1
ทูตของพระเจ้าที่โบคิม ฝ่ายทูตของพระเจ้าได้ขึ้นไปจากกิลกาลถึงโบคิม และท่านกล่าวว่า “เราได้ให้เจ้าทั้งหลายขึ้นไปจากอียิปต์ และได้นำเจ้าเข้ามาในแผ่นดินซึ่งเราปฏิญาณไว้ แก่บรรพบุรุษของเจ้าเราว่า ‘เราจะไม่หักพันธสัญญาที่เราได้มีไว้กับเจ้าเลย2
และเจ้าทั้งหลายอย่าทำพันธสัญญา กับชาวแผ่นดินนี้เจ้าต้องทำลายแท่นบูชาของเขา เสีย’ อพย. 34:12-13; ฉธบ. 7:2-5 แต่เจ้ามิได้เชื่อฟังบัญชาของเรา เจ้าทำอะไรเช่นนี้เล่า3
ฉะนั้นเรากล่าวด้วยว่า เราจะไม่ขับไล่เขาเหล่านั้นออกไปให้พ้นหน้าเจ้า แต่เขาจะเป็นหอกข้างแคร่ของเจ้า และพระของเขาจะเป็นบ่วงดักเจ้า”4
อยู่มาเมื่อทูตของพระเจ้ากล่าว คำเหล่านี้แก่คนอิสราเอลแล้ว ประชาชนทั้งหลายก็ส่งเสียงร้องไห้5
และเขาเรียกที่ตำบลนั้นว่า โบคิม แปลว่า ผู้ร้องไห้ และเขาทั้งหลายได้ถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้าที่นั่นมรณกรรมของโยชูวา 6
( ยชว. 24:29-31 ) เมื่อโยชูวาปล่อยประชาชนไปแล้วคนอิสราเอล ต่างก็เข้าไปอยู่ในมรดกที่ดินของตนเพื่อยึดครอง7
ประชาชนทั้งหลายได้ปรนนิบัติพระเจ้าตลอดชีวิต ของโยชูวา และตลอดชีวิตของพวกผู้ใหญ่ที่มีอายุยืน นานกว่าโยชูวาผู้ซึ่งได้เห็นปวงมหกิจ ซึ่งพระเจ้าได้ทรงกระทำเพื่ออิสราเอล8
โยชูวาบุตรนูนผู้รับใช้ของพระเจ้า สิ้นชีวิตเมื่ออายุได้หนึ่งร้อยสิบปี9
เขาทั้งหลายก็ฝังท่านไว้ในเขตที่ดินมรดกของ ท่านที่เมืองทิมนาทเฮเรส ยชว. 19:49-50 ในแดนเทือกเขาเอฟราอิมทิศเหนือของภูเขากาอัช10
และชาติพันธุ์รุ่นนั้นทั้งสิ้น ก็ถูกรวบไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขา อีกชาติพันธุ์หนึ่งก็เกิดขึ้นตามมา เขาไม่รู้จักพระเจ้าหรือรู้พระราชกิจ ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำเพื่ออิสราเอล11
การที่อิสราเอลละทิ้งพระเจ้า และงานปฏิบัติของผู้วินิจฉัย คนอิสราเอลก็กระทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรพระเจ้า คือปรนนิบัติพระบาอัลทั้งหลาย12
เขาได้ละทิ้งพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเขา ผู้ทรงนำเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ และเขาทั้งหลายติดตามพระอื่นซึ่งเป็นพระของ ชนชาติทั้งหลายที่อยู่ล้อมรอบเขา กราบไหว้พระเหล่านั้น กระทำให้พระเจ้าทรงพิโรธ13
เขาทั้งหลายละทิ้งพระเจ้าไปปรนนิบัติพระบาอัล และพวกพระอัชทาโรท14
ดังนั้นพระพิโรธของพระเจ้าจึงพลุ่งขึ้นต่ออิสราเอล พระองค์จึงทรงมอบเขาไว้ในมือพวกปล้นผู้ปล้นเขา และทรงขายเขาไว้ในอำนาจของบรรดาศัตรูที่อยู่ รอบเขาทั้งหลาย ดังนั้นเขาทั้งหลายจึงต่อต้านพวก ศัตรูของเขาทั้งหลายต่อไปไม่ได้15
เขาทั้งหลายออกไปรบเมื่อไร พระหัตถ์ของพระเจ้าก็ต่อต้านเขา กระทำให้เขาพ่ายแพ้ดังที่พระเจ้าได้ตรัสไว้แล้ว และดังที่พระเจ้าทรงปฏิญาณไว้กับเขาและเขา ทั้งหลายก็มีความทุกข์ยิ่งนัก16
พระเจ้าทรงให้เกิดผู้วินิจฉัย ผู้ช่วยเขาทั้งหลายให้พ้นมือของผู้ที่ปล้นเขา17
แต่เขาทั้งหลายก็ยังไม่เชื่อฟังผู้วินิจฉัยทั้งหลายของเขา เพราะเขาทั้งหลายเล่นชู้กับพระอื่น และกราบไหว้พระอื่น ไม่ช้าเขาก็หันไปเสียจากทางซึ่งบรรพบุรุษของเขาได้ดำเนิน ผู้ได้เชื่อฟังพระธรรมบัญญัติของพระเจ้า แต่เขาทั้งหลายมิได้กระทำตาม18
พระเจ้าทรงตั้งผู้วินิจฉัยขึ้นเมื่อไร พระเจ้าก็ทรงสถิตกับผู้วินิจฉัยนั้นเมื่อนั้น และพระองค์ทรงช่วยเขาทั้งหลายให้พ้นจาก เงื้อมมือของศัตรูตลอด ชีวิตของผู้วินิจฉัย เพราะพระเจ้าทรงกลับพระทัยสงสารเขาทั้งหลาย เมื่อทรงฟังเสียงคร่ำครวญของเขาเนื่องด้วย ผู้ข่มเหงและบีบบังคับ19
แต่อยู่มาเมื่อผู้วินิจฉัยนั้นสิ้นชีวิต เขาทั้งหลายก็หันกลับประพฤติชั่วร้ายเสีย ยิ่งกว่าบิดาของเขาหลงไป ติดตามปรนนิบัติ และกราบไหว้พระอื่น เขามิได้เคยงดเว้นความชั่วที่เคยกระทำหรือหายจาก ทางดื้อดึงของเขา20
ดังนั้นพระพิโรธของพระเจ้าจึงพลุ่งขึ้นต่ออิสราเอล และพระองค์ตรัสว่า “เพราะประชาชาตินี้ได้ละเมิดต่อพันธสัญญา ซึ่งเราได้บัญชาไว้กับบรรพบุรุษของเขา และไม่ยอมฟังเสียงของเรา21
ดังนั้นตั้งแต่นี้ต่อไปเราจะไม่ขับไล่ประชาชาติใด ในบรรดาประชาชาติซึ่งโยชูวาทิ้งไว้เมื่อเขาสิ้น ชีวิตนั้นให้พ้นหน้า22
เพื่อเราจะใช้ประชาชาติเหล่านั้นทั้งสิ้น ทดสอบอิสราเอลว่า เขาจะรักษาพระมรรคาของพระเจ้าและดำเนิน ตามอย่างบรรพบุรุษของเขาหรือไม่”23
ดังพระเจ้าทรงปล่อยประชาชาติเหล่านั้นไว้ ไม่ทรงขับไล่ให้ออกไปเสียโดยเร็ว และพระองค์มิได้ทรงมอบเขาทั้งหลายไว้ในมือของโยชูวา