ลูกา-20

(ฉบับมาตรฐาน 2011)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 ปัญหาเรื่องสิทธิอำนาจของพระเยซู ( มธ.21:23-27 ; มก.11:27-33 ) วันหนึ่ง ขณะพระองค์กำลังสั่งสอนประชาชนในบริเวณพระวิหารและกำลังประกาศข่าวดี พวกหัวหน้าปุโรหิต พวกธรรมาจารย์ และพวกผู้ใหญ่มาพบพระองค์
  • 2 และทูลพระองค์ว่า “จงบอกเราเถิด ท่านมีสิทธิอำนาจอะไรถึงได้ทำแบบนี้? ใครให้สิทธิแก่ท่าน?”
  • 3 พระองค์ตรัสตอบพวกเขาว่า “เราจะถามพวกท่านสักข้อหนึ่งด้วยเหมือนกัน จงตอบเราเถิด
  • 4 คือบัพติศมาของยอห์นนั้นมาจากสวรรค์หรือมาจากมนุษย์?”
  • 5 พวกเขาจึงปรึกษากันว่า “ถ้าเราบอกว่า ‘มาจากสวรรค์’ เขาจะถามว่า ‘ทำไมถึงไม่เชื่อยอห์น?’
  • 6 แต่ถ้าบอกว่า ‘มาจากมนุษย์’ ประชาชนก็จะเอาหินขว้างเรา เพราะถือกันว่ายอห์นเป็นผู้เผยพระวจนะ”
  • 7 พวกเขาจึงทูลตอบว่า “เราไม่ทราบว่ามาจากไหน”
  • 8 พระเยซูจึงตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “เราก็จะไม่บอกท่านเหมือนกันว่า เราทำสิ่งเหล่านี้ด้วยสิทธิอำนาจอะไร”อุปมาเรื่องสวนองุ่นและคนเช่า
  • 9 ( มธ.21:33-46 ; มก.12:1-12 ) พระองค์ตรัสอุปมาให้ประชาชนฟังต่อไปว่า “มีชายคนหนึ่งทำสวนองุ่นอสย.5:1และให้ชาวสวนบางคนเช่า แล้วก็ไปอยู่ต่างประเทศเป็นเวลานาน
  • 10 เมื่อถึงเวลาแล้วจึงใช้ทาสคนหนึ่งไปหาคนเช่าสวนเหล่านั้น เพื่อพวกเขาจะได้แบ่งองุ่นที่เป็นผลผลิตนั้นแก่เจ้าของ แต่ชาวสวนเหล่านั้นกลับเฆี่ยนตีเขาและไล่เขากลับไปมือเปล่า
  • 11 เจ้าของสวนจึงใช้ทาสอีกคนหนึ่งไป แต่พวกนั้นเฆี่ยนตีและทำการอัปยศต่างๆ ต่อทาสคนนั้นด้วย และไล่ให้กลับไปมือเปล่า
  • 12 เจ้าของสวนจึงใช้คนที่สามไป แต่คนเช่าสวนเหล่านั้นก็ทำให้เขาบาดเจ็บ แล้วขับไล่เขาออกไป
  • 13 เจ้าของสวนองุ่นจึงกล่าวว่า ‘ข้าจะทำอย่างไรดี? ข้าจะส่งลูกรักของข้าไป เขาคงจะเคารพลูกคนนี้’
  • 14 แต่เมื่อพวกชาวสวนเห็นบุตรนั้นก็ปรึกษากันว่า ‘คนนี้แหละเป็นทายาท ให้เราฆ่ามัน มรดกจะได้ตกเป็นของเรา’
  • 15 ดังนั้นพวกเขาจึงขับไล่บุตรนั้นออกไปนอกสวนแล้วฆ่าเสีย เมื่อเป็นแบบนี้เจ้าของสวนจะทำอย่างไรกับพวกเขา?
  • 16 ท่านก็จะมาทำลายชาวสวนเหล่านี้แล้วเอาสวนองุ่นนั้นให้คนอื่น” คนทั้งหลายเมื่อได้ยินจึงพูดว่า “อย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย”
  • 17 พระองค์ทรงจ้องดูพวกเขาแล้วตรัสว่า “ถ้าอย่างนั้นพระวจนะที่เขียนไว้หมายความว่าอย่างไรกัน?‘ศิลาที่พวกช่างก่อทิ้งแล้วกลับกลายเป็นศิลามุมเอก’ สดด.118:22
  • 18 ทุกคนที่ล้มทับศิลานั้น จะต้องแตกหักไป และถ้ามันตกทับใคร คนนั้นจะแหลกละเอียดไป”
  • 19 เมื่อพวกธรรมาจารย์และพวกหัวหน้าปุโรหิตรู้ว่าพระองค์ตรัสอุปมานั้นกระทบพวกเขาเอง ก็อยากจะจับพระองค์ทันที แต่พวกเขากลัวประชาชนการส่งส่วยให้กับซีซาร์
  • 20 ( มธ.22:15-22 ; มก.12:13-17 ) พวกเขาจึงคอยดูพระองค์ และใช้ให้บางคนแสร้งทำตัวเป็นคนชอบธรรมตามไปสอดแนม หวังจะจับผิดในคำสอนของพระองค์ เพื่อจะมอบพระองค์ไว้ใต้สิทธิอำนาจของเจ้าเมือง
  • 21 พวกเขาจึงทูลถามพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ เราทราบอยู่ว่าท่านกล่าวและสั่งสอนแต่ความจริง ไม่เคยเห็นแก่หน้าใคร แต่สั่งสอนทางของพระเจ้าจริงๆ
  • 22 การส่งส่วยให้แก่ซีซาร์นั้นควรหรือไม่?”
  • 23 พระองค์ทรงหยั่งรู้อุบายของพวกเขา จึงตรัสกับเขาว่า
  • 24 “จงเอาเงินเดนาริอันเหรียญหนึ่งมาให้เราดู รูปและคำจารึกนี้เป็นของใคร?” เขาทูลตอบว่า “ของซีซาร์”
  • 25 แล้วพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ของของซีซาร์จงถวายแก่ซีซาร์ และของของพระเจ้าจงถวายแด่พระเจ้า”
  • 26 พวกเขาจึงจับผิดในคำสอนของพระองค์ต่อหน้าประชาชนไม่ได้ และเขาก็ประหลาดใจในคำตอบของพระองค์จึงเงียบไปคำถามเรื่องการเป็นขึ้นจากตาย
  • 27 ( มธ.22:23-33 ; มก.12:18-27 ) มีพวกสะดูสีบางคนมาหาพระองค์ คนพวกนี้บอกว่าการเป็นขึ้นจากตายนั้นไม่มีกจ.23:8
  • 28 พวกเขาทูลถามพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ โมเสสเขียนสั่งเราไว้ว่า ‘ถ้าผู้ชายคนไหนตาย และมีภรรยาแต่ไม่มีบุตร ก็ให้น้องชายรับพี่สะใภ้นั้นไว้เป็นภรรยาของตน เพื่อมีบุตรสืบตระกูลให้พี่ชาย’ฉธบ.25:5
  • 29 ปรากฏว่ามีพี่น้องผู้ชายอยู่เจ็ดคน พี่คนโตมีภรรยาแล้วก็ตายไม่มีบุตร
  • 30 น้องคนที่สอง
  • 31 และคนที่สามก็รับผู้หญิงคนนั้นมาเป็นภรรยา ทั้งเจ็ดคนเหมือนกันหมดคือไม่มีบุตรแล้วก็ตาย
  • 32 ในที่สุดผู้หญิงคนนั้นก็ตายด้วย
  • 33 เมื่อเป็นแบบนั้น ในวันที่เป็นขึ้นจากตาย หญิงคนนั้นจะเป็นภรรยาของใคร? เพราะนางตกเป็นภรรยาของชายทั้งเจ็ดคนแล้ว”
  • 34 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “คนยุคนี้มีการสมรสกันและยกให้เป็นสามีภรรยากัน
  • 35 แต่คนที่นับว่าสมควรกับการอยู่ในยุคหน้า และการเป็นขึ้นจากความตาย จะไม่มีการสมรสกันหรือยกให้เป็นสามีภรรยากันอีก
  • 36 อันที่จริงพวกเขาจะตายอีกไม่ได้ เพราะเขาเป็นเหมือนทูตสวรรค์ และเป็นบุตรของพระเจ้า คือบุตรของการเป็นขึ้นจากตาย
  • 37 เรื่องที่พระเจ้าทรงทำให้คนที่ตายแล้วเป็นขึ้นมาใหม่นั้น โมเสสก็สำแดงไว้ในเรื่องพุ่มไม้ ซึ่งเป็นที่ที่ท่านเรียกองค์พระผู้เป็นเจ้าหมายถึง พระเจ้าว่า ‘พระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ’อพย.3:6
  • 38 พระองค์ไม่ได้เป็นพระเจ้าของคนตาย แต่เป็นพระเจ้าของคนเป็น เพราะว่าสำหรับพระเจ้าทุกคนยังเป็นอยู่”
  • 39 ธรรมาจารย์บางคนจึงทูลพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ ท่านพูดได้ดีทีเดียว”
  • 40 เนื่องจากพวกเขาไม่กล้าทูลถามพระองค์ต่อไปอีกคำถามเรื่องเชื้อสายของดาวิด
  • 41 ( มธ.22:41-46 ; มก.12:35-37 ) พระองค์จึงตรัสถามพวกเขาว่า “ที่มีคนว่า พระคริสต์ทรงเป็นเชื้อสายของดาวิดนั้นเป็นไปได้อย่างไร?
  • 42 เนื่องจากดาวิดเองก็กล่าวไว้ในพระธรรมสดุดีว่า‘พระเจ้า ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า องค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งหมายถึง พระเจ้า ตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า“จงนั่งด้านขวามือของเรา
  • 43 จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของท่าน เป็นที่รองเท้าของท่าน” ’ สดด.110:1
  • 44 ในเมื่อดาวิดยังเรียกท่านว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วท่านจะเป็นเพียงเชื้อสายของดาวิดได้อย่างไร?”การทรงประณามพวกธรรมาจารย์
  • 45 ( มธ.23:1-36 ; มก.12:38-40 ; ลก.11:37-54 ) ขณะประชาชนทั้งหมดกำลังฟังอยู่ พระองค์ตรัสกับบรรดาสาวกของพระองค์ว่า
  • 46 “จงระวังพวกธรรมาจารย์ให้ดี พวกที่ชอบสวมเสื้อคลุมยาวเดินไปเดินมา ชอบให้คนคำนับกลางตลาด ชอบที่นั่งสำคัญในธรรมศาลาและที่มีเกียรติในงานเลี้ยง
  • 47 พวกเขายึดบ้านของหญิงม่ายและแสร้งอธิษฐานเสียยืดยาว คนพวกนี้จะต้องถูกลงโทษหนักยิ่งขึ้น”
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页