1
สาวกเด็ดรวงข้าวในวันสะบาโต ( มก. 2:23-28 ; ลก. 6:1-5 )ในคราวนั้น พระเยซูเสด็จไปในนาในวันสะบาโต เป็นวันหยุดพักและนมัสการพระเจ้า ตั้งขึ้นตามพระบัญญัติ ดู อพย. 20:8-11 และพวกศิษย์ของพระองค์หิว จึงเด็ดรวงข้าว ฉธบ. 23:25มากินแก้หิว2
เมื่อพวกฟาริสีเห็นเข้า จึงทูลพระองค์ว่า “นั่นแน่ะ ศิษย์ของท่านทำการซึ่งต้องห้ามในวันสะบาโต”3
พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “พวกท่านยังไม่ได้อ่านหรือ ซึ่งดาวิดได้กระทำ เมื่อท่านและพรรคพวกอดอยาก4
ท่านได้เข้าไปในพระนิเวศของพระเจ้า รับประทานขนมปังหน้าพระพักตร์ 1 ซมอ. 21:1-6 ซึ่งท่านหรือพรรคพวกไม่มีสิทธิ์จะรับประทาน ควรแต่ปุโรหิตพวกเดียว ลนต. 24:95
ท่านทั้งหลายไม่ได้อ่านในธรรมบัญญัติหรือ ที่ว่า พวกปุโรหิตในพระวิหารย่อมละเมิดกฎวันสะบาโตแต่ไม่มีความผิด กดว. 28:9-106
แต่เราบอกท่านทั้งหลายว่า ที่นี่มีสิ่งหนึ่งเป็นใหญ่กว่าพระวิหารอีก7
ถ้าท่านทั้งหลายได้เข้าใจความหมายของพระคัมภีร์ มธ. 9:13 ที่ว่า เราประสงค์ความเมตตา ไม่ประสงค์เครื่องสัตวบูชา ฮชย. 6:6 ท่านก็คงจะไม่กล่าวโทษคนที่ไม่มีความผิด8
เพราะว่าบุตรมนุษย์เป็นเจ้าเป็นใหญ่เหนือวันสะบาโต”ชายที่มือลีบ 9
( มก. 3:1-6 ; ลก. 6:6-11 ) แล้วพระองค์ได้เสด็จไปจากที่นั่น และเข้าไปในธรรมศาลาของเขา10
มีคนหนึ่งมือข้างหนึ่งลีบ คนทั้งหลายถามพระองค์ว่า “การรักษาโรคในวันสะบาโตนั้นต้องห้ามหรือไม่” เพื่อเขาจะหาเหตุฟ้องพระองค์ได้11
พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ถ้าผู้ใดในพวกท่านมีแกะตัวเดียวและแกะตัวนั้นตกบ่อในวันสะบาโต ผู้นั้นจะไม่ฉุดลากแกะตัวนั้นขึ้นหรือ ลก. 14:512
มนุษย์คนหนึ่งย่อมประเสริฐยิ่งกว่าแกะมากทีเดียว เหตุฉะนั้นจึงอนุญาตให้ทำการดีได้ในวันสะบาโต”13
แล้วพระองค์ตรัสกับคนมือลีบนั้นว่า “จงเหยียดมือออกเถิด” เขาก็เหยียดออก และมือนั้นก็หายเป็นปกติเหมือนมืออีกข้างหนึ่ง14
ฝ่ายพวกฟาริสีก็ออกไปปรึกษากันว่า จะทำอย่างไรจึงจะฆ่าพระองค์ได้15
ผู้รับใช้ที่ทรงเลือก แต่พระเยซูทรงทราบ จึงได้เสด็จออกไปจากที่นั่น และคนเป็นอันมากก็ตามพระองค์ไป พระองค์ก็ทรงรักษาเขาให้หายโรคสิ้นทุกคน16
แล้วพระองค์ทรงกำชับห้ามเขามิให้แพร่งพรายว่า พระองค์คือผู้ใด17
ทั้งนี้เพื่อจะให้เป็นไปตามคำของอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะ ว่า18
ดูเถิด ผู้รับใช้ของเราซึ่งได้เลือกสรรไว้ที่รักของเรา ผู้ซึ่งเราโปรดปรานเราจะเอาวิญญาณของเราสวมท่านไว้ท่านจะประกาศความยุติธรรมไปให้แก่บรรดาประชาชาติ19
ท่านจะไม่ทะเลาะวิวาทและไม่ร้องเสียงดังไม่มีใครจะได้ยินเสียงของท่านตามถนน20
ไม้อ้อช้ำแล้วท่านจะไม่หักไส้ตะเกียงเป็นควันจวนดับแล้วท่านจะไม่ดับกว่าท่านจะได้นำความยุติธรรมให้มีชัยชนะ21
และบรรดาประชาชาติจะฝากความหวังไว้กับท่าน อสย. 42:1-4ครัวเรือนที่แตกแยกกันก็ตั้งอยู่ไม่ได้ 22
( มก. 3:19-30 ; ลก. 11:14-23 ; 12:10 ) ขณะนั้นเขาพาคนหนึ่งมีผีเข้าสิงอยู่ ทั้งตาบอดและเป็นใบ้มาหาพระองค์ พระองค์ทรงรักษาให้หาย คนใบ้นั้นจึงพูดจึงเห็น23
และคนทั้งปวงก็อัศจรรย์ใจถามกันว่า “คนนี้เป็นบุตรดาวิดได้หรือ”24
แต่พวกฟาริสีเมื่อได้ยินดังนั้นก็พูดกันว่า “ผู้นี้ขับผีออกได้ก็เพราะใช้อำนาจเบเอลเซบูลผู้เป็นนายผีนั้น” มธ. 9:34; 10:2525
ฝ่ายพระเยซูทรงทราบความคิดของเขา จึงตรัสกับเขาว่า “ราชอาณาจักรใดๆซึ่งแตกแยกกันแล้วก็คงพินาศ เมืองใดๆ ครัวเรือนใดๆ ซึ่งแตกแยกกันแล้ว จะตั้งอยู่ไม่ได้26
และถ้าซาตานขับซาตานออกมันก็แตกแยกกันในตัวมันเอง แล้วอาณาจักรของมันจะตั้งอยู่อย่างไรได้27
และถ้าเราขับผีออกโดยเบเอลเซบูล พวกพ้องของท่านทั้งหลายขับมันออกโดยอำนาจของใครเล่า เหตุฉะนั้นพวกพ้องของท่านเองจะเป็นผู้ตัดสินกล่าวโทษพวกท่าน28
แต่ถ้าเราขับผีออกด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า แผ่นดินของพระเจ้าก็มาถึงท่านแล้ว29
หรือใครจะเข้าไปในเรือนของคนที่มีกำลังมาก และปล้นเอาทรัพย์ของเขาอย่างไรได้ เว้นแต่จะจับคนที่มีกำลังมากนั้นมัดไว้เสียก่อน แล้วจึงจะปล้นทรัพย์ในเรือนนั้นได้30
ผู้ใดไม่อยู่ฝ่ายเราก็เป็นปฏิปักษ์ต่อเรา มก. 9:40 และผู้ใดไม่รวบรวมไว้กับเรา ก็เป็นผู้กระทำให้กระจัดกระจายไป31
เพราะฉะนั้นเราบอกท่านทั้งหลายว่า ความผิดบาปและคำหมิ่นประมาททุกอย่างจะโปรดยกให้มนุษย์ได้ เว้นแต่คำหมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงโปรดยกให้มนุษย์ไม่ได้32
ผู้ใดจะกล่าวร้ายบุตรมนุษย์ จะโปรดยกให้ผู้นั้นได้ แต่ผู้ใดจะกล่าวร้ายพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะทรงโปรดยกให้ผู้นั้นไม่ได้ ลก. 12:10 ทั้งยุคนี้ยุคหน้าต้นไม้และผล 33
( ลก. 6:43-45 ) “พึงกล่าวอย่างใดอย่างหนึ่งว่าต้นดีผลก็ดี หรือต้นเลวผลก็เลวด้วย เราจะรู้จักต้นไม้ด้วยผลของมัน มธ. 7:20; ลก. 6:4434
โอ ชาติงูร้าย มธ. 3:7; 23:33; ลก. 3:7 เจ้าเป็นคนชั่ว แล้วจะพูดความดีได้อย่างไร ด้วยว่าปากนั้น พูดจากสิ่งที่มาจากใจ มธ. 15:18; ลก. 6:4535
คนดีก็เอาของดีมาจากคลังแห่งความดีในตัวของเขา คนชั่วก็เอาของชั่วมาจากคลังแห่งความชั่วในตัวของเขา36
ฝ่ายเราบอกเจ้าทั้งหลายว่า คำที่ไม่เป็นสาระทุกคำซึ่งมนุษย์พูดนั้น มนุษย์จะต้องรับผิดในถ้อยคำเหล่านั้น ในวันพิพากษา37
เหตุว่าที่เจ้าจะพ้นโทษได้ หรือจะต้องถูกปรับโทษนั้น ก็เพราะวาจาของเจ้า”คนชาติชั่วแสวงหมายสำคัญ 38
( มก. 8:12 ; ลก. 11:29-32 ) คราวนั้นมีบางคนในพวกธรรมาจารย์ และพวกฟาริสีมาทูลพระองค์ว่า “อาจารย์เจ้าข้า พวกข้าพเจ้าอยากจะเห็นหมายสำคัญจากท่าน” มธ. 16:1; มก. 8:11; ลก. 11:1639
พระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า “คนชาติชั่วและคิดทรยศต่อพระเจ้าแสวงหาหมายสำคัญ มธ. 16:4; มก. 8:12 และจะไม่ทรงโปรดให้หมายสำคัญแก่เขา เว้นไว้แต่หมายสำคัญของโยนาห์ผู้เผยพระวจนะ40
ด้วยว่า โยนาห์ได้อยู่ในท้องปลามหึมาสามวัน ยนา. 1:17สามคืน ฉันใด บุตรมนุษย์จะอยู่ในท้องแผ่นดิน สามวันสามคืนฉันนั้น41
ชนชาวนีนะเวห์จะลุกขึ้นในวันพิพากษาพร้อมกับคนยุคนี้ และจะเป็นตัวอย่างให้คนยุคนี้ได้รับโทษ ด้วยว่าชาวนีนะเวห์ได้กลับใจเสียใหม่ เพราะคำประกาศของโยนาห์ ยนา. 3:5 และซึ่งใหญ่กว่าโยนาห์มีอยู่ที่นี่42
นางกษัตริย์ฝ่ายทิศใต้จะลุกขึ้นในวันพิพากษาพร้อมกับคนยุคนี้ และจะเป็นตัวอย่างให้คนยุคนี้ได้รับโทษ ด้วยว่าพระนางนั้นได้มาจากที่สุดปลายแผ่นดินโลก เพื่อจะฟังสติปัญญาของซาโลมอน 1 พกษ. 10:1-10;2 พศด. 9:1-12 และซึ่งใหญ่กว่าซาโลมอนก็มีอยู่ที่นี่ผีร้ายกลับเข้าใหม่ 43
( ลก. 11:24-26 ) “เมื่อผีโสโครกออกมาจากผู้ใดแล้ว มันก็ท่องเที่ยวไปในที่กันดารน้ำเพื่อแสวงหาที่หยุดพัก แต่เมื่อไม่พบ44
มันจึงกล่าวว่า ‘ข้าจะกลับไปยังเรือนของข้า ที่ข้าได้ออกมานั้น’ และเมื่อมาถึงก็เห็นเรือนนั้นว่าง กวาดและตกแต่งไว้แล้ว45
มันจึงไปรับเอาผีอื่นอีกเจ็ดผีร้ายกว่ามันเอง แล้วก็เข้าไปอาศัยที่นั่น และในที่สุดคนนั้นก็ตกที่นั่งร้ายกว่าตอนแรก คนชาติชั่วนี้ก็จะเป็นอย่างนั้น”มารดาและน้องของพระเยซู 46
( มก. 3:31-35 ; ลก. 8:19-21 ) ขณะที่พระองค์ยังตรัสกับประชาชนอยู่นั้น มารดาและพวกน้องชายของพระองค์พากันมายืนอยู่ภายนอก หาโอกาสจะสนทนากับพระองค์47
สำเนาต้นฉบับโบราณบางฉบับ ไม่มีความในข้อ 47[มีคนหนึ่งทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า มารดาและน้องชายของพระองค์ยืนอยู่ข้างนอก หาโอกาสที่จะสนทนากับพระองค์”]48
พระองค์จึงตรัสกับผู้ที่มาทูลนั้นว่า “ใครเป็นมารดาของเรา ใครเป็นพี่น้องของเรา”49
พระองค์ทรงชี้ไปทางพวกสาวกของพระองค์และตรัสว่า “นี่เป็นมารดาและพี่น้องของเรา50
ด้วยว่าผู้ใดจะกระทำตามพระทัยพระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ ผู้นั้นแหละเป็นพี่น้องชายหญิงและมารดาของเรา”