1
ขอหมายสำคัญ ( มก.8:11-13 ; ลก.12:54-56 ) พวกฟาริสีกับพวกสะดูสีมาทดลองพระองค์ โดยขอให้พระองค์ทรงแสดงหมายสำคัญจากฟ้าสวรรค์ให้เห็นมธ.12:38; ลก.11:16
2
พระองค์จึงตรัสตอบเขาทั้งหลายว่า “[พอตกเย็นท่านทั้งหลายพูดว่า ‘อากาศจะปลอดโปร่งเพราะท้องฟ้าสีแดง’
3
พอรุ่งเช้าพวกท่านก็พูดว่า ‘วันนี้จะมีพายุฝนเพราะท้องฟ้าสีแดงและมืดครึ้ม’ ท้องฟ้านั้นท่านทั้งหลายยังรู้จักสังเกตและเข้าใจ แต่หมายสำคัญแห่งกาลเวลานี้พวกท่านกลับไม่เข้าใจ]สำเนาโบราณบางฉบับ ไม่มีข้อความนี้
4
คนในยุคชั่วร้ายและไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าชอบแสวงหาหมายสำคัญมธ.12:39; ลก.11:29 แต่จะไม่โปรดให้หมายสำคัญแก่เขาทั้งหลาย เว้นไว้แต่หมายสำคัญของโยนาห์เท่านั้น” แล้วพระองค์ก็เสด็จไปจากพวกเขาเชื้อของพวกฟาริสีและพวกสะดูสี
5
( มก.8:14-21 ) เมื่อข้ามฟากไปแล้ว สาวกของพระองค์ลืมเอาขนมปังไปด้วย
6
เมื่อพระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “จงสังเกตและระวังเชื้อหมายถึง เชื้อขนมของพวกฟาริสีลก.12:1 และพวกสะดูสีให้ดี”
7
พวกสาวกจึงพูดกันว่า “เพราะเราไม่ได้เอาขนมปังมา”
8
พระเยซูทรงทราบจึงตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “พวกท่านช่างมีความเชื่อน้อยจริงๆ ทำไมพวกท่านถึงพูดกันเรื่องไม่มีขนมปัง?
9
ท่านยังไม่เข้าใจหรือ? พวกท่านจำไม่ได้หรือเรื่องขนมปังห้าก้อนกับคนห้าพันคนนั้นมธ.14:17-21 พวกท่านเก็บที่เหลือได้กี่ตะกร้า?
10
หรือเรื่องขนมปังเจ็ดก้อนกับคนสี่พันคนนั้นมธ.15:34-38 ท่านเก็บที่เหลือได้กี่กระบุง?
11
ทำไมถึงไม่เข้าใจว่า เราไม่ได้พูดกับท่านทั้งหลายเรื่องขนมปัง แต่ให้ระวังเชื้อของพวกฟาริสีและพวกสะดูสีให้ดี?”
12
พวกสาวกจึงเข้าใจว่า พระองค์ไม่ได้ตรัสสั่งเขาทั้งหลายให้ระวังเชื้อ แต่ให้ระวังคำสอนของพวกฟาริสีและพวกสะดูสีคำประกาศยอมรับของเปโตรเกี่ยวกับพระเยซู
13
( มก.8:27-30 ; ลก.9:18-21 ) เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าไปในเขตเมืองซีซารียาฟีลิปปี พระองค์ตรัสถามพวกสาวกของพระองค์ว่า “คนทั่วไปพูดกันว่าบุตรมนุษย์เป็นใคร?”
14
เขาทั้งหลายทูลตอบว่า “บางคนว่าเป็นยอห์นผู้ให้บัพติศมา แต่บางคนว่าเป็นเอลียาห์ ส่วนคนอื่นๆ ว่าเป็นเยเรมีย์ หรือเป็นคนหนึ่งในบรรดาผู้เผยพระวจนะ”มธ.14:1-2; มก.6:14-15; ลก.9:7-8
15
แล้วพระองค์ตรัสถามเขาทั้งหลายว่า “แล้วพวกท่านว่าเราเป็นใคร?”
16
ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า “พระองค์เป็นพระคริสต์หมายถึง ผู้ที่ได้รับการทรงเจิมพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่”ยน.6:68-69
17
พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ซีโมนบุตรโยนาห์เอ๋ย ท่านก็เป็นสุข เพราะมนุษย์ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า เนื้อและเลือดไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้แก่ท่าน แต่พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิดเผยให้ทราบ
18
เราบอกท่านว่าท่านคือเปโตรภาษากรีกคือ เปตรอส และบนศิลาภาษากรีกคือ เปตรานี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้และพลังแห่งความตายพลังแห่งความตาย ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า บรรดาประตูของแดนคนตายจะมีชัยต่อคริสตจักรไม่ได้
19
เราจะมอบลูกกุญแจต่างๆ แห่งแผ่นดินสวรรค์ให้ไว้แก่ท่าน สิ่งใดที่ท่านกล่าวห้ามในโลก สิ่งนั้นก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ และสิ่งใดที่ท่านกล่าวอนุญาตในโลก สิ่งนั้นก็จะได้รับอนุญาตในสวรรค์” มธ.18:18; ยน.20:23
20
พระองค์ทรงกำชับพวกสาวกของพระองค์ไม่ให้บอกใครว่า พระองค์เป็นพระคริสต์พระเยซูทรงพยากรณ์ถึงการสิ้นพระชนม์ และการคืนพระชนม์ของพระองค์
21
( มก.8:31-9:1 ; ลก.9:22-27 ) ตั้งแต่เวลานั้นมา พระเยซูทรงเริ่มเผยแก่บรรดาสาวกของพระองค์ว่า พระองค์จะต้องเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม และจะต้องทรงทนทุกข์ทรมานหลายประการจากพวกผู้ใหญ่ พวกหัวหน้าปุโรหิต และพวกธรรมาจารย์ และทรงถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สามพระองค์จะทรงเป็นขึ้นมาใหม่
22
เปโตรดึงพระองค์ออกมา และเริ่มว่ากล่าวพระองค์ว่า “อย่าให้เป็นเช่นนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า จะให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดกับพระองค์ไม่ได้”
23
พระองค์จึงหันพระพักตร์คำราชาศัพท์หมายถึง หน้ามาตรัสกับเปโตรว่า “จงไปให้พ้น เจ้าซาตาน เจ้าเป็นเครื่องกีดขวางเราเพราะเจ้าไม่ได้คิดอย่างพระเจ้า แต่เจ้าคิดอย่างมนุษย์”
24
พระเยซูจึงตรัสกับบรรดาสาวกของพระองค์ว่า “ถ้าใครต้องการจะติดตามเรา ให้คนนั้นปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกและตามเรามามก.10:38; ลก.14:27
25
เพราะว่าใครต้องการจะเอาชีวิตรอด คนนั้นจะเสียชีวิต แต่ใครยอมเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา คนนั้นจะได้ชีวิตรอดมธ.10:39; ลก.17:33; ยน.12:25
26
เพราะเขาจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าได้สิ่งของหมดทั้งโลกแต่ต้องเสียชีวิตของตน? หรือคนนั้นจะนำอะไรไปแลกชีวิตของตนกลับคืนมา?
27
เพราะว่าเมื่อบุตรมนุษย์จะเสด็จมาด้วยพระรัศมีของพระบิดามธ.25:31พร้อมด้วยบรรดาทูตสวรรค์ของพระองค์ แล้วพระองค์จะทรงตอบแทนแต่ละคนตามการกระทำของเขาสดด.62:12; รม.2:6
28
เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ในพวกท่านที่ยืนอยู่ที่นี่ มีบางคนยังจะไม่ลิ้มรสความตาย จนกว่าจะได้เห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาในราชอาณาจักรของพระองค์”