย และตั๊กแตนตัวอ่อน หรือถ้าศัตรูล้อมเมืองใดๆ ของเขาในแผ่นดิน หรือมีภัยพิบัติใด หรือเกิดความเจ็บไข้ใดก็ดี
38
แล้วหากคนหนึ่งคนใด หรืออิสราเอลประชากรทั้งหมดของพระองค์ ได้สำนึกในใจของเขาเรื่องภัยพิบัติ จะอธิษฐานหรือวิงวอนประการใด โดยกางมือของเขาสู่พระนิเวศนี้
39
ก็ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์ อันเป็นที่ประทับของพระองค์ และขอทรงอภัย และทรงกระทำการ และประทานแก่แต่ละคนตามการประพฤติทั้งสิ้นของเขา ซึ่งพระองค์ทรงทราบจิตใจ (เพราะพระองค์เท่านั้นทรงทราบจิตใจของมนุษย์ทุกคน)
40
เพื่อเขาทั้งหลายจะได้ยำเกรงพระองค์ ตลอดวันเวลาที่มีชีวิตบนแผ่นดิน ซึ่งพระองค์ประทานแก่บรรพบุรุษของพวกข้าพระองค์
41
“ยิ่งกว่านั้นอีก เกี่ยวกับคนต่างด้าว ผู้ซึ่งไม่ใช่อิสราเอลประชากรของพระองค์ แต่มาจากแดนไกลเนื่องจากพระนามของพระองค์
42
(เพราะเขาทั้งหลายจะได้ยินถึงพระนามยิ่งใหญ่ และถึงพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ และถึงพระกรที่เหยียดออกของพระองค์) เมื่อเขามาอธิษฐานต่อพระนิเวศนี้
43
ก็ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์ อันเป็นที่ประทับของพระองค์ และขอทรงทำตามทุกสิ่ง ซึ่งคนต่างด้าวได้ทูลขอพระองค์ เพื่อชนทุกชาติแห่งแผ่นดินโลกจะรู้จักพระนามของพระองค์ และยำเกรงพระองค์ เหมือนอย่างอิสราเอลประชากรของพระองค์ และเพื่อเขาทั้งหลายจะทราบว่า เขาเรียกพระนิเวศนี้ ซึ่งข้าพระองค์ได้สร้างไว้ด้วยพระนามของพระองค์
44
“ถ้าประชากรของพระองค์ออกไปต่อสู้กับศัตรู โดยทางใดๆ ที่พระองค์ทรงใช้พวกเขาออกไปก็ตาม และเขาทั้งหลายได้อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ ตรงไปยังเมืองซึ่งพระองค์ทรงเลือกสรรไว้ และตรงไปยังพระนิเวศที่ข้าพระองค์ได้สร้างเพื่อพระนามของพระองค์แล้ว
45
ก็ขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐาน และคำวิงวอนของพวกเขาในฟ้าสวรรค์ และขอประทานความยุติธรรมแก่พวกเขา
46
“ถ้าเขาทั้งหลายทำบาปต่อพระองค์ (เพราะไม่มีมนุษย์คนใดไม่ได้ทำบาป) และพระองค์กริ้วพวกเขา และทรงมอบเขาไว้กับศัตรู ผู้จับเขาไปเป็นเชลยยังแผ่นดินของศัตรูนั้น ไม่ว่าไกลหรือใกล้
47
แต่ถ้าเขาสำนึกผิดในแผ่นดินที่เขาถูกจับไปเป็นเชลย และได้กลับใจ แล้วได้วิงวอนต่อพระองค์ในแผ่นดินของผู้จับเขาไปเป็นเชลย ทูลว่า ‘ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาป และได้ประพฤติชั่วร้ายและได้ทำการอธรรม’
48
ถ้าเขาทั้งหลายกลับมาหาพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจ ในแผ่นดินแห่งศัตรูผู้จับเขาไปเป็นเชลย และอธิษฐานต่อพระองค์ตรงไปยังแผ่นดิน ซึ่งพระองค์ประทานแก่บรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย คือเมืองซึ่งพระองค์ทรงเลือกสรรไว้ และพระนิเวศซึ่งข้าพระองค์ได้สร้างไว้เพื่อพระนามของพระองค์แล้ว
49
ก็ขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐานและคำวิงวอนของพวกเขาในฟ้าสวรรค์ อันเป็นที่ประทับของพระองค์ และขอประทานความยุติธรรมแก่พวกเขา
50
และขอทรงอภัยประชากรของพระองค์ผู้ทำบาปต่อพระองค์ และทรงอภัยต่อการทรยศที่เขาทั้งหลายได้ทำต่อพระองค์ และขอให้พวกเขาได้รับความกรุณาจากผู้ที่จับเขาไปเป็นเชลย เพื่อศัตรูจะเมตตาเขาทั้งหลาย
51
(เพราะพวกเขาเป็นประชากรของพระองค์และเป็นมรดกของพระองค์ ซึ่งทรงนำออกมาจากอียิปต์ จากท่ามกลางเตาเหล็ก)
52
ขอลืมพระเนตรของพระองค์อยู่ต่อคำวิงวอนของผู้รับใช้ของพระองค์ และต่อคำวิงวอนของอิสราเอลประชากรของพระองค์ ขอทรงฟังเมื่อเขาทั้งหลายร้องต่อพระองค์
53
เพราะพระองค์ทรงแยกพวกเขาจากท่ามกลางชนทุกชาติแห่งแผ่นดินโลก ให้เป็นมรดกของพระองค์ ตามซึ่งพระองค์ตรัสทางโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย เมื่อพระองค์ทรงนำบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายออกจากอียิปต์”ซาโลมอนทรงให้พรแก่ชุมนุมชน
54
( 2 พศด.6:40-42 ) เมื่อซาโลมอนทรงจบคำอธิษฐาน และคำวิงวอนทั้งสิ้นนี้ต่อพระยาห์เวห์แล้ว ก็ทรงลุกขึ้นจากหน้าแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ ที่ที่ทรงคุกเข่าพร้อมกับกางพระหัตถ์สู่ฟ้าสวรรค์
55
และพระองค์ทรงยืน และทรงอวยพรแก่ชุมนุมชนอิสราเอลด้วยเสียงดังว่า
56
“สาธุการแด่พระยาห์เวห์ ผู้ประทานการหยุดพักแก่อิสราเอลประชากรของพระองค์ ตามที่ทรงสัญญาไว้ทุกประการ พระสัญญาอันดีทั้งสิ้นของพระองค์ซึ่งทรงสัญญาทางโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์นั้นไม่ล้มเหลวสักคำเดียวฉธบ.12:10; ยชว.21:44-45
57
ขอพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทั้งหลายสถิตกับพวกเรา เหมือนอย่างที่ได้สถิตกับบรรพบุรุษของเรา ขออย่าทรงละเราหรือทอดทิ้งเราเลย
58
แต่ขอทรงโน้มจิตใจของพวกเราให้มาหาพระองค์ เพื่อดำเนินในทางทั้งสิ้นของพระองค์ และรักษาพระบัญญัติ กฎเกณฑ์ และกฎหมายของพระองค์ ซึ่งทรงบัญญัติไว้แก่บรรพบุรุษของเรา
59
ขอให้ถ้อยคำเหล่านี้ ที่ข้าพเจ้าได้วิงวอนเฉพาะพระยาห์เวห์ อยู่ใกล้พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทั้งวันและคืน และขอให้ความยุติธรรมแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ และแก่อิสราเอลประชากรของพระองค์ ตามความต้องการในแต่ละวัน
60
เพื่อชนทุกชาติแห่งแผ่นดินโลกจะทราบว่า พระยาห์เวห์นั้นทรงเป็นพระเจ้า ไม่มีพระอื่นเลย
61
เพราะฉะนั้นขอให้จิตใจของท่านทั้งหลายภักดีต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา คือดำเนินอยู่ในกฎเกณฑ์ของพระองค์ และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ดังในวันนี้”ซาโลมอนถวายเครื่องสัตวบูชา
62
( 2 พศด.7:4-11 ) แล้วพระราชาและคนอิสราเอลทั้งสิ้นที่อยู่กับพระองค์ ได้ถวายเครื่องสัตวบูชาแด่พระยาห์เวห์
63
และซาโลมอนได้ถวายสัตว์ต่อไปนี้ เป็นเครื่องศานติบูชาแด่พระยาห์เวห์ คือวัว 22,000 ตัว และแกะ 120,000 ตัว พระราชาและคนอิสราเอลทั้งสิ้น จึงอุทิศถวายพระนิเวศของพระยาห์เวห์
64
ในวันเดียวกันนั้น พระราชาทรงทำพิธีชำระส่วนกลางของลาน ซึ่งอยู่หน้าพระนิเวศของพระยาห์เวห์ เพราะว่าพระองค์ทรงใช้ที่นั่นถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัว ธัญบูชา และไขมันของศานติบูชา เพราะว่าแท่นทองสัมฤทธิ์ซึ่งอยู่เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์นั้น เล็กเกินกว่าจะรับเครื่องบูชาเผาทั้งตัว ธัญบูชา และไขมันของศานติบูชาได้
65
ซาโลมอนจึงทรงฉลองเทศกาลเลี้ยงในเวลานั้น พร้อมกับอิสราเอลทั้งสิ้น เป็นการชุมนุมใหญ่ เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา ทั้งเจ็ดวันและต่ออีกเจ็ดวัน รวมสิบสี่วันฉบับกรีกว่า เจ็ดวัน มีคนมาตั้งแต่ทางเข้าเมืองฮามัทจนถึงลำธารอียิปต์
66
ในวันที่แปด พระองค์ทรงให้ประชาชนกลับ เขาทั้งหลายก็ถวายพระพรแด่พระราชา และกลับไปยังเต็นท์ของตนด้วยจิตใจชื่นบานและยินดี เนื่องด้วยความดีทั้งสิ้น ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงสำแดงแก่ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ และแก่อิสราเอลประชากรของพระองค์