1
ดาวิดไว้พระชนม์ซาอูลที่ศิฟ ชาวศิฟมาหาซาอูลที่เมืองกิเบอาห์ทูลว่า “ดาวิดซ่อนตัวอยู่บนเขาฮาคีลาห์ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของเยชิโมนมิใช่หรือ” สดด. 542
ซาอูลจึงทรงลุกขึ้นลงไปที่ถิ่นทุรกันดารศิฟ พร้อมกับชายอิสราเอลที่คัดเลือกแล้วสามพันคน เพื่อแสวงดาวิดในถิ่นทุรกันดารศิฟ3
และซาอูลทรงตั้งค่ายอยู่ที่เขา ฮาคีลาห์ซึ่งอยู่ข้างถนนทางทิศตะวันออกของเยชิโมน แต่ดาวิดยังคงอยู่ในถิ่นทุรกันดาร และเมื่อท่านเห็นว่าซาอูลเสด็จมาหาท่านที่ในถิ่นทุรกันดาร4
ดาวิดก็ส่งผู้สอดแนมออกไป จึงทราบว่าซาอูลทรงยกมาแน่แล้ว5
แล้วดาวิดก็ลุกขึ้นมายังที่ซึ่งซาอูลทรงตั้งค่ายอยู่ และดาวิดก็เห็นที่ที่ซาอูลบรรทมพร้อมกับอับเนอร์บุตร เนอร์แม่ทัพ ซาอูลบรรทมอยู่กลางเขตค่าย ฝ่ายกองทัพก็ตั้งค่ายอยู่รอบพระองค์6
แล้วดาวิดก็พูดกับอาหิเมเลคคนฮิตไทต์ และกับอาบีชัยบุตรของนางเศรุยาห์ น้องชายของโยอาบว่า “ผู้ใดจะลงไปในค่ายของซาอูลกับเราบ้าง” อาบีชัยตอบว่า “ข้าพเจ้าจะลงไปกับท่าน”7
ดาวิดและอาบีชัยจึงลงไปที่กองทัพในเวลากลางคืน และดูเถิด ซาอูลบรรทมอยู่กลางเขตค่าย มีหอกปักอยู่ที่ที่ดินตรงศีรษะ อับเนอร์กับพวกพลก็นอนล้อมพระองค์อยู่8
อาบีชัยพูดกับดาวิดว่า “ในวันนี้พระเจ้าทรงมอบศัตรูของท่านไว้ในมือของท่านแล้ว บัดนี้ขอให้ข้าพเจ้าแทงเขาด้วยหอกให้ติดดิน ครั้งเดียวก็พอ และข้าพเจ้าไม่ต้องแทงเขาครั้งที่สอง”9
แต่ดาวิดบอกอาบีชัยว่า “ขออย่าทำลายพระองค์เลย เพราะผู้ใดเล่าจะเหยียดมือออกต่อสู้ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงเจิมไว้ และจะไม่มีความผิด”10
และดาวิดกล่าวว่า “พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด พระเจ้าจะทรงฆ่าพระองค์ท่านเอง หรือจะถึงวันกำหนดที่พระองค์ต้องสิ้นพระชนม์ หรือพระองค์จะเสด็จเข้าสงครามและพินาศเสีย11
ขอพระเจ้าทรงห้ามปรามข้าพเจ้าไม่ให้ เหยียดมือออกต่อสู้ผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้ บัดนี้จงเอาหอกที่อยู่ตรงพระเศียรกับเหยือกน้ำ และให้เราไปกันเถิด”12
ดาวิดจึงเอาหอกและเหยือกน้ำจากที่พระเศียรของซาอูล และเขาทั้งสองก็ออกไป ไม่มีใครเห็นไม่มีใครทราบ และไม่มีคนใดตื่นเพราะเขาหลับสนิททุกคน เพราะพระเจ้าทรงบันดาลให้เขาหลับสนิท13
และดาวิดก็ข้ามไปอีกฟากหนึ่ง ไปยืนอยู่บนยอดเขาไกลออกไป มีที่ว่างกว้างใหญ่ระหว่างทั้งสองฝ่าย14
ดาวิดก็ตะโกนเรียกพวกพลและเรียกอับเนอร์บุตรเนอร์ว่า “อับเนอร์เอ๋ย ท่านไม่ตอบหรือ” แล้วอับเนอร์ตอบว่า “ใครนั่นที่มาร้องเรียกพระราชา”15
และดาวิดตอบอับเนอร์ว่า “ท่านไม่ใช่ผู้ชายดอกหรือ ในอิสราเอลมีใครเหมือนท่านบ้าง ทำไมท่านไม่เฝ้าพระราชาเจ้านายของท่านไว้ให้ดี เพราะมีคนหนึ่งเข้าไปจะทำลายพระราชาเจ้านายของท่าน16
ที่ท่านกระทำเช่นนี้ไม่ดีแน่ พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ท่านควรตายเพราะท่านมิได้เฝ้าเจ้านายของท่านไว้ให้ดี ผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมไว้ บัดนี้ตรวจดูทีว่า หอกของพระราชาอยู่ที่ไหน และเหยือกน้ำที่ตรงพระเศียรนั้นอยู่ที่ไหน”17
ซาอูลทรงจำสำเนียงดาวิดได้จึงตรัสว่า “ดาวิดบุตรของข้าเอ๋ย นี่เป็นเสียงของเจ้าหรือ” และดาวิดทูลว่า “ข้าแต่พระราชา เจ้านายของข้าพระบาท เป็นเสียงข้าพระบาทพ่ะย่ะค่ะ”18
และท่านทูลต่อไปว่า “ไฉนเจ้านายของข้าพระบาทจึงไล่ตามผู้รับใช้ของพระองค์ ข้าพระบาทได้กระทำอะไรไป มือข้าพระบาทผิดอย่างไรเล่า19
เพราะฉะนั้นบัดนี้ขอพระราชาเจ้านายของข้าพระบาท ทรงฟังเสียงผู้รับใช้ของฝ่าพระบาท ถ้าพระเจ้าทรงปลุกปั่นฝ่าพระบาทให้ต่อสู้ข้าพระบาท ขอพระเจ้าให้ได้รับเครื่องถวาย ถ้าเป็นคนยุ ก็ขอให้คนนั้นเป็นที่สาปแช่งต่อพระพักตร์พระเจ้า เพราะเขาได้ขับไล่ข้าพระบาทออกไปในวันนี้มิให้ ได้ส่วนมรดกของพระเจ้า โดยกล่าวว่า ‘จงไปปรนนิบัติพระอื่น’20
เพราะฉะนั้นบัดนี้ ขออย่าให้โลหิตของข้าพระบาทตกถึงดินไกลจากพระพักตร์ พระเจ้า เพราะพระราชาแห่งอิสราเอลได้ออกมาหาชีวิตหมัดตัวเดียว ดังผู้หนึ่งไล่ตามนกกระทาอยู่บนภูเขา”21
แล้วซาอูลตรัสว่า “ข้าได้กระทำผิดแล้ว ดาวิดบุตรของเราเอ๋ย จงกลับเถิด เราจะไม่ทำร้ายเจ้าอีกต่อไป เพราะในวันนี้ชีวิตของเราก็ประเสริฐในสายตาของเจ้า ดูเถิด เราสำแดงตัวเป็นคนเขลาและได้กระทำผิดมาก”22
และดาวิดทูลว่า “ข้าแต่พระราชา หอกนั้นอยู่ที่นี่ ขอรับสั่งให้คนหนุ่มคนหนึ่งมารับไปจากที่นี่23
พระเจ้าทรงประทานรางวัลแก่ทุกคนตาม ความชอบธรรมและความสัตย์ซื่อของเขา เพราะในวันนี้พระเจ้าทรงมอบฝ่าพระบาทไว้ในมือของ ข้าพระบาทแล้ว แต่ข้าพระบาทมิได้เหยียดมือออกต่อสู้ผู้ที่พระเจ้าทรง เจิมไว้24
ดูเถิด ในสายตาของข้าพระบาท ชีวิตของฝ่าพระบาท นั้นประเสริฐ จึงขอให้ชีวิตของข้าพระบาทประเสริฐในสายพระเนตร ของพระเจ้า และขอพระองค์ทรงช่วยกู้ข้าพระบาทให้พ้นจากบรรดา ความทุกข์ยากลำบาก”25
แล้วซาอูลจึงตรัสกับดาวิดว่า “ดาวิดบุตรของเราเอ๋ย ขอพระเจ้าทรงอวยพรเจ้า เจ้าจะกระทำหลายสิ่งหลายอย่างและจะสำเร็จแน่” ดาวิดจึงไปตามทางของท่านและซาอูลก็เสด็จกลับสู่ ราชสำนักของพระองค์