มัท‌ธิว-23

(พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 พระเยซูทรงกล่าวโทษพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี ( มก. 12:38-40 ; ลก. 11:37-54 ; 20:45-47 )ครั้งนั้น พระเยซูตรัสกับประชาชนและพวกสาวกของพระองค์ว่า
  • 2 “พวกธรรมาจารย์กับพวกฟาริสีนั่งบนที่นั่งของโมเสส
  • 3 เหตุฉะนั้น ทุกสิ่งซึ่งเขาสั่งสอนพวกท่าน จงถือประพฤติตาม เว้นแต่การประพฤติของเขาอย่าได้ทำตามเลย เพราะเขาเป็นแต่ผู้สั่งสอน แต่เขาเองหาทำตามไม่
  • 4 ด้วยเขาเอาห่อของหนักวางบนบ่ามนุษย์ ส่วนเขาเองแม้แต่นิ้วเดียวก็ไม่จับต้องเลย
  • 5 การกระทำของเขาเป็นการอวดเท่านั้น มธ. 6:1 เขาใช้กลักพระธรรม ฉธบ. 6:8อย่างใหญ่ สวมเสื้อที่มีพู่ห้อย กดว. 15:38อันยาว
  • 6 เขาชอบที่อันมีเกียรติในการเลี้ยงและในธรรมศาลา
  • 7 กับชอบรับการคำนับที่กลางตลาด และชอบให้เขาเรียกว่า ‘ท่านอาจารย์’
  • 8 ท่านทั้งหลายอย่าให้ใครเรียกท่านว่า ‘ท่านอาจารย์’ ด้วยท่านมีพระอาจารย์แต่ผู้เดียว และท่านทั้งหลายเป็นพี่น้องกันทั้งหมด
  • 9 และอย่าเรียกผู้ใดในโลกว่าเป็นบิดา เพราะท่านมีพระบิดาแต่ผู้เดียว คือผู้ที่ทรงสถิตในสวรรค์
  • 10 อย่าให้ผู้ใดเรียกท่านว่า ‘พระครู’ ด้วยว่าพระครูของท่านมีแต่ผู้เดียวคือพระคริสต์
  • 11 ผู้ใดที่เป็นนายใหญ่ในพวกท่าน ผู้นั้นย่อมต้องรับใช้ท่านทั้งหลาย มธ. 20:26-27; มก. 9:35; 10:43-44; ลก. 22:26
  • 12 ผู้ใดจะยกตัวขึ้น ผู้นั้นจะต้องถูกเหยียดลง ผู้ใดถ่อมตัวลง ผู้นั้นจะได้รับการยกขึ้น ลก. 14:11; 18:14
  • 13 “วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเจ้าปิดประตูแผ่นดินสวรรค์ไว้จากมนุษย์ พวกเจ้าเองก็ไม่เข้าไป และเมื่อคนอื่นจะเข้าไป พวกเจ้าก็ขัดขวางไว้
  • 14 (สำเนาโบราณบางฉบับ เพิ่มข้อ 14 ไว้ว่า “วิบัติแก่เจ้าพวกธรรมาจารย์ และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด ด้วยพวกเจ้าริบเอาเรือนของหญิงม่าย และแสร้งอธิษฐานเสียยืดยาว เพราะฉะนั้นพวกเจ้าจะต้องมีโทษมากยิ่งขึ้น”)
  • 15 “วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด ด้วยพวกเจ้าเที่ยวไปตามทางทะเลและทางบกทั่วไป เพื่อจะได้แม้แต่คนเดียวเข้าจารีต เมื่อได้แล้ว ก็ทำให้เขาถึงนรกยิ่งกว่าเจ้าเองถึงสองเท่า
  • 16 “วิบัติแก่เจ้า คนนำทางตาบอด เจ้าสอนว่า ‘ผู้ใดจะสาบานอ้างพระวิหาร คำสาบานนั้นไม่ผูกมัด แต่ผู้ใดจะสาบานอ้างทองคำของพระวิหาร ผู้นั้นจะต้องกระทำตามคำสาบาน’
  • 17 โอ คนโฉดเขลาตาบอด สิ่งไหนจะสำคัญกว่า ทองคำหรือพระวิหารซึ่งกระทำให้ทองคำนั้นศักดิ์สิทธิ์
  • 18 และว่า ‘ผู้ใดจะสาบานอ้างแท่นบูชา คำสาบานนั้นไม่ผูกมัด แต่ผู้ใดจะสาบานอ้างเครื่องตั้งถวายบนแท่นบูชานั้น ผู้นั้นต้องกระทำตามคำสาบาน’
  • 19 ช่างตาบอดกันเสียจริงหนอ สิ่งใดจะสำคัญกว่า เครื่องตั้งถวาย หรือแท่นบูชาที่กระทำให้เครื่องตั้งถวายนั้นศักดิ์สิทธิ์
  • 20 เหตุฉะนี้ผู้ใดจะสาบานอ้างแท่นบูชา ก็สาบานอ้างแท่นบูชา และสิ่งสารพัดซึ่งอยู่บนแท่นบูชานั้นด้วย
  • 21 ผู้ใดจะสาบานอ้างพระวิหาร ก็สาบานอ้างพระวิหาร และอ้างพระองค์ผู้ทรงสถิตในพระวิหารนั้นด้วย
  • 22 ผู้ใดจะสาบานอ้างสวรรค์ ก็สาบานอ้างพระที่นั่งของพระเจ้า อสย. 66:1; มธ. 5:34 และอ้างพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้นด้วย
  • 23 “วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด ด้วยพวกเจ้าถวายทศางค์ คือ สิบชักหนึ่งของสะระแหน่ ลูกผักชี และยี่หร่า ลนต. 27:30 ส่วนข้อสำคัญแห่งธรรมบัญญัติคือความยุติธรรม ความเมตตา ความเชื่อนั้นได้ละเลยเสีย การถวายทศางค์พวกเจ้าก็ควรปฏิบัติ แต่ไม่ควรละเลยข้อสำคัญนั้นด้วย
  • 24 โอ คนนำทางตาบอด เจ้ากรองลูกน้ำออกแต่กลืนตัวอูฐเข้าไป
  • 25 “วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด ด้วยเจ้าขัดชำระถ้วยชามแต่ภายนอก ส่วนภายในถ้วยชามนั้นเต็มด้วยโจรกรรมและการมัวเมากิเลส
  • 26 โอ พวกฟาริสีตาบอด จงชำระถ้วยชามภายในเสียก่อน เพื่อข้างนอกจะได้สะอาดด้วย
  • 27 “วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะว่าเจ้าเป็นเหมือนอุโมงค์ฝังศพซึ่งฉาบด้วยปูนขาว กจ. 23:3 ข้างนอกดูงดงาม แต่ข้างในเต็มไปด้วยกระดูกคนตาย และสารพัดโสโครก
  • 28 เจ้าทั้งหลายก็เป็นอย่างนั้นแหละ ภายนอกแลดูเหมือนว่าเป็นคนชอบธรรม แต่ภายในเต็มไปด้วยความเท็จเทียมและอธรรม
  • 29 “วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด ด้วยพวกเจ้าก่อสร้างอุโมงค์ฝังศพของผู้เผยพระวจนะ และตกแต่งอุโมงค์ฝังศพของผู้ชอบธรรมให้งดงาม
  • 30 แล้วกล่าวว่า ‘ถ้าเราได้อยู่ในสมัยบรรพบุรุษของเรานั้น จะได้มีส่วนกับเขา ในการทำโลหิตของผู้เผยพระวจนะให้ตก ก็หามิได้’
  • 31 อย่างนั้นเจ้าทั้งหลายก็เป็นพยานปรักปรำตนเองว่า เจ้าเป็นบุตรของผู้ที่ได้ฆ่าผู้เผยพระวจนะเหล่านั้น
  • 32 เจ้าทั้งหลาย จงกระทำตามที่บรรพบุรุษได้กระทำนั้นให้ครบถ้วนเถิด
  • 33 โอ พวกงู พันธุ์งูร้าย มธ. 3:7; 12:34; ลก. 3:7 เจ้าจะพ้นโทษนรกอย่างไรได้
  • 34 เหตุฉะนั้น นี่แหละ เราใช้ผู้เผยพระวจนะ นักปราชญ์ และธรรมาจารย์ต่างๆไปหาพวกเจ้า เจ้าก็จะฆ่าเสียบ้าง ตรึงเสียที่กางเขนบ้าง เฆี่ยนตีในธรรมศาลาของเจ้าบ้าง ข่มเหงไล่ออกจากเมืองนี้ไปเมืองโน้นบ้าง
  • 35 ดังนั้น บรรดาโลหิตอันชอบธรรมซึ่งตกที่แผ่นดินโลก ตั้งแต่โลหิตของอาแบล ปฐก. 4:8 ผู้ชอบธรรม จนถึงโลหิตของเศคาริยาห์ 2 พศด. 24:20-21บุตรบารัคยาที่พวกเจ้าได้ฆ่าเสีย ในระหว่างพระวิหารกับแท่นบูชานั้น คงตกบนพวกเจ้าทั้งหลาย
  • 36 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า บรรดาผลกรรมชั่วเหล่านั้นจะตกกับคนสมัยนี้พระเยซูทรงคร่ำครวญถึงกรุงเยรูซาเล็ม
  • 37 ( ลก. 13:34-35 ) “โอ เยรูซาเล็มๆที่ได้ฆ่าบรรดาผู้เผยพระวจนะ และเอาหินขว้างผู้ที่รับใช้มาหาเจ้าถึงตาย เราใคร่จะรวบรวมลูกของเจ้าไว้เนืองๆ เหมือนแม่ไก่กกลูกอยู่ใต้ปีกของมัน แต่เจ้าไม่ยอมเลยหนอ
  • 38 ดูเถิด นิเวศของเจ้าจะถูกทอดทิ้งและเริศร้าง
  • 39 ด้วยเราว่าแก่เจ้าทั้งหลายว่า ตั้งแต่นี้ต่อไปเจ้าจะไม่เห็นเราอีก กว่าเจ้าจะออกปากกล่าวว่า ‘ขอให้ท่านผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ”’ สดด. 118:26
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页