ปฐม‍กาล-31

(ฉบับมาตรฐาน 2011)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 ยาโคบหนีไปพร้อมครอบครัวและฝูงสัตว์ ยาโคบได้ยินบรรดาบุตรชายของลาบันพูดว่า “ยาโคบแย่งทุกอย่างที่เป็นของพ่อเรา เขาได้ความร่ำรวยทั้งหมดนี้จากสิ่งที่เป็นของพ่อเรา”
  • 2 ยาโคบสังเกตดูลาบัน เห็นว่าลาบันไม่ดีต่อท่านเหมือนแต่ก่อน
  • 3 พระยาห์เวห์ตรัสกับยาโคบว่า “จงกลับไปยังดินแดนบิดาและญาติพี่น้องของเจ้าเถิด เราจะอยู่กับเจ้า”
  • 4 ยาโคบก็ให้คนไปเรียกราเชลและเลอาห์ให้มาที่ทุ่งเลี้ยงสัตว์
  • 5 แล้วบอกนางทั้งสองว่า “ฉันเห็นว่าบิดาเจ้าไม่ดีต่อฉันเหมือนแต่ก่อน แต่พระเจ้าของบิดาฉันทรงอยู่กับฉัน
  • 6 เจ้าทั้งสองรู้แล้วว่า ฉันรับใช้บิดาของเจ้าด้วยเต็มกำลัง
  • 7 บิดาของเจ้ายังบิดพลิ้วต่อฉัน และเปลี่ยนค่าจ้างของฉันเสียสิบครั้งแล้ว แต่พระเจ้าไม่ได้ทรงให้เขาทำร้ายฉัน
  • 8 ถ้าบิดาบอกว่า ‘สัตว์ที่ด่างเป็นค่าจ้างของเจ้า’ สัตว์ทุกตัวก็มีลูกด่าง และถ้าเขาบอกว่า ‘สัตว์ตัวที่ลายเป็นค่าจ้างของเจ้า’ สัตว์ทุกตัวก็มีลูกลายหมด
  • 9 ดังนี้แหละพระเจ้าจึงทรงยกฝูงปศุสัตว์ของบิดาเจ้าประทานให้แก่ฉัน
  • 10 เมื่อมาในฤดูที่สัตว์เหล่านั้นอยากติดสัด ฉันแหงนหน้าขึ้นดู ก็เห็นในความฝันว่า พวกแพะผู้ที่ผสมพันธุ์กับฝูงสัตว์นั้นเป็นแพะลาย แพะด่าง และแพะมีจุด
  • 11 ในความฝันนั้นทูตของพระเจ้าเรียกฉันว่า ‘ยาโคบ’ ฉันตอบว่า ‘ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่’
  • 12 ท่านบอกว่า ‘เงยหน้าขึ้นดู แพะผู้ทั้งหมดที่ผสมพันธุ์กับฝูงสัตว์นั้น เป็นพวกตัวลาย ตัวด่างและตัวมีจุด เพราะเราเห็นทุกสิ่งที่ลาบันทำกับเจ้า
  • 13 เราเป็นพระเจ้าแห่งเบธเอล ที่เจ้าเจิมเสาศักดิ์สิทธิ์ไว้และปฏิญาณต่อเราไว้ที่นั่นปฐก.28:18-22 บัดนี้จงลุกขึ้นออกจากดินแดนนี้ และกลับไปยังดินแดนที่เจ้าเกิด’ ”
  • 14 ราเชลกับเลอาห์จึงตอบว่า “เรายังมีส่วนและมีมรดกในบ้านบิดาเราอีกหรือ?
  • 15 บิดานับเราเหมือนแขกเมืองไม่ใช่หรือ? เพราะบิดาขายเรา ทั้งยังใช้เงินของเราหมด
  • 16 ความร่ำรวยทั้งหมดที่พระเจ้าทรงนำไปจากบิดาของเรา นั่นแหละเป็นของเรากับพวกลูกของเรา บัดนี้ท่านจงทำทุกสิ่งที่พระเจ้าตรัสกับท่าน”
  • 17 ดังนั้น ยาโคบจึงลุกขึ้นและจัดให้บุตรและภรรยาขึ้นขี่อูฐ
  • 18 แล้วต้อนฝูงปศุสัตว์ทั้งหมดของท่านไป ขนข้าวของทั้งสิ้นที่ท่านสะสมมา ฝูงปศุสัตว์ที่ท่านได้มา ที่ท่านสะสมได้ในปัดดานอารัม เพื่อเดินทางกลับไปหาอิสอัคบิดาของท่านในดินแดนคานาอัน
  • 19 เวลานั้นลาบันออกไปตัดขนแกะ ราเชลจึงขโมยรูปเคารพที่อยู่ในบ้านของบิดาไปด้วย
  • 20 ส่วนยาโคบก็ลักลอบทำต่อลาบันคนอารัม โดยการไม่บอกให้รู้ว่าท่านตั้งใจจะหนี
  • 21 ยาโคบเอาทรัพย์สมบัติทั้งหมดหนีข้ามแม่น้ำบ่ายหน้าไปทางเทือกเขากิเลอาด
  • 22 ลาบันตามทันยาโคบ เมื่อถึงวันที่สาม มีคนไปบอกลาบันว่ายาโคบหนีไปแล้ว
  • 23 ลาบันก็พาญาติพี่น้องไปกับเขาไล่ตามยาโคบเป็นระยะทางเจ็ดวันจึงทันยาโคบในถิ่นเทือกเขากิเลอาด
  • 24 แต่ในเวลากลางคืนพระเจ้าเสด็จมาหาลาบันคนอารัมในความฝัน ตรัสแก่เขาว่า “ระวัง อย่าพูดกับยาโคบเลย ไม่ว่าดีหรือร้าย”
  • 25 ลาบันตามมาทันยาโคบ ยาโคบตั้งเต็นท์อยู่ที่ถิ่นเทือกเขา ส่วนลาบันกับญาติพี่น้อง ตั้งอยู่ถิ่นเทือกเขากิเลอาด
  • 26 ลาบันกล่าวกับยาโคบว่า “เจ้าทำอะไร? เจ้าหลอกเรา และพาลูกสาวของเราหนีมาเหมือนเชลยภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า เชลยดาบ
  • 27 ทำไมเจ้าจึงหนีเรามาอย่างลับๆ? แอบมาโดยไม่บอกให้เรารู้ ถ้าเรารู้ เราก็จะจัดส่งเจ้าไปด้วยความร่าเริงยินดี โดยให้มีการขับร้องด้วยรำมะนาและพิณเขาคู่
  • 28 ทำไมเจ้าไม่ยอมให้เราจูบลาหลาน และลูกสาวของเราเล่า? นี่เจ้าทำอย่างโง่เขลา
  • 29 เจ้าอยู่ในกำมือเราแล้ว เราจะทำร้ายเจ้าก็ได้ แต่เมื่อคืนนี้พระเจ้าของบิดาเจ้าตรัสว่า ‘ระวัง อย่าพูดดีหรือร้ายกับยาโคบเลย’
  • 30 คราวนี้เจ้าต้องออกมาให้ได้เพราะคิดถึงบ้านบิดาเจ้าจริงๆ แต่ทำไมเจ้าถึงขโมยพระของเรามา?”
  • 31 ยาโคบจึงตอบลาบันว่า “เพราะว่าฉันกลัว ฉันคิดว่าท่านจะยึดลูกสาวของท่านคืนจากฉันเสีย
  • 32 ส่วนพระของท่านนั้น ถ้าพบที่คนไหน ก็อย่าไว้ชีวิตผู้นั้นเลย ค้นดูต่อหน้าญาติพี่น้องของเรา ท่านพบสิ่งใดที่เป็นของท่าน ก็เอาไปเถอะ” ยาโคบไม่รู้ว่าราเชลขโมยพระเหล่านั้นมา
  • 33 ลาบันจึงเข้าไปในเต็นท์ของยาโคบ เต็นท์ของเลอาห์ และเต็นท์สาวใช้ทั้งสองคนนั้น แต่หาไม่พบ จึงออกจากเต็นท์ของเลอาห์ แล้วเข้าไปในเต็นท์ของราเชล
  • 34 ส่วนราเชลเอารูปเคารพเหล่านั้นใส่ไว้ในกูบอูฐและนั่งทับไว้ ลาบันได้คลำดูทั่วเต็นท์ ก็หาไม่พบ
  • 35 ราเชลก็พูดกับบิดาว่า “ขอนายท่านอย่าโกรธเลย ที่ดิฉันลุกขึ้นต่อหน้าท่านไม่ได้ เพราะว่าดิฉันกำลังลำบากตามธรรมดาของผู้หญิง” ดังนั้นลาบันก็ค้นแล้ว แต่ไม่พบรูปเคารพเลย
  • 36 ส่วนยาโคบก็โกรธและต่อว่าลาบัน ยาโคบกล่าวกับลาบันว่า “ฉันทำผิดอะไร? ฉันทำบาปอะไร? ท่านจึงไล่ตามฉันมาอย่างนี้
  • 37 ท่านคลำดูสิ่งของของฉันทั้งหมดแล้ว ท่านพบอะไรที่เป็นของมาจากบ้านของท่าน ก็เอามาตั้งไว้ที่นี่ ตรงหน้าญาติพี่น้องของเราและของท่าน และให้พวกเขาตัดสินระหว่างเราทั้งสอง
  • 38 ฉันอยู่กับท่านมายี่สิบปีนี้ แกะและแพะไม่ได้แท้งลูก และแกะตัวผู้ในฝูงของท่าน ฉันก็ไม่ได้กิน
  • 39 ที่สัตว์ร้ายกัดฉีกกินเสีย ฉันก็ไม่ได้นำมาให้ท่าน ฉันเองใช้ให้แล้ว ที่ถูกขโมยไปในเวลากลางวันหรือกลางคืน ท่านก็เอาคืนจากฉัน
  • 40 เวลากลางวันแดดก็เผาฉัน เวลากลางคืนก็หนาวเหน็บ ฉันนอนไม่หลับ
  • 41 ฉันอาศัยอยู่ในเรือนของท่านยี่สิบปีแล้ว ฉันรับใช้ท่านสิบสี่ปีเพื่อจะได้บุตรีสองคนของท่าน และรับใช้ท่านหกปีเพื่อจะได้ฝูงสัตว์ของท่าน ท่านยังเปลี่ยนค่าจ้างสิบครั้ง
  • 42 ถ้าพระเจ้าของบิดาฉัน พระเจ้าของอับราฮัมและผู้ซึ่งอิสอัคยำเกรง ไม่ทรงอยู่กับฉันแล้ว ครั้งนี้ท่านคงให้ฉันไปตัวเปล่า พระเจ้าทรงเห็นความทุกข์ใจของฉัน และการงานตรากตรำที่มือฉันทำ จึงทรงห้ามท่านเมื่อคืนนี้”
  • 43 ลาบันและยาโคบทำพันธสัญญาต่อกัน แล้วลาบันตอบยาโคบว่า “บุตรหญิงเหล่านี้ก็เป็นลูกของเรา บุตรชายเหล่านี้ก็เป็นหลานของเรา ฝูงสัตว์นี้ก็เป็นของเรา ของทั้งสิ้นที่เจ้าเห็นก็เป็นของเรา วันนี้เราจะทำอะไรแก่บุตรหญิงของเราหรือแก่เด็กๆ ที่เกิดมาจากพวกนาง?
  • 44 มาเถิด ให้เราทำพันธสัญญาระหว่างเรากับเจ้า ให้พันธสัญญานั้นเป็นพยานระหว่างเรากับเจ้า”
  • 45 ฝ่ายยาโคบก็เอาศิลาก้อนหนึ่งตั้งไว้เป็นเสา
  • 46 แล้วยาโคบจึงพูดกับญาติพี่น้องว่า “เก็บก้อนหินมา” พวกเขาเก็บก้อนหินมากองสุมไว้ แล้วก็กินเลี้ยงกันที่กองหินนั้น
  • 47 ลาบันจึงตั้งชื่อกองหินนั้นว่า เยการ์สหดูธาภาษาอาราเมค แปลว่า กองพยาน แต่ยาโคบตั้งชื่อว่า กาเลเอดภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า กองพยาน
  • 48 ลาบันกล่าวว่า “วันนี้กองหินนี้จะเป็นพยานระหว่างเรากับเจ้า” ดังนั้นเขาจึงตั้งชื่อว่า กาเลเอด
  • 49 และมิสปาห์แปลว่า หอเฝ้ายาม เพราะเขากล่าวว่า “พระยาห์เวห์ทรงเฝ้าอยู่ระหว่างเรากับเจ้า เมื่อเราจากกันไป
  • 50 ถ้าเจ้าข่มเหงบุตรหญิงของเรา หรือเจ้าได้ภรรยาอื่นนอกจากบุตรหญิงของเรา แม้ว่าจะไม่มีใครอยู่กับเราก็จริง จำไว้ว่า พระเจ้าทรงเป็นพยานระหว่างเรากับเจ้า”
  • 51 ลาบันบอกยาโคบว่า “ดูกองหินและเสาหินนี้ ที่เราตั้งไว้ระหว่างเรากับเจ้า
  • 52 หินกองนี้เป็นพยาน และเสานั้นก็เป็นพยานว่า เราจะไม่ข้ามกองหินนี้ไปหาเจ้า และเจ้าจะไม่ข้ามกองหินและเสานี้มาหาเรา เพื่อทำร้ายกัน
  • 53 ให้พระเจ้าของอับราฮัมและพระเจ้าของนาโฮร์ ซึ่งเป็นพระเจ้าของบิดาของเราทั้งสองทรงตัดสินความระหว่างเรา” ยาโคบก็สาบานโดยอ้างถึงพระองค์ที่อิสอัคบิดาของเขายำเกรง
  • 54 ยาโคบถวายเครื่องบูชาบนภูเขา และเรียกญาติพี่น้องของเขามารับประทานขนมปัง พวกเขารับประทานขนมปังและอยู่บนภูเขาคืนวันนั้น
  • 55 ลาบันตื่นขึ้นแต่เช้ามืด จูบหลานและบุตรหญิง อวยพรพวกเขา แล้วก็ออกเดินทางกลับบ้าน
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页