1
ทรงเริ่มต้นเทศนาบนภูเขา ( มธ. 5-7 )ครั้นทอดพระเนตรเห็นคนมากดังนั้น พระองค์ก็เสด็จขึ้นไปบนภูเขาและเมื่อประทับแล้ว เหล่าสาวกของพระองค์มาเฝ้าพระองค์2
แล้วพระองค์จึงตรัสสอนเขาว่าผู้เป็นสุข 3
( ลก. 6:20-23 ) “บุคคลผู้ใด รู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขา4
“บุคคลผู้ใดโศกเศร้า อสย. 61:2 ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับการทรงปลอบประโลม5
“บุคคลผู้ใดมีใจอ่อนโยน สดด. 37:11 ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก6
“บุคคลผู้ใดหิวกระหาย อสย. 55:1-2 ความชอบธรรม ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าพระเจ้าจะทรงให้อิ่มบริบูรณ์7
“บุคคลผู้ใดมีใจกรุณา ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับพระกรุณาตอบ8
“บุคคลผู้ใดมีใจบริสุทธิ์ สดด. 24:3-4 ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้เห็นพระเจ้า9
“บุคคลผู้ใดสร้างสันติ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเรียกเขาว่าเป็นบุตร10
“บุคคลผู้ใดต้องถูกข่มเหงเพราะเหตุความชอบธรรม 1 ปต. 3:14 ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขา11
“เมื่อเขาจะติเตียนข่มเหง และนินทาว่าร้ายท่านทั้งหลายเป็นความเท็จเพราะเรา ท่านก็เป็นสุข 1 ปต. 4:1412
จงชื่นชมยินดี เพราะว่าบำเหน็จของท่านมีบริบูรณ์ในสวรรค์ เพราะเขาได้ข่มเหงผู้เผยพระวจนะ 2 พศด. 36:16; กจ. 7:52ทั้งหลาย ที่อยู่ก่อนท่านเหมือนกันเกลือแห่งแผ่นดินโลก 13
( มก. 9:50 ; ลก. 14:34-35 ) “ท่านทั้งหลายเป็นเกลือแห่งโลก ถ้าเกลือนั้นหมดรสเค็มไปแล้ว จะทำให้กลับเค็มอีกอย่างไรได้ แต่นั้นไปก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร มีแต่จะทิ้งเสียสำหรับคนเหยียบย่ำ มก. 9:50; ลก. 14:34-3514
ความสว่างของโลก “ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก ยน. 8:12; 9:5 นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะปิดบังไว้ไม่ได้15
เมื่อจุดตะเกียงแล้ว ไม่มีผู้ใดเอาถังครอบไว้ ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง มก. 4:21; ลก. 8:16; 11:33 จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในเรือนนั้น16
ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์ 1 ปต. 2:1217
ทัศนคติของพระเยซูเรื่องธรรมบัญญัติ “อย่าคิดว่าเรามาเลิกล้างธรรมบัญญัติและคำของผู้เผยพระวจนะ เรามิได้มาเลิกล้าง แต่มาทำให้สมบูรณ์ทุกประการ18
เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ตราบใดที่ฟ้าและดินดำรงอยู่ แม้อักษรหนึ่งหรือขีดๆหนึ่งก็จะไม่สูญไปจากธรรมบัญญัติ จนกว่าสิ่งที่จะต้องเกิด ได้เกิดขึ้นแล้ว ลก. 16:1719
เหตุฉะนั้น ผู้ใดได้ทำให้ข้อเล็กน้อยสักข้อหนึ่งในธรรมบัญญัตินี้เบาขึ้น ทั้งสอนคนอื่นให้ทำอย่างนั้นด้วย ผู้นั้นจะได้ชื่อว่าเป็นผู้น้อยที่สุดในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ใดที่ประพฤติและสอนตามธรรมบัญญัติ ผู้นั้นจะได้ชื่อว่าเป็นใหญ่ในแผ่นดินสวรรค์20
เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าความชอบธรรมของท่าน ไม่ยิ่งกว่าความชอบธรรมของพวกธรรมาจารย์ และพวกฟาริสี ท่านจะไม่มีวันได้เข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ทัศนคติของพระเยซูเรื่องความโกรธ 21
( ลก. 12:57-59 ) “ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้แก่คนโบราณว่า อย่าฆ่าคน อพย. 20:13; ฉธบ. 5:17 ถ้าผู้ใดฆ่าคน ผู้นั้นจะต้องถูกพิพากษาลงโทษ22
เราบอกท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดโกรธพี่น้องของตน ผู้นั้นจะต้องถูกพิพากษาลงโทษ ถ้าผู้ใดจะพูดกับพี่น้องว่า ‘อ้ายโง่’ ผู้นั้นต้องถูกนำไปที่ศาลสูงให้พิพากษาลงโทษและผู้ใดจะว่า ‘อ้ายบ้า’ ผู้นั้นจะมีโทษถึงไฟนรก23
เหตุฉะนั้นถ้าท่านนำเครื่องบูชามาถึงแท่นบูชาแล้ว และระลึกขึ้นได้ว่า พี่น้องมีเหตุขัดเคืองข้อหนึ่งข้อใดกับท่าน24
จงวางเครื่องบูชาไว้ที่หน้าแท่นบูชา กลับไปคืนดีกับพี่น้องผู้นั้นเสียก่อน แล้วจึงค่อยมาถวายเครื่องบูชาของท่าน25
จงปรองดองกับคู่ความโดยเร็วในขณะที่พากันไปศาล เกลือกว่าคู่ความนั้นจะอายัดท่านไว้กับผู้พิพากษา แล้วผู้พิพากษาจะมอบท่านไว้กับผู้คุม และท่านจะต้องถูกขังไว้ในเรือนจำ26
เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ท่านจะออกจากที่นั่นไม่ได้จนกว่าจะได้ใช้หนี้จนครบ27
ทัศนคติของพระเยซูเรื่องการล่วงประเวณี “ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา อพย. 20:14; ฉธบ. 5:1828
ฝ่ายเราบอกท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดมองผู้หญิงเพื่อให้เกิดใจกำหนัดในหญิงนั้น ผู้นั้นได้ล่วงประเวณีในใจกับหญิงนั้นแล้ว29
ถ้าตาข้างขวาของท่านทำให้ตัวหลงผิด จงควักออกทิ้งเสีย เพราะว่าถึงจะเสียอวัยวะอย่างหนึ่ง ก็ดีกว่าตัวของท่านจะต้องลงนรก มธ. 18:9; มก. 9:4730
ถ้ามือข้างขวาทำให้หลงผิด จงตัดทิ้งเสีย เพราะถึงจะเสียอวัยวะอย่างหนึ่ง ก็ดีกว่าตัวท่านจะต้องลงนรก มธ. 18:8; มก. 9:43ทัศนคติของพระเยซูเรื่องการหย่าร้าง 31
( มธ. 19:9 ; มก. 10:11-12 ; ลก. 16:18 ) “ยังมีคำกล่าวไว้ว่า ถ้าผู้ใดจะหย่าภรรยาก็ให้ทำหนังสือหย่าให้แก่ภรรยานั้น ฉธบ. 24:1-4; มธ. 19:7; มก. 10:432
ฝ่ายเราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าผู้ใดจะหย่าภรรยา เพราะเหตุอื่นนอกจากการเล่นชู้ ก็เท่ากับว่าผู้นั้นทำให้หญิงนั้นผิดศีลล่วงประเวณี และถ้าผู้ใดจะรับหญิงซึ่งหย่าแล้วเช่นนั้นมาเป็นภรรยา ผู้นั้นก็ผิดศีลล่วงประเวณีด้วย มธ. 19:9; มก. 10:11-12; ลก. 16:18;1 คร. 7:10-1133
ทัศนคติของพระเยซูเรื่องการสบถสาบาน “อีกประการหนึ่งท่านทั้งหลายได้ยินคำ ซึ่งกล่าวไว้แก่คนโบราณว่า อย่าเสียคำสัตย์สาบาน ลนต. 19:12 คำสัตย์สาบานที่ได้ถวายต่อองค์พระผู้เป็นเจ้านั้น ต้องรักษาไว้ให้มั่น กดว. 30:2; ฉธบ. 23:2134
ฝ่ายเราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่าสาบานเลย ยก. 5:12 โดยอ้างถึงสวรรค์ก็อย่าสาบาน เพราะสวรรค์เป็นที่ประทับของพระเจ้า อสย. 66:1; มธ. 23:2235
หรือโดยอ้างถึงแผ่นดินโลกก็อย่าสาบาน เพราะแผ่นดินโลกเป็นที่รองพระบาทของพระเจ้า อสย. 66:1 หรือโดยอ้างถึงกรุงเยรูซาเล็มก็อย่าสาบาน เพราะกรุงเยรูซาเล็มเป็นราชธานีของพระมหากษัตริย์ สดด. 48:236
อย่าสาบานโดยอ้างถึงศีรษะของตน เพราะท่านจะกระทำให้ผมขาว หรือดำไปสักเส้นหนึ่งก็ไม่ได้37
จริงก็จงว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่ พูดแต่เพียงนี้ก็พอ คำพูดเกินนี้ไป มาจากความชั่ว หรือ มารร้ายทัศนคติของพระเยซูเรื่องการตอบแทน 38
( ลก. 6:29-30 ) “ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า ตาแทนตา และฟันแทนฟัน อพย. 21:24; ลนต. 24:20; ฉธบ. 19:2139
ฝ่ายเราบอกท่านว่า อย่าต่อสู้คนชั่ว ถ้าผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน ก็จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย40
ถ้าผู้ใดอยากจะฟ้องศาล เพื่อจะปรับเอาเสื้อของท่านไป ก็จงให้เสื้อคลุมแก่เขาเสียด้วย41
ถ้าผู้ใดจะเกณฑ์ท่านให้เดินทางไปหนึ่งกิโลเมตร ก็ให้เลยไปกับเขาถึงสองกิโลเมตร42
ถ้าเขาจะขอสิ่งใดจากท่าน ก็จงให้อย่าเมินหน้าจากผู้ที่อยากขอยืมจากท่านรักศัตรู 43
( ลก. 6:27-28 , 32-36 ) “ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า จงรักคนสนิท ลนต. 19:18 และเกลียดชังศัตรู44
ฝ่ายเราบอกท่านว่า จงรักศัตรูของท่าน และจงอธิษฐานเพื่อผู้ที่ข่มเหงท่าน45
ทำดังนี้แล้วท่านทั้งหลายจะเป็นบุตรของพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ เพราะว่าพระองค์ทรงให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ ขึ้นส่องสว่างแก่คนดีและคนชั่วเสมอกัน และให้ฝนตก แก่คนชอบธรรมและคนอธรรม46
แม้ว่าท่านรักผู้ที่รักท่าน จะได้บำเหน็จอะไร ถึงพวกเก็บภาษีก็ยังกระทำอย่างนั้นมิใช่หรือ47
ถ้าท่านทักทายแต่พี่น้องของตนฝ่ายเดียว ท่านได้กระทำอะไรเป็นพิเศษยิ่งกว่าคนทั้งปวงเล่า ถึงคนต่างชาติก็กระทำอย่างนั้นมิใช่หรือ48
เหตุฉะนี้ท่านทั้งหลายจงเป็นคนดีรอบคอบ เหมือนอย่างพระบิดาของท่าน ผู้ทรงสถิตในสวรรค์เป็นผู้ดีรอบคอบ ลนต. 19:2; ฉธบ. 18:13