มา‌ระ‌โก-12

(พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 คำอุปมาเรื่องสวนองุ่นและคนเช่า ( มธ. 21:33-46 ; ลก. 20:9-19 )พระองค์จึงตรัสแก่เขาเป็นคำอุปมาว่า “ยังมีชายคนหนึ่งได้ทำสวนองุ่น อสย. 5:1-2 แล้วล้อมรั้วไว้รอบ เขาได้สกัดบ่อเก็บน้ำองุ่น และสร้างหอเฝ้าให้ชาวสวนเช่า แล้วก็ไปต่างประเทศเสีย
  • 2 ครั้นถึงฤดูผลองุ่น เขาจึงใช้บ่าวคนหนึ่งไปหาคนเช่าสวนนั้น เพื่อจะได้รับส่วนผลองุ่นจากสวนของเขา
  • 3 ฝ่ายคนเหล่านั้นก็จับบ่าวนั้นเฆี่ยนตีแล้วไล่ให้กลับไปมือเปล่า
  • 4 อีกครั้งหนึ่งเจ้าของสวนใช้บ่าวอีกคนหนึ่งไปหาคนเช่าสวน คนเช่าสวนนั้นก็ประทุษร้ายทำให้ศีรษะบ่าวนั้นแตก และทำการน่าอัปยศต่างๆ
  • 5 ภายหลังเจ้าของใช้บ่าวไปอีกคนหนึ่ง เขาก็ฆ่าบ่าวนั้นเสีย แล้วยังใช้บ่าวไปอีกหลายคน เขาก็เฆี่ยนตีบ้าง ฆ่าเสียบ้าง
  • 6 เจ้าของสวนยังมีอีกคนหนึ่งเป็นบุตรชายที่รัก จึงใช้บุตรคนนั้นไปเป็นครั้งที่สุด พูดว่า ‘เขาคงจะเคารพบุตรของเรา’
  • 7 แต่คนเช่าสวนพูดกันว่า ‘คนนี้แหละเป็นทายาท ฆ่าเสียเถิด แล้วมรดกนั้นจะตกอยู่กับเรา’
  • 8 เขาจึงพากันจับบุตรนั้นฆ่าเสีย และเอาศพทิ้งไว้นอกสวน
  • 9 เจ้าของสวนจะทำประการใด ท่านก็จะมาฆ่าคนเช่าสวนเหล่านั้นเสีย แล้วจะเอาสวนองุ่นนั้นให้ผู้อื่นเช่า
  • 10 ท่านทั้งหลายอ่านพระคัมภีร์ตอนนี้แล้วมิใช่หรือซึ่งว่า‘ศิลาซึ่งช่างก่อได้ทอดทิ้งเสียยังได้เป็นศิลามุมเอกแล้ว
  • 11 การนี้เป็นมาจากพระเจ้าเป็นการมหัศจรรย์ประจักษ์ตาเรา’ สดด. 118:22-23 ”
  • 12 ฝ่ายเขาจึงอยากจะจับพระองค์ แต่ว่าเขากลัวประชาชน ด้วยเขารู้อยู่ว่าพระองค์ได้ตรัสคำอุปมานี้กระทบพวกเขาเอง แล้วเขาก็ไปจากพระองค์การเสียส่วยให้แก่ซีซาร์
  • 13 ( มธ. 22:15-22 ; ลก. 20:20-26 ) เขาจึงใช้บางคนในพวกฟาริสีและพวกเฮโรดไปหาพระองค์ เพื่อจะคอยจับความผิดในพระดำรัสของพระองค์
  • 14 ครั้นมาถึงแล้วก็ทูลพระองค์ว่า “อาจารย์เจ้าข้า ข้าพเจ้าทั้งหลายทราบอยู่ว่า ท่านเป็นคนสัตย์ซื่อและมิได้เอาใจผู้ใด เพราะท่านมิได้เห็นแก่หน้าผู้ใด แต่สั่งสอนทางของพระเจ้าจริงๆ การที่จะส่งส่วยให้แก่ซีซาร์นั้นควรหรือไม่
  • 15 เราจะส่งดีหรือไม่ส่งดี” แต่พระองค์ทรงทราบอุบายของเขาจึงตรัสว่า “ท่านทั้งหลายมาจับผิดเราทำไม จงเอาเดนาริอันเหรียญหนึ่งมาให้เราดู”
  • 16 เขาก็เอามาให้ พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า “รูปและคำจารึกนี้เป็นของใคร” เขาทูลตอบพระองค์ว่า “ของซีซาร์”
  • 17 พระเยซูจึงตรัสแก่เขาว่า “ของของซีซาร์จงถวายแก่ซีซาร์ และของของพระเจ้าจงถวายแด่พระเจ้า” ฝ่ายเขาก็ประหลาดใจในพระองค์ยิ่งนักปัญหาเรื่องการคืนชีพ
  • 18 ( มธ. 22:23-33 ; ลก. 20:27-40 ) มีพวกสะดูสีบางคนมาหาพระองค์ พวกนี้เป็นผู้สอนว่าการฟื้นขึ้นมาจากความตายนั้นไม่มี กจ. 23:8 เขาทูลถามพระองค์ว่า
  • 19 “อาจารย์เจ้าข้า โมเสสได้เขียนสั่งข้าพเจ้าทั้งหลายไว้ว่า ถ้าชายผู้ใดตายและภรรยายังอยู่ แต่ไม่มีบุตร ก็ให้น้องชายรับพี่สะใภ้นั้นไว้เป็นภรรยาของตน เพื่อสืบเผ่าพันธุ์ของพี่ชายไว้ ฉธบ. 25:5
  • 20 ยังมีชายพี่น้องเจ็ดคน พี่หัวปีมีภรรยาแล้วตาย ไม่มีบุตร
  • 21 น้องที่หนึ่งจึงรับหญิงนั้นมาเป็นภรรยา แล้วก็ตายยังไม่มีบุตร และน้องที่สองก็รับไว้เหมือนกัน แต่ก็ตายไม่มีบุตร
  • 22 พี่น้องทั้งเจ็ดคนนี้ก็ได้รับผู้หญิงนั้นไว้เป็นภรรยาและไม่มีบุตร ที่สุดผู้หญิงนั้นก็ตายด้วย
  • 23 เหตุฉะนั้นในวันที่จะฟื้นขึ้นมาจากความตาย หญิงนั้นจะเป็นภรรยาของใคร ด้วยนางได้เป็นภรรยาของชายทั้งเจ็ดแล้ว”
  • 24 พระเยซูจึงตรัสแก่เขาว่า “เพราะข้อต่อไปนี้พวกท่านผิดแล้วมิใช่หรือ คือท่านทั้งหลายไม่รู้พระคัมภีร์หรือฤทธิ์เดชของพระเจ้า
  • 25 เพราะเมื่อมนุษย์จะฟื้นขึ้นมาจากความตายนั้น จะไม่มีการสมรสหรือยกให้เป็นสามีภรรยากันอีก แต่จะเป็นเหมือนทูตในฟ้าสวรรค์
  • 26 แต่เรื่องคนซึ่งตายแล้วที่เขาจะถูกชุบให้เป็นขึ้นอีกนั้น ท่านทั้งหลายยังไม่ได้อ่านคัมภีร์ของโมเสสตอนเรื่องพุ่มไม้หรือ ซึ่งพระเจ้าได้ตรัสไว้กับโมเสสว่า เราเป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ อพย. 3:6
  • 27 พระองค์มิได้เป็นพระเจ้าของคนตาย แต่ทรงเป็นพระเจ้าของคนเป็น ท่านทั้งหลายผิดมากทีเดียว”ธรรมบัญญัติข้อใหญ่
  • 28 ( มธ. 22:34-40 ) มีธรรมาจารย์คนหนึ่ง เมื่อมาถึงได้ยินเขาไล่เลียงกัน และเห็นว่าพระองค์ทรงตอบเขาได้ดีจึงทูลถามพระองค์ว่า “ธรรมบัญญัติข้อใดเป็นเอกเป็นใหญ่กว่าธรรมบัญญัติทั้งปวง”
  • 29 พระเยซูจึงตรัสตอบคนนั้นว่า “ธรรมบัญญัติเอกนั้นคือว่า โอ ชนอิสราเอลจงฟังเถิด พระเจ้าของเราทั้งหลายทรงเป็นพระเจ้าเดียว
  • 30 และพวกท่านจงรักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน ด้วยสุดความคิดและด้วยสิ้นสุดกำลังของท่าน ฉธบ. 6:4-5
  • 31 และธรรมบัญญัติที่สองนั้นคือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ลนต. 19:18 ธรรมบัญญัติอื่นที่ใหญ่กว่าธรรมบัญญัติทั้งสองนี้ไม่มี”
  • 32 ฝ่ายธรรมาจารย์คนนั้นทูลว่า “ดีแล้วอาจารย์เจ้าข้า ท่านกล่าวถูกจริงว่าพระเจ้ามีแต่พระองค์เดียว และนอกจากพระองค์แล้วพระเจ้าอื่นไม่มีเลย ฉธบ. 4:35
  • 33 และซึ่งจะรักพระองค์ด้วยสุดจิตใจ สุดความเข้าใจและสิ้นสุดกำลัง และรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ก็ประเสริฐกว่าเครื่องเผาบูชาและของถวายทั้งสิ้น ฮชย. 6:6”
  • 34 เมื่อพระเยซูทรงเห็นแล้วว่าคนนั้นพูดโดยใช้ความคิด จึงตรัสแก่เขาว่า “ท่านไม่ไกลจากแผ่นดินของพระเจ้า” ตั้งแต่นั้นไปไม่มีใครอาจถามพระองค์ต่อไปอีก ลก. 10:25-28ปัญหาเรื่องเชื้อสายของดาวิด
  • 35 ( มธ. 22:41-46 ; ลก. 20:41-44 ) เมื่อพระเยซูทรงสั่งสอนอยู่ในบริเวณพระวิหารได้ตรัสถามว่า “ที่พวกธรรมาจารย์ว่าพระคริสต์เป็นเชื้อสายของดาวิดนั้นเป็นได้อย่างไร
  • 36 ด้วยว่ากษัตริย์ดาวิดเองทรงกล่าวโดยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่าพระเจ้าตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า‘จงนั่งที่ขวามือของเราจนกว่าเราจะปราบศัตรูของท่านให้อยู่ใต้เท้าท่าน’ สดด. 110:1
  • 37 กษัตริย์ดาวิดยังได้ทรงเรียกท่านว่า เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านจะเป็นเพียงเชื้อสายของดาวิดอย่างไรได้” ฝ่ายประชาชนฟังพระองค์ด้วยความยินดีพระเยซูทรงประณามพวกธรรมาจารย์
  • 38 ( มธ. 23:1-36 ; ลก. 11:37-54 ; 20:45-47 ) พระเยซูตรัสสอนเขาว่า “จงระวังพวกธรรมาจารย์ให้ดี ผู้ที่ชอบสวมเสื้อยาวเดินไปมา ชอบให้คนคำนับกลางตลาด
  • 39 ชอบนั่งข้างหน้าในธรรมศาลาและในการเลี้ยง
  • 40 เขามักริบเอาเรือนของหญิงม่าย และแสร้งอธิษฐานเสียยืดยาว เขาทั้งหลายจะต้องมีโทษหนักยิ่งขึ้น”เงินถวายของหญิงม่าย
  • 41 ( ลก. 21:1-4 ) พระเยซูได้เสด็จประทับตรงหน้าตู้เก็บเงินถวาย ทรงสังเกตประชาชนเอาเงินมาใส่ไว้ในตู้นั้น และคนมั่งมีหลายคนเอาเงินมากมาใส่ในที่นั้น
  • 42 มีหญิงม่ายคนหนึ่งเป็นคนจนเอาเหรียญทองแดงสองอัน มีค่าประมาณสลึงหนึ่งมาใส่ไว้
  • 43 พระองค์จึงทรงเรียกเหล่าสาวกมาตรัสแก่เขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า หญิงม่ายจนคนนี้ได้ใส่ไว้ในตู้เก็บเงินถวายมากกว่าคนทั้งปวงที่ใส่ไว้นั้น
  • 44 เพราะว่าคนทั้งปวงนั้นได้เอาเงินเหลือใช้ของเขามาใส่ไว้ แต่ผู้หญิงนี้ขัดสนที่สุด ยังได้เอาเงินที่มีอยู่สำหรับเลี้ยงชีวิตของตนมาใส่จนหมด”
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页