1
พระบัญชาให้ออกจากซีนาย พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงขึ้นไปจากที่นี่ เจ้ากับประชากรซึ่งเจ้านำขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ ไปยังแผ่นดินซึ่งเราปฏิญาณกับอับราฮัมปฐก.12:7กับอิสอัคปฐก.26:3และกับยาโคบปฐก.28:13ว่า ‘เราจะให้แผ่นดินนั้นแก่เชื้อสายของเจ้า’
2
เราจะใช้ทูตองค์หนึ่งนำหน้าเจ้าไปและเราจะไล่คนคานาอัน คนอาโมไรต์ คนฮิตไทต์ คนเปริสซี คนฮีไวต์ และคนเยบุส ออกไปเสีย
3
จงขึ้นไปยังแผ่นดินซึ่งมีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ แต่เราจะไม่ขึ้นไปกับพวกเจ้า เกรงว่าเราจะทำลายล้างพวกเจ้าเสียกลางทาง เพราะว่าพวกเจ้าเป็นชนชาติที่หัวแข็ง”
4
เมื่อประชาชนได้ยินข่าวร้ายนี้ พวกเขาก็เป็นทุกข์ยิ่งนัก และไม่มีใครใส่เครื่องประดับเลย
5
เพราะพระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงกล่าวแก่ชนชาติอิสราเอลว่า ‘เจ้าทั้งหลายเป็นชนชาติที่หัวแข็ง ถ้าเราจะขึ้นไปกับเจ้าเพียงครู่เดียว เราก็จะทำลายล้างเจ้าเสีย และบัดนี้ จงถอดเครื่องประดับออกเสีย เพื่อเราจะรู้ว่าเราควรจะทำอย่างไรกับเจ้าดี’ ”
6
ดังนั้นชนชาติอิสราเอลจึงถอดเครื่องประดับออก ตั้งแต่ตอนที่อยู่แถบภูเขาโฮเรบเป็นต้นมา
7
เต็นท์นัดพบ โมเสสเคยตั้งเต็นท์หลังหนึ่งไว้ข้างนอกไกลจากค่าย และเรียกว่า เต็นท์นัดพบ ต่อมาทุกคนที่ปรารถนาจะเข้าเฝ้าพระยาห์เวห์ ก็มักจะออกไปยังเต็นท์นัดพบซึ่งตั้งอยู่นอกค่าย
8
และเมื่อไรที่โมเสสออกไปยังเต็นท์นั้น ประชาชนทุกคนก็จะลุกขึ้นยืนอยู่ที่ประตูเต็นท์ของตนมองดูโมเสส จนท่านเข้าไปในเต็นท์
9
เมื่อโมเสสเข้าไปในเต็นท์แล้ว เสาเมฆก็ลอยลงมาตั้งอยู่ที่ประตูเต็นท์ แล้วพระองค์ก็ตรัสกับโมเสส
10
เมื่อไรที่ประชาชนทั้งหมดเห็นเสาเมฆนั้นตั้งอยู่ที่ประตูเต็นท์ พวกเขาก็จะลุกขึ้นและนมัสการภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า หมอบกราบถึงดินอยู่ที่ประตูเต็นท์ของตน
11
พระยาห์เวห์เคยตรัสกับโมเสสสองต่อสองสองต่อสอง ภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า หน้าต่อหน้า เหมือนมิตรสหายสนทนากัน แล้วโมเสสก็กลับไปยังค่าย แต่ผู้รับใช้หนุ่มของท่าน คือโยชูวาบุตรนูน ไม่ได้ออกไปจากเต็นท์
12
คำทูลวิงวอนของโมเสส โมเสสกราบทูลพระยาห์เวห์ว่า “ดูสิ พระองค์ตรัสสั่งข้าพระองค์ว่า ‘จงนำประชากรนี้ขึ้นไป’ แต่พระองค์ไม่ได้ทรงแจ้งให้ข้าพระองค์ทราบว่า จะใช้ใครขึ้นไปกับข้าพระองค์ พระองค์เองยังตรัสว่า ‘เรารู้จักชื่อของเจ้า และเจ้าเป็นที่โปรดปรานในสายตาของเราด้วย’
13
และบัดนี้ ถ้าข้าพระองค์เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์แล้ว ขอโปรดสำแดงพระมรรคาของพระองค์แก่ข้าพระองค์ แล้วข้าพระองค์จะรู้จักพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะเป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์ และขอทรงนับชนชาตินี้เป็นประชากรของพระองค์”
14
พระองค์ตรัสว่า “เราเองจะไปกับเจ้า และให้เจ้าได้พัก”
15
แล้วโมเสสจึงกราบทูลพระองค์ว่า “ถ้าพระองค์ไม่เสด็จไปกับข้าพระองค์ ก็ขออย่าทรงนำพวกข้าพระองค์ขึ้นไปจากที่นี่เลย
16
ทำอย่างไรใครๆ จะทราบได้ว่า ข้าพระองค์และประชากรของพระองค์เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์แล้ว นอกจากพระองค์จะเสด็จไปกับพวกข้าพระองค์ด้วยไม่ใช่หรือ? ดังนั้นข้าพระองค์และประชากรของพระองค์ จึงแตกต่างจากชนชาติอื่นๆ ทั่วโลก”
17
พระยาห์เวห์ตรัสตอบโมเสสว่า “สิ่งที่เจ้าขอนั้นเราจะทำให้ เพราะว่าเจ้าเป็นที่โปรดปรานในสายตาของเราแล้ว และเรารู้จักชื่อของเจ้า”
18
โมเสสจึงกราบทูลว่า “ขอทรงสำแดงพระสิริของพระองค์แก่ข้าพระองค์เถิด”
19
พระองค์จึงตรัสตอบว่า “เราจะให้คุณความดีทั้งสิ้นของเราประจักษ์แจ้งต่อหน้าเจ้า และเราจะประกาศนามของยาห์เวห์ต่อหน้าเจ้า เราประสงค์จะโปรดปรานผู้ใดก็จะโปรดปรานผู้นั้น และเราประสงค์จะเมตตาผู้ใด เราก็จะเมตตาผู้นั้น”รม.9:15
20
พระองค์จึงตรัสว่า “เจ้าจะเห็นหน้าของเราไม่ได้ เพราะมนุษย์เห็นหน้าเราแล้วจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้”
21
พระยาห์เวห์ตรัสอีกว่า “ดูสิ มีที่แห่งหนึ่งอยู่ใกล้เรา เจ้าจงไปยืนอยู่บนศิลานั้น
22
แล้วขณะเมื่อพระสิริของเรากำลังผ่านไป เราจะซ่อนเจ้าไว้ในซอกหิน และจะบังเจ้าไว้ด้วยมือเราจนกว่าเราจะผ่านไป
23
เมื่อเราเอามือของเราออกแล้ว เจ้าจะเห็นหลังของเรา แต่หน้าของเราเจ้าจะไม่ได้เห็น”