มา‌ระ‌โก-6

(พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 ที่นาซาเร็ธไม่รับพระเยซู ( มธ. 13:53-58 ; ลก. 4:16-30 )ฝ่ายพระเยซูได้เสด็จจากที่นั่นไปยังตำบลบ้านของพระองค์ และเหล่าสาวกก็ตามพระองค์ไป
  • 2 พอถึงวันสะบาโต พระองค์ทรงสั่งสอนในธรรมศาลา และคนเป็นอันมากที่ได้ยินพระองค์ก็ประหลาดใจนัก พูดกันว่า “คนนี้ได้ความคิดนี้มาจากไหน สติปัญญาที่ได้ประทานแก่คนนี้เป็นปัญญาอย่างใด การมหัศจรรย์อย่างนี้สำเร็จได้ด้วยมือของเขาเองหนอ
  • 3 คนนี้เป็นช่างไม้ หรือ ช่างก่อสร้าง บุตรนางมารีย์มิใช่หรือ ยากอบ โยเสส ยูดาส และซีโมนเป็นน้องชายมิใช่หรือ และน้องสาวก็อยู่ที่นี่กับเรามิใช่หรือ” เขาทั้งหลายจึงหมางใจในพระองค์
  • 4 ฝ่ายพระเยซูตรัสกับเขาว่า “ผู้เผยพระวจนะจะไม่ขาดความนับถือ เว้นแต่ในเมืองของตน ยน. 4:44 ท่ามกลางญาติพี่น้องของตน และในวงศ์วานของตน”
  • 5 พระองค์จะกระทำการมหัศจรรย์ที่นั่นไม่ได้ เว้นแต่ได้วางพระหัตถ์ถูกต้องคนเจ็บบางคนให้หายโรค
  • 6 พระองค์ก็ประหลาดพระทัยเพราะเขาไม่มีความเชื่อแล้วพระองค์จึงเสด็จไปสั่งสอนตามหมู่บ้านโดยรอบพระเยซูทรงใช้อัครทูตสิบสองคนออกไป
  • 7 ( มธ. 10:5-15 ; ลก. 9:1-6 ) พระองค์ทรงเรียกสาวกสิบสองคนมา แล้วทรงใช้เขาให้ออกไปเป็นคู่ๆ ทรงประทานอำนาจให้เขาขับผีร้ายออกได้
  • 8 และตรัสกำชับเขาไม่ให้เอาอะไรไปใช้ตามทาง เว้นแต่ไม้เท้าสิ่งเดียว ห้ามมิให้เอาอาหารหรือย่าม หรือหาสตางค์ใส่ไถ้ไป
  • 9 แต่ให้สวมรองเท้าและไม่ให้สวมเสื้อสองตัว
  • 10 แล้วพระองค์ตรัสสั่งเขาว่า “ถ้าไปแห่งใดเมื่อเข้าอาศัยในเรือนไหน ก็อาศัยในเรือนนั้น จนกว่าจะไปจากที่นั่น
  • 11 และถ้าแห่งไหนไม่ต้อนรับไม่ฟังท่านทั้งหลาย เมื่อจะไปจากที่นั่น จงสะบัดผงคลีใต้ฝ่าเท้าของท่านออก ส่อให้เห็นความผิดของเขา” กจ. 13:51 ลก. 10:4-11
  • 12 ฝ่ายเหล่าสาวกก็ออกไปเทศนาประกาศให้กลับใจเสียใหม่
  • 13 เขาได้ขับผีให้ออกเสียหลายผี และได้เอาน้ำมันทาคนเจ็บป่วยหลายคนให้หายโรค ยก. 5:14มรณกรรมของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา
  • 14 ( มธ. 14:1-12 ; ลก. 9:7-9 ) ฝ่ายกษัตริย์เฮโรดทรงทราบเรื่องของพระองค์ เพราะว่าพระนามของพระเยซูได้เลื่องลือไป บางคนพูดว่า “ยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมาเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว เหตุฉะนั้นจึงทำการมหัศจรรย์ได้”
  • 15 แต่คนอื่นว่าเป็นเอลียาห์ และคนอื่นๆว่าเป็นผู้เผยพระวจนะ เหมือนคนหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะโบราณ มธ. 16:14; มก. 8:28; ลก. 9:19
  • 16 ฝ่ายเฮโรดเมื่อทรงทราบแล้วจึงตรัสว่า “คือยอห์นนั้นเองที่เราได้ตัดศีรษะเสีย ท่านได้เป็นขึ้นมาจากความตาย”
  • 17 ด้วยว่าเฮโรดได้ใช้คนไปจับยอห์น ล่ามโซ่ขังคุกไว้ เพราะเห็นแก่นางเฮโรเดียสภรรยาฟีลิปน้องชายของตน ด้วยเฮโรดได้รับนางนั้นเป็นภรรยาของตน
  • 18 เพราะยอห์นได้เคยทูลเฮโรดว่า “ท่านไม่มีสิทธิ์รับภรรยาของน้องมาเป็นภรรยาของตน” ลก. 3:19-20
  • 19 นางเฮโรเดียสจึงผูกพยาบาทยอห์นและปรารถนาจะฆ่าเสีย แต่ฆ่าไม่ได้
  • 20 เพราะเฮโรดยำเกรงยอห์น ด้วยรู้ว่าท่านเป็นคนชอบธรรม และบริสุทธิ์ เฮโรดจึงได้ป้องกันไว้ เมื่อเฮโรดได้ยินคำสั่งสอนของท่านก็ให้ฉงนสนเท่ห์นัก แต่ก็ยังยินดีอยากฟัง
  • 21 ครั้นอยู่มาวันหนึ่งเป็นโอกาสดี คือเป็นวันฉลองวันกำเนิดของเฮโรด เฮโรดได้จัดการเลี้ยงขุนนางกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และคนสำคัญๆทั้งปวงในแคว้นกาลิลี
  • 22 เมื่อบุตรีของนางเฮโรเดียสเข้ามาเต้นรำ ทำให้กษัตริย์เฮโรด และแขกทั้งปวงชอบใจ กษัตริย์จึงตรัสกับหญิงสาวนั้นว่า “เธอจะขอสิ่งใดก็จะให้สิ่งนั้น”
  • 23 และกษัตริย์จึงทรงปฏิญาณตัวไว้ว่า “เธอจะขอสิ่งใดๆ เราจะให้สิ่งนั้น จนถึงกึ่งราชสมบัติ”
  • 24 หญิงสาวนั้นจึงออกไปถามมารดาว่า “ฉันจะขอสิ่งใดดี” มารดาจึงตอบว่า “จงขอศีรษะยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเถิด”
  • 25 ในทันใดนั้น หญิงสาวก็รีบเข้าไปเฝ้ากษัตริย์ทูลว่า “หม่อมฉันขอศีรษะยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา ใส่ถาดมาให้หม่อมฉันเดี๋ยวนี้เพคะ”
  • 26 กษัตริย์ทรงเป็นทุกข์นัก แต่เพราะเหตุได้ทรงปฏิญาณไว้ และเพราะเห็นแก่หน้าแขกก็ขัดไม่ได้
  • 27 ในขณะนั้นกษัตริย์จึงรับสั่งเพชฌฆาตให้ไปตัดศีรษะยอห์นมา เพชฌฆาตก็ไปตัดศีรษะยอห์นในคุก
  • 28 ใส่ถาดมาให้แก่หญิงสาวนั้น หญิงสาวนั้นก็เอาไปให้แก่มารดาของตน
  • 29 เมื่อศิษย์ของยอห์นรู้เหตุแล้ว ก็พากันมารับเอาศพของท่านไปฝังไว้ในอุโมงค์การเลี้ยงคนห้าพัน
  • 30 ( มธ. 14:13-21 ; ลก. 9:10-17 ; ยน. 6:1-14 ) ฝ่ายอัครทูต แปลว่า ผู้ที่ทรงใช้ไปพากันมาหาพระเยซู และได้ทูลถึงบรรดาการซึ่งเขาได้กระทำ และได้สั่งสอน
  • 31 แล้วพระองค์ตรัสแก่เขาว่า “ท่านทั้งหลายจงไปหาที่เปลี่ยวหยุดพักหายเหนื่อยสักหน่อยหนึ่ง” เพราะว่ามีคนไปมาเป็นอันมากจนไม่มีเวลาว่างจะรับประทานอาหารได้
  • 32 พระองค์จึงเสด็จลงเรือกับสาวกไปยังที่เปลี่ยวแต่ลำพัง
  • 33 คนเป็นอันมากเห็นพระองค์กับสาวกกำลังไป และจำได้ จึงพากันวิ่งออกจากบ้านเมืองทั้งปวงไปถึงก่อน
  • 34 ครั้นพระเยซูเสด็จขึ้นจากเรือแล้ว ก็ทรงเห็นประชาชนหมู่ใหญ่ และพระองค์ทรงสงสารเขา เพราะว่าเขาเป็นเหมือนฝูงแกะไม่มีผู้เลี้ยง กดว. 27:17;1 พกษ. 22:17;2 พศด. 18:16; อสค. 34:5; ศคย. 10:2; มธ. 9:36 พระองค์จึงทรงสั่งสอนเขาเป็นหลายข้อหลายประการ
  • 35 เมื่อเวลาล่วงไปเกือบจะค่ำแล้ว พวกสาวกมาทูลพระองค์ว่า “ที่นี่กันดารอาหารนัก และบัดนี้เวลาก็เย็นลงมากแล้ว
  • 36 ขอพระองค์ทรงให้ประชาชนไปเสียเถิด เพื่อเขาจะได้ไปซื้ออาหารรับประทานตามบ้านไร่ บ้านนาที่อยู่แถบนี้”
  • 37 แต่พระองค์ตรัสตอบแก่เหล่าสาวกว่า “พวกท่านจงเลี้ยงเขาเถิด” เขาทูลพระองค์ว่า “จะให้พวกข้าพระองค์ไปซื้ออาหารสักสองร้อยเหรียญเดนาริอัน หนึ่งเหรียญเดนาริอันเป็นจำนวนเงินที่จ้างคนงานให้ทำงานหนึ่งวัน ให้เขารับประทานหรือ”
  • 38 พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “พวกท่านมีขนมปังอยู่กี่ก้อน ไปดูซิ” เมื่อรู้แล้วเขาจึงทูลว่า “มีขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว”
  • 39 พระองค์จึงตรัสสั่งคนทั้งปวง ให้นั่งรวมกันที่หญ้าสดเป็นหมู่ๆ
  • 40 ประชาชนก็ได้นั่งรวมกันเป็นหมู่ๆ หมู่ละร้อยคนบ้าง ห้าสิบบ้าง
  • 41 เมื่อพระองค์ทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวนั้นแล้ว ก็แหงนพระพักตร์ดูฟ้าสวรรค์ ถวายคำสาธุการแล้วหักขนมปังนั้นให้เหล่าสาวก ให้เขาแจกแก่คนทั้งปวง และปลาสองตัวนั้น พระองค์ทรงแบ่งให้ทั่วกันด้วย
  • 42 เขาได้กินอิ่มทุกคน
  • 43 ส่วนเศษขนมปังและปลาที่เหลือนั้น เขาเก็บไว้ได้ถึงสิบสองกระบุงเต็ม
  • 44 และในจำนวนคนที่ได้รับประทานขนมปังนั้นมีผู้ชายห้าพันคนพระเยซูทรงดำเนินบนทะเล
  • 45 ( มธ. 14:22-27 ; ยน. 6:16-21 ) ครั้นแล้วพระองค์ได้ตรัสให้เหล่าสาวกของพระองค์ ลงเรือข้ามไปยังเมืองเบธไซดาก่อน ส่วนพระองค์ทรงรอส่งประชาชนกลับบ้าน
  • 46 เมื่อพระองค์ทรงลาเขาทั้งหลายแล้ว ก็เสด็จขึ้นภูเขาเพื่ออธิษฐานที่นั่น
  • 47 เมื่อค่ำลงแล้ว เรือของเหล่าสาวกอยู่กลางทะเล ส่วนพระองค์อยู่บนฝั่งแต่ผู้เดียว
  • 48 แล้วพระองค์ทอดพระเนตรเห็นเหล่าสาวกตีกรรเชียงลำบากเพราะทวนลมอยู่ ครั้นเวลาสามยามเศษ พระองค์จึงทรงดำเนินบนน้ำทะเลไปยังเหล่าสาวก และพระองค์ทรงดำเนินดังจะเลยเขาไป
  • 49 เมื่อเหล่าสาวกเห็นพระองค์ทรงดำเนินบนทะเล เขาสำคัญว่าผี แล้วพากันร้องอึงไป
  • 50 เพราะว่าทุกคนเห็นแล้วก็กลัว แต่ในทันใดนั้นพระองค์ทรงออกพระโอษฐ์ตรัสแก่เขาว่า “ทำใจให้ดีไว้เถิด เราเอง อย่ากลัวเลย”
  • 51 พระองค์จึงเสด็จขึ้นไปหาเขาบนเรือแล้วลมก็เงียบลง
  • 52 เหล่าสาวกก็ประหลาดอัศจรรย์ใจเหลือประมาณ เพราะว่าเรื่องขนมปังนั้นเขายังไม่เข้าใจ แต่ใจเขายังมืดมัวอยู่พระเยซูทรงรักษาคนเจ็บป่วยในเยนเนซาเรท
  • 53 ( มธ. 14:34-36 ) ครั้นข้ามฟากไปแล้ว เขาจอดเรือที่แขวงเยนเนซาเรท
  • 54 เมื่อขึ้นจากเรือแล้วคนทั้งปวงก็จำพระองค์ได้ทันที
  • 55 และเขารีบไปทั่วตลอดแว่นแคว้นล้อมรอบ เอาคนเจ็บป่วยใส่แคร่หามมายังตำบลที่เขาได้ยินข่าวว่าพระองค์อยู่นั้น
  • 56 แล้วพระองค์เสด็จไปที่ไหนๆ ไม่ว่าในหมู่บ้าน ในตำบล หรือในเมือง เขาก็เอาคนเจ็บป่วยมาวางตามตลาด ทูลขอพระองค์โปรดให้คนเจ็บป่วยแตะต้องแต่ชายฉลองพระองค์ และผู้ใดได้แตะต้องแล้วก็หายป่วยทุกคน
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页