1
เพราะฉะนั้นเมื่อพระเจ้าทรงทำให้พวกท่านเป็นขึ้นมาด้วยกันกับพระคริสต์แล้ว ก็จงแสวงหาสิ่งที่อยู่เบื้องบนในที่ซึ่งพระคริสต์สถิตอยู่ คือประทับอยู่เบื้องขวาของพระเจ้าสดด.110:1
2
จงเอาใจใส่สิ่งที่อยู่เบื้องบน ไม่ใช่สิ่งที่อยู่บนแผ่นดินโลก
3
เพราะว่าท่านตายแล้ว และชีวิตของพวกท่านซ่อนไว้กับพระคริสต์ในพระเจ้า
4
เมื่อพระคริสต์ผู้ทรงเป็นชีวิตของท่านทั้งหลายทรงปรากฏ ในเวลานั้นท่านก็จะปรากฏพร้อมกับพระองค์ในศักดิ์ศรีด้วย
5
เพราะฉะนั้นจงประหารโลกียวิสัยภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ประหารอวัยวะบนแผ่นดินโลกในตัวท่าน คือการล่วงประเวณี การโสโครก ราคะตัณหา ความปรารถนาชั่ว และความโลภ (ซึ่งเป็นการบูชารูปเคารพ)
6
สิ่งเหล่านี้ เป็นเหตุให้พระพิโรธของพระเจ้ามาถึง [คนเหล่านั้นที่ไม่เชื่อฟัง]สำเนาโบราณบางฉบับไม่มีข้อความนี้
7
เมื่อก่อนพวกท่านก็เคยดำเนินชีวิตแบบนี้ คือมีชีวิตอยู่กับสิ่งเหล่านี้
8
แต่บัดนี้ท่านทั้งหลายจงละทิ้งภาษากรีกแปลตรงตัวว่า เปลื้องทิ้งสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด คือความโกรธ ความฉุนเฉียว การคิดร้าย การใส่ร้าย และคำพูดหยาบโลนที่ออกจากปากของท่าน
9
อย่าพูดโกหกต่อกันและกัน เพราะว่าท่านได้ปลดวิสัยมนุษย์เก่าอฟ.4:22กับพฤติกรรมของมนุษย์นั้นแล้ว
10
และสวมวิสัยมนุษย์ใหม่อฟ.4:24ที่กำลังได้รับการสร้างขึ้นใหม่ตามพระฉายาของพระองค์ผู้ทรงสร้างปฐก.1:26 เพื่อให้รู้จักพระเจ้า
11
การนี้ไม่มีกรีกหรือยิว คนที่เข้าสุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัต อนารยชนและคนป่าเถื่อนภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ชาวสิเธียซึ่งเป็นกลุ่มชนที่คนโรมันถือว่าป่าเถื่อน ไม่มีทาสหรือเสรีชน แต่ว่าพระคริสต์ทรงเป็นทุกสิ่ง และทรงอยู่ในทุกสิ่ง
12
เพราะฉะนั้นในฐานะเป็นพวกที่พระเจ้าทรงเลือก พวกที่บริสุทธิ์ และพวกที่ทรงรัก จงสวมใจเมตตา ใจกรุณา ใจถ่อม ใจสุภาพอ่อนโยน ใจอดทน
13
จงอดทนต่อกันและกันอฟ.4:2 และถ้าใครมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงให้อภัยกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยพวกท่านอย่างไร ท่านก็จงทำอย่างนั้นด้วยอฟ.4:32
14
แล้วจงสวมความรักทับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ความรักผูกพันทุกสิ่งไว้อย่างสมบูรณ์
15
และจงให้สันติสุขของพระคริสต์นำพาจิตใจภาษากรีกแปลตรงตัวว่า เป็นผู้ตัดสินในจิตใจของท่านทั้งหลาย พระเจ้าทรงเรียกท่านให้มาเป็นกายเดียวกันก็เพื่อสันติสุขนี้ และจงมีใจขอบพระคุณ
16
จงให้พระวจนะของพระคริสต์อยู่ในพวกท่านอย่างบริบูรณ์ จงสั่งสอนและเตือนสติกันด้วยปัญญาทั้งสิ้น จงร้องเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงฝ่ายจิตวิญญาณด้วยการขอบพระคุณพระเจ้าในใจของท่าน
17
และเมื่อท่านทั้งหลายทำสิ่งใดไม่ว่าจะด้วยวาจาหรือด้วยการประพฤติ จงทำทุกสิ่งในพระนามของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า และขอบพระคุณพระเจ้าพระบิดา โดยทางพระองค์อฟ.5:19-20
18
หน้าที่ทางสังคมของชีวิตใหม่ ภรรยาทั้งหลายจงยอมเชื่อฟังสามีของตนอฟ.5:22;1 ปต.3:1 ซึ่งเป็นสิ่งที่สมควรในองค์พระผู้เป็นเจ้า
19
สามีทั้งหลายจงรักภรรยาของตนอฟ.5:25;1 ปต.3:7 และอย่าทำรุนแรงต่อพวกนาง
20
บุตรทั้งหลายจงเชื่อฟังบิดามารดาของตนในทุกเรื่อง เพราะสิ่งนี้เป็นที่ชอบพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้าอฟ.6:1
21
บิดาทั้งหลายก็อย่ายั่วบุตรของตนให้ขัดเคืองใจอฟ.6:4 เพื่อว่าพวกเขาจะไม่ท้อใจ
22
ทาสทั้งหลายจงเชื่อฟังนายของตนในโลกนี้ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ในฝ่ายเนื้อหนังทุกอย่าง ไม่เฉพาะแต่เมื่ออยู่ในสายตาเหมือนอย่างพวกประจบสอพลอ แต่ทำด้วยจริงใจโดยความเกรงกลัวองค์พระผู้เป็นเจ้า
23
ไม่ว่าพวกท่านจะทำสิ่งใด ก็จงทำด้วยความเต็มใจเหมือนทำถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เหมือนทำต่อมนุษย์
24
ท่านทั้งหลายก็รู้ว่า ท่านจะได้รับมรดกจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นบำเหน็จ เพราะท่านกำลังรับใช้พระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่
25
ส่วนคนที่ทำความผิดก็จะได้รับผลตามความผิดที่เขาได้ทำอฟ.6:5-8 และจะไม่มีการเห็นแก่หน้าใครเลยฉธบ.10:17; อฟ.6:9