1
นครบาบิโลนล่ม ต่อจากนี้ข้าพเจ้าก็ได้เห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่ง ลงมาจากสวรรค์ท่านมีอำนาจใหญ่ยิ่ง และรัศมีของท่านได้ทำให้แผ่นดินโลกสว่าง2
ท่านได้ร้องประกาศด้วยเสียงกึกก้องว่า“บาบิโลนมหานครล่มจมแล้ว ล่มจมแล้ว อสย. 21:9; ยรม. 51:8; วว. 14:8กลายเป็นที่อาศัยของผีปีศาจเป็นที่สิงอยู่ของผีโสโครกทุกอย่าง และเป็นที่อาศัยของนกทุกอย่างที่ไม่สะอาดและน่าเกลียด อสย. 13:21; ยรม. 50:393
เพราะว่าประชาชาติทั้งปวงได้ดื่มเหล้าองุ่นแห่งความกำหนัด ในการล่วงประเวณีของนครนั้น อสย. 23:17; ยรม. 51:7และบรรดากษัตริย์บนแผ่นดินโลกได้ล่วงประเวณีกับนครนั้นและพ่อค้าทั้งหลายแห่งแผ่นดินโลกก็ได้มั่งมีขึ้น ด้วยทรัพย์ฟุ่มเฟือยของนครนั้น”4
และข้าพเจ้าได้ยินเสียงอีกเสียงหนึ่งประกาศมาจากสวรรค์ว่า “ดูก่อน ชนชาติของเราจงออกมาจากนครนั้นเถิด อสย. 48:20; ยรม. 50:8; 51:6, 45 เพื่อท่านทั้งหลายจะไม่มีส่วนในการบาปของนครนั้นและเพื่อท่านจะไม่ต้องรับภัยพิบัติที่จะเกิดแก่นครนั้น5
เพราะว่าบาปของนครนั้นกองสูงขึ้นถึงสวรรค์แล้ว ปฐก. 18:20-21; ยรม. 51:9และพระเจ้าได้ทรงจำการทุจริตแห่งนครนั้นได้6
นครนั้นได้ให้ผลอย่างไร ก็จงให้ผลแก่นครนั้นอย่างนั้น สดด. 137:8; ยรม. 50:29และจงตอบแทนการกระทำของนครนั้นเป็นสองเท่า ในถ้วยที่นครนั้นได้ผสมไว้ก็จงผสมลงในถ้วยนั้นเป็นสองเท่าให้นครนั้น7
นครบาบิโลนได้เย่อหยิ่งจองหองและเสเพลมากเท่าใดก็จงให้นครนั้นได้รับการทรมาน และความระทมทุกข์มากเท่านั้นเพราะว่านครนั้นทะนงใจว่า ‘เราดำรงอยู่ในตำแหน่งราชินี ไม่ใช่หญิงม่ายเราจะไม่ประสบความระทมทุกข์เลย’8
เหตุฉะนั้นภัยพิบัติต่างๆของนครนั้นจะเกิดขึ้นในวันเดียว อสย. 47:7-9คือโรคระบาด ความระทมทุกข์ การกันดารอาหารและไฟจะเผานครนั้นให้พินาศหมดสิ้นเพราะว่าพระเจ้าผู้ทรงพิพากษานครนั้นทรงอานุภาพยิ่งใหญ่”9
บรรดากษัตริย์แห่งแผ่นดินโลก ที่ได้ล่วงประเวณีกับนครนั้นและได้เสเพลร่วมกันนั้น เมื่อได้เห็นควันไฟที่ไหม้นครนั้นก็จะพิลาปร่ำไห้คร่ำครวญ10
พวกกษัตริย์จะยืนอยู่แต่ห่างๆ เพราะกลัวภัยแห่งการทรมานของนครนั้น และจะกล่าวว่า“วิบัติแล้ววิบัติแล้วบาบิโลนมหานครที่ยิ่งใหญ่เจ้าได้รับการพิพากษาโทษให้พินาศไปภายในชั่วโมงเดียวเท่านั้น” อสค. 26:16-1711
บรรดาพ่อค้าในแผ่นดินโลกจะร่ำไห้คร่ำครวญเพราะนครนั้น เพราะว่าไม่มีใครซื้อสินค้าของเขาอีกต่อไปแล้ว อสค. 27:31, 3612
สินค้าเหล่านั้นคือ ทองคำ เงิน เพชรพลอยต่างๆ ไข่มุก ผ้าป่านเนื้อละเอียด ผ้าสีม่วง ผ้าไหม ผ้าสีแดงเข้ม ไม้หอมทุกชนิด เครื่องที่ทำด้วยงา เครื่องไม้ที่มีราคามาก เครื่องทองสัมฤทธิ์ เครื่องเหล็ก เครื่องศิลาลาย13
อบเชย เครื่องเทศ เครื่องหอม มดยอบ กำยาน เหล้าองุ่น น้ำมัน ยอดแป้ง ข้าวสาลี โค แกะ ม้า รถรบ และทาส และชีวิตมนุษย์ อสค. 27:12-13, 2214
ผลซึ่งจิตของเจ้ากระหายใคร่ได้นั้นก็ล่วงพ้นไปจากเจ้าแล้วสิ่งสารพัดอันวิเศษยิ่งและหรูหราก็พินาศไปจากเจ้าแล้ว และเจ้าจะไม่ได้พบอีกเลย15
บรรดาพ่อค้าที่ได้ขายสิ่งของเหล่านั้น จนเป็นคนมั่งมีเพราะนครบาบิโลนนั้น จะยืนอยู่แต่ไกล เพราะกลัวภัยจากการทรมานของนครนั้น พวกเขาจะร้องไห้คร่ำครวญด้วยเสียงดัง อสค. 27:31, 3616
ว่า “วิบัติแล้ว วิบัติแล้วมหานครนั้นที่ได้นุ่งห่มผ้าป่านเนื้อละเอียด ผ้าสีม่วงและผ้าสีแดงเข้มที่ได้ประดับด้วยทองคำ เพชรพลอยต่างๆ และไข่มุกนั้น17
เพียงในชั่วโมงเดียว ทรัพย์สมบัติเหล่านั้นก็พินาศสูญไปสิ้น”และนายเรือทุกคน คนที่โดยสารเรือ พวกลูกเรือ และคนทั้งหลายที่มีอาชีพทางทะเลก็ได้ยืนอยู่แต่ห่างๆ อสย. 23:14; อสค. 27:26-3018
และเมื่อคนเหล่านั้นได้เห็นควันไฟที่ไหม้นครนั้นก็ร้องว่า“นครใดเล่าจะเป็นเหมือนมหานครนี้” อสค. 27:3219
และเขาก็โปรยผงคลีลงบนศีรษะของตน พลางร้องไห้คร่ำครวญ ว่า“วิบัติแล้ว วิบัติแล้วมหานครนี้อันเป็นที่ซึ่งคนทั้งปวง ที่มีเรือกำปั่นเดินทะเล ได้เป็นคนมั่งมีขึ้นด้วยทรัพย์สมบัติของนครนั้นภายในชั่วโมงเดียวนครนั้นก็เป็นที่ร้างเปล่า” อสค. 27:30-3420
แน่ะเมืองสวรรค์บรรดาธรรมิกชน อัครทูตและพวกผู้เผยพระวจนะทั้งหลาย จงร่าเริงยินดีเพราะนครนั้นเถิด ฉธบ. 32:43; ยรม. 51:48เพราะพระเจ้าได้ทรงพิพากษาลงโทษนครนั้นให้ท่านทั้งหลายแล้ว21
แล้วทูตสวรรค์องค์หนึ่งที่มีฤทธิ์มาก ก็ได้ยกหินก้อนหนึ่งเหมือนหินโม่ใหญ่ทุ่มลงไปในทะเลแล้วว่า“บาบิโลนมหานครนั้นจะถูกทุ่มลงโดยแรงอย่างนี้แหละ ยรม. 51:63-64และจะไม่มีใครเห็นนครนั้นอีกต่อไปเลย อสค. 26:2122
และจะไม่มีใครได้ยินเสียงนักดีดพิณ นักเล่นมโหรี นักเป่าขลุ่ยและนักเป่าแตรในเจ้าอีกต่อไป อสค. 26:13; อสย. 24:8และในเจ้าจะไม่มีช่างในวิชาช่างต่างๆ อีกต่อไปและจะไม่มีใครได้ยินเสียงโม่แป้งในเจ้าอีกต่อไป23
และในเจ้าจะไม่มีแสงประทีปส่องสว่างอีกต่อไปและจะไม่มีใครได้ยินเสียงเจ้าบ่าวเจ้าสาวในเจ้าอีกต่อไป ยรม. 7:34; 25:10 เพราะว่าบรรดาพ่อค้าของเจ้าได้เป็นคนใหญ่โตแห่งแผ่นดินโลกแล้วและวิทยาคมของเจ้าได้ล่อลวงบรรดาประชาชาติให้ลุ่มหลง24
และในนครนั้นเขาได้พบโลหิตของผู้เผยพระวจนะและพวกธรรมิกชนและบรรดาคนที่ถูกฆ่าบนแผ่นดินโลก ยรม. 51:49”