ผู้‍วินิจ‌ฉัย-9

(ฉบับมาตรฐาน 2011)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 อาบีเมเลคพยายามสถาปนาตัวเองเป็นกษัตริย์ ส่วนอาบีเมเลคบุตรเยรุบบาอัลก็ไปหาญาติของมารดาที่เมืองเชเคม แล้วพูดกับเขาทั้งหลายและกับวงศาคณาญาติมารดาของตนว่า
  • 2 “ขอบอกความนี้ให้เข้าหูชาวเมืองเชเคมเถิดว่า ‘จะให้บุตรเยรุบบาอัลทั้งเจ็ดสิบคนครอบครองท่านทั้งหลายดี หรือจะให้ผู้เดียวปกครองดี’ ขอระลึกไว้ด้วยว่า ตัวข้าพเจ้านี้เป็นเลือดเนื้อเดียวกับท่านทั้งหลาย”
  • 3 ฝ่ายญาติของมารดาของเขาก็กล่าวคำเหล่านี้ให้เข้าหูชาวเชเคม จิตใจของชาวเมืองก็เอนเอียงเข้าข้างอาบีเมเลค ด้วยพวกเขากล่าวกันว่า “เขาเป็นญาติของเรา”
  • 4 เขาทั้งหลายจึงเอาเงิน 70 แผ่นออกจากวิหารพระบาอัลเบรีทดูเชิงอรรถ วนฉ.8:33มอบให้อาบีเมเลค อาบีเมเลคก็เอาเงินนั้นไปจ้างพวกนักเลงไว้ติดตามตน
  • 5 เขาจึงไปที่บ้านบิดาของเขาที่เมืองโอฟราห์ ฆ่าพี่น้องของตน คือบุตรเยรุบบาอัลทั้ง 70 คนที่ศิลาแผ่นเดียว เหลือแต่โยธามบุตรสุดท้องของเยรุบบาอัลเพราะเขาซ่อนตัวเสีย
  • 6 ชาวเมืองเชเคมและชาวเบธมิลโลทั้งสิ้นก็มาประชุมพร้อมกัน ตั้งอาบีเมเลคให้เป็นกษัตริย์ที่ข้างต้นโอ๊กข้อนี้และข้อ 37 ดู เชิงอรรถ วนฉ.4:11แห่งเสาศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในเมืองเชเคม
  • 7 อุปมาเรื่องต้นไม้ต่างๆ เมื่อโยธามทราบเรื่อง เขาก็ขึ้นไปยืนอยู่บนยอดภูเขาเกริซิม ตะเบ็งเสียงตะโกนบอกเขาทั้งหลายว่า “ชาวเมืองเชเคมเอ๋ย ขอจงฟังข้า เพื่อพระเจ้าจะทรงฟังเสียงของเจ้าทั้งหลาย
  • 8 ครั้งหนึ่งต้นไม้ต่างๆ ได้ออกไปเจิมตั้งต้นไม้ต้นหนึ่งไว้เป็นราชา พวกมันไปเชิญต้นมะกอกว่า ‘เชิญท่านปกครองเราเถิด’
  • 9 แต่ต้นมะกอกตอบว่า ‘จะให้ฉันหยุดผลิตน้ำมันซึ่งเขาใช้ถวายเกียรติแด่พระและแก่มนุษย์ เพื่อไปกวัดแกว่งอยู่เหนือต้นไม้ทั้งหลายหรือ?’
  • 10 แล้วต้นไม้เหล่านั้นจึงไปพูดกับต้นมะเดื่อว่า ‘เชิญท่านมาปกครองเราเถิด’
  • 11 แต่ต้นมะเดื่อตอบว่า ‘จะให้ฉันหยุดผลิตรสหวานและผลดีของฉัน และไปกวัดแกว่งอยู่เหนือต้นไม้ทั้งหลายหรือ?’
  • 12 ต้นไม้เหล่านั้นก็ไปพูดกับเถาองุ่นว่า ‘เชิญท่านมาปกครองเราเถิด’
  • 13 แต่เถาองุ่นตอบว่า ‘จะให้ฉันหยุดผลิตเหล้าองุ่นอันเป็นที่ชื่นใจพระและมนุษย์ไปกวัดแกว่งอยู่เหนือต้นไม้ทั้งหลายหรือ?’
  • 14 ต้นไม้ทั้งสิ้นก็ไปพูดกับต้นหนามว่า ‘เชิญท่านมาปกครองเราเถิด’
  • 15 ต้นหนามจึงตอบต้นไม้ทั้งหลายว่า ‘ถ้าท่านทั้งหลายจะเจิมตั้งฉันให้เป็นราชาของท่านจริงๆ จงมาอาศัยใต้ร่มเงาของฉันเถิด มิฉะนั้นก็ให้ไฟเกิดจากต้นหนามเผาผลาญต้นสนสีดาร์เลบานอนเสีย’
  • 16 “เวลานี้เจ้าทั้งหลายตั้งอาบีเมเลคเป็นกษัตริย์ ถ้าทำด้วยความจริงใจและเที่ยงธรรม และถ้าได้ทำดีต่อเยรุบบาอัลและครอบครัวของท่านสมกับความดีที่มือท่านได้ทำไว้
  • 17 (เพราะว่าบิดาของเราได้สู้รบเพื่อเจ้าทั้งหลาย และเสี่ยงชีวิตช่วยเจ้าทั้งหลายให้พ้นจากมือพวกมีเดียน
  • 18 แต่ในวันนี้เจ้าทั้งหลายได้ลุกขึ้นทำร้ายเชื้อสายบิดาของข้า ได้ฆ่าบุตรชายทั้งเจ็ดสิบคนของท่านเสียบนศิลาแผ่นเดียว แล้วตั้งอาบีเมเลคลูกหญิงคนใช้ขึ้นเป็นกษัตริย์ ปกครองชาวเชเคม เพราะว่าเขาเป็นญาติของเจ้าทั้งหลาย)
  • 19 ถ้าเจ้าทั้งหลายได้ทำด้วยความจริงใจและเที่ยงธรรมต่อเยรุบบาอัล และครอบครัวของท่านในวันนี้ ก็จงชื่นชมในอาบีเมเลคเถิด และให้เขามีความชื่นชมยินดีในเจ้าทั้งหลาย
  • 20 แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น ก็ขอให้ไฟออกมาจากอาบีเมเลค เผาผลาญชาวเมืองเชเคมและเบธมิลโล และให้ไฟออกมาจากชาวเมืองเชเคม และจากเบธมิลโลเผาผลาญอาบีเมเลคเสีย”
  • 21 โยธามก็รีบหนีไปยังเบเออร์อาศัยอยู่ที่นั่น เพราะกลัวอาบีเมเลคพี่ชายของตน
  • 22 ความพินาศของอาบีเมเลค อาบีเมเลคครอบครองอิสราเอลอยู่ได้ 3 ปี
  • 23 พระเจ้าทรงใช้วิญญาณชั่วเข้าแทรกระหว่างอาบีเมเลคกับชาวเมืองเชเคม ชาวเมืองเชเคมก็กบฏต่ออาบีเมเลค
  • 24 เพื่อทารุณกรรมที่ได้ทำแก่บุตร 70 คนของเยรุบบาอัลจะถูกสนองตอบ และโลหิตของเขาเหล่านั้นจะตกบนอาบีเมเลค พี่น้องผู้ได้ประหารพวกเขาและตกแก่ชาวเมืองเชเคม ผู้สนับสนุนอาบีเมเลคให้ฆ่าพี่น้องของตน
  • 25 ชาวเมืองเชเคมได้วางคนซุ่มซ่อนไว้ต่อสู้อาบีเมเลคที่บนยอดภูเขา พวกเขาก็ปล้นทุกคนที่ผ่านไปมาทางนั้น และมีคนบอกอาบีเมเลคให้ทราบ
  • 26 กาอัลบุตรเอเบดกับญาติๆ ของเขาเข้าไปในเมืองเชเคม และชาวเชเคมไว้เนื้อเชื่อใจเขา
  • 27 เขาทั้งหลายพากันออกไปในสวนภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า ท้องทุ่งเก็บผลองุ่นมาย่ำ ทำการเลี้ยงรื่นเริงและเข้าไปในวิหารแห่งพระของพวกเขา เขาทั้งหลายกินและดื่ม และแช่งด่าอาบีเมเลค
  • 28 กาอัลบุตรเอเบดจึงกล่าวว่า “อาบีเมเลคคือใคร? และเชเคมเป็นใครกันที่เราต้องปรนนิบัติเขา? เขาไม่ใช่บุตรของเยรุบบาอัลหรือ? และเศบุลไม่ใช่เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยของเขาหรือ? จงปรนนิบัติแปลได้อีกว่า พวกเขาปรนนิบัติคนฮาโมร์ บิดาของเชเคม ทำไมเราต้องปรนนิบัติอาบีเมเลคด้วย?
  • 29 ถ้าคนเมืองนี้อยู่ใต้ปกครองของข้านะ ข้าจะถอดอาบีเมเลคเสีย ข้าจะท้าเอบีเมเลคว่า ‘จงเพิ่มกองทัพของเจ้าขึ้น แล้วออกมาเถิด’ ”
  • 30 พอเศบุลเจ้าเมืองได้ยินถ้อยคำของกาอัลบุตรเอเบดก็โกรธ
  • 31 จึงส่งผู้สื่อสารไปยังอาบีเมเลคที่อารูมาห์ฉบับฮีบรูว่า โทรมาห์กล่าวว่า “นี่แน่ะ กาอัลบุตรเอเบดและญาติๆ ของเขามาที่เมืองเชเคม ยุแหย่เมืองนั้นให้ต่อสู้กับท่าน
  • 32 บัดนี้ขอท่านจงลุกขึ้นในเวลากลางคืน ทั้งท่านและกองทัพที่อยู่กับท่านไปซุ่มคอยอยู่ในทุ่งนา
  • 33 รุ่งเช้าพอดวงอาทิตย์ขึ้น ท่านจงลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ รีบรุกเข้าเมือง และนี่แน่ะ เมื่อกาอัลกับกองทัพที่อยู่กับเขาออกมาต่อสู้ท่าน ท่านจงทำแก่พวกเขาตามแต่โอกาสจะอำนวย”
  • 34 อาบีเมเลค และกองทัพทั้งสิ้นที่อยู่กับเขาก็ลุกขึ้นในเวลากลางคืน แบ่งออกเป็นสี่กองไปซุ่มคอยสู้เมืองเชเคม
  • 35 กาอัลบุตรเอเบดก็ออกไปยืนอยู่ที่ทางเข้าประตูเมือง อาบีเมเลคก็ลุกขึ้นพร้อมกับกองทัพที่อยู่กับเขา ออกมาจากที่ซุ่มซ่อน
  • 36 และเมื่อกาอัลเห็นฝูงชน จึงพูดกับเศบุลว่า “ดูซิ ฝูงชนกำลังเคลื่อนลงมาจากยอดภูเขา” เศบุลตอบเขาว่า “ท่านเห็นเงาภูเขาเป็นคนไป”
  • 37 กาอัลพูดขึ้นอีกว่า “ดูซิ ฝูงชนกำลังออกมาจากทับบูร์ฮาอาเรสภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า ตอนกลางของแผ่นดิน กลุ่มหนึ่งกำลังออกมาจากทางต้นโอ๊กของผู้ทำนาย”
  • 38 เศบุลก็กล่าวแก่กาอัลว่า “ปากของท่านอยู่ที่ไหนเดี๋ยวนี้ ท่านผู้ที่กล่าวว่า ‘อาบีเมเลคเป็นใครที่เราต้องปรนนิบัติ?’ คนเหล่านี้เป็นคนที่ท่านหมิ่นประมาทไม่ใช่หรือ? จงยกออกไปรบกับเขาเถิด”
  • 39 กาอัลก็เดินนำหน้าชาวเมืองเชเคมออกไปต่อสู้กับอาบีเมเลค
  • 40 อาบีเมเลคก็ขับไล่กาอัลหนีไป มีคนบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมากจนถึงทางเข้าประตูเมือง
  • 41 ส่วนอาบีเมเลคก็อาศัยอยู่ที่อารูมาห์ และเศบุลก็ขับไล่กาอัลกับญาติๆ ของเขาออกไป ไม่ให้อยู่ที่เมืองเชเคมต่อไป
  • 42 รุ่งขึ้น ชาวเมืองนั้นออกไปที่ทุ่งนา อาบีเมเลคก็ทราบเรื่อง
  • 43 เขาจึงแบ่งคนของเขาออกเป็นสามกอง ซุ่มคอยที่ทุ่งนา เขามองดู เมื่อคนออกจากเมือง เขาจึงลุกขึ้นประหารเสีย
  • 44 อาบีเมเลคกับกองทหารที่อยู่ด้วยก็รุกไปยืนอยู่ที่ทางเข้าประตูเมือง ฝ่ายทหารอีกสองกองก็รุกเข้าโจมตีคนทั้งหมดที่ในทุ่งนาและประหารเสีย
  • 45 อาบีเมเลคโจมตีเมืองนั้นตลอดวันจนยึดเมืองได้ และฆ่าฟันประชาชนที่อยู่ในเมืองนั้นเสีย อีกทั้งทำลายเมืองนั้นด้วย แล้วก็หว่านเกลือลงไป
  • 46 เมื่อพวกผู้นำทั้งสิ้นที่หอรบเมืองเชเคมได้ยินเช่นนั้น ก็หนีเข้าไปอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินแปลได้อีกว่า ที่หลบภัย หรือ ที่ซ่อนตัวในวิหารของพระเอลเบรีทแปลว่า พระแห่งพันธสัญญาเหมือนกับบาอัลแห่งพันธสัญญา ดูเชิงอรรถ วนฉ.8:33
  • 47 มีคนไปเรียนอาบีเมเลคว่า ชาวเมืองทั้งสิ้นที่หอรบเมืองเชเคมมาชุมนุมกันอยู่
  • 48 อาบีเมเลคก็ขึ้นไปบนภูเขาศัลโมน ทั้งตัวเขากับกองทัพทั้งสิ้น อาบีเมเลคถือขวานตัดกิ่งไม้ใส่บ่าแบกมา เขาบอกคนที่อยู่ด้วยว่า “เจ้าเห็นข้าทำอะไร จงรีบไปทำอย่างข้าเถิด”
  • 49 คนทั้งปวงก็ตัดกิ่งไม้แบกตามอาบีเมเลคไปสุมไว้ที่อุโมงค์ใต้ดิน แล้วก็จุดไฟเผา ดังนั้นคนที่หอรบเมืองเชเคมก็ตายหมดทั้งชายและหญิงประมาณ 1,000 คน
  • 50 อาบีเมเลคไปยังเมืองเธเบศตั้งค่ายประชิดเมืองเธเบศไว้ และยึดเมืองนั้นได้
  • 51 แต่ในเมืองแปลได้อีกว่า แต่ตรงใจกลางเมืองมีหอรบแข็งแกร่งแห่งหนึ่ง ชาวเมืองนั้นทั้งหมดทั้งชายและหญิงก็หนีเข้าไปที่นั่นปิดประตูขังตนเองเสีย แล้วก็ขึ้นไปบนหลังคาหอรบ
  • 52 อาบีเมเลคยกมาถึงหอรบนี้ ก็เข้าโจมตีจนเข้ามาใกล้ประตูหอรบได้ เพื่อจะเอาไฟเผา
  • 53 แต่หญิงคนหนึ่งเอาหินโม่แป้งชิ้นบนทุ่มศีรษะอาบีเมเลค ทำให้กะโหลกศีรษะของเขาแตก
  • 54 เขาจึงรีบร้องบอกคนหนุ่มที่ถืออาวุธของเขาว่า “จงชักดาบออกแล้วฆ่าเราเสียเพื่อคนจะไม่พูดว่า ‘ผู้หญิงคนหนึ่งฆ่าเขาตาย’ ” คนหนุ่มนั้นก็แทงเขาทะลุถึงแก่ความตาย
  • 55 เมื่อคนอิสราเอลเห็นว่าอาบีเมเลคสิ้นชีวิตแล้ว ต่างคนก็กลับไปยังที่ของตน
  • 56 ดังนี้แหละพระเจ้าทรงตอบสนองความชั่ว ที่อาบีเมเลคได้ทำต่อบิดาของตน ที่ได้ฆ่าพี่น้อง 70 คนของตนเสีย
  • 57 และพระเจ้าทรงตอบสนองกรรมชั่วทั้งสิ้นของชาวเชเคมบนศีรษะของพวกเขาเอง และคำสาปแช่งของโยธามบุตรเยรุบบาอัลก็ตกอยู่กับเขาทั้งหลาย
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页