เอ‌เส‌เคียล-3

(พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971)

切换到福音影视网-新版圣经

  • 1 พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงรับประทานสิ่งที่เจ้าได้พบ จงรับประทานหนังสือม้วนนี้ และจงไปพูดกับพงศ์พันธุ์อิสราเอล”
  • 2 ข้าพเจ้าจึงอ้าปาก และพระองค์ทรงให้ข้าพเจ้ารับประทานหนังสือม้วนนั้น
  • 3 และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงรับประทานหนังสือม้วนนี้ซึ่งเราได้ให้แก่เจ้า และบรรจุให้เต็มท้องของเจ้า” แล้วข้าพเจ้าก็ได้รับประทานและเมื่อหนังสือม้วนนั้น อยู่ในปากของข้าพเจ้าก็หวานเหมือนน้ำผึ้ง วว. 10:9-10
  • 4 และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย เจ้าจงไปยังพงศ์พันธุ์อิสราเอล และกล่าวถ้อยคำของเราแก่เขา
  • 5 เพราะเรามิได้ใช้เจ้าไปหาชนชาติ ที่พูดภาษาต่างด้าวและภาษาที่พูดยาก แต่ให้ไปหาพงศ์พันธุ์อิสราเอล
  • 6 มิใช่ให้ไปหาชนชาติทั้งหลายเป็นอันมาก ที่พูดภาษาต่างด้าวและภาษาที่พูดยาก เป็นคำที่เจ้าจะเข้าใจไม่ได้ ที่จริงถ้าเราใช้เจ้าไปหาคนเช่นนั้น เขาทั้งหลายคงจะฟังเจ้า
  • 7 แต่พงศ์พันธุ์อิสราเอลจะไม่ยอมฟังเจ้า เพราะเขาไม่ยอมฟังเรา เพราะว่าพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งสิ้น เป็นคนหัวแข็งและจิตใจดื้อดึง
  • 8 ดูเถิด เราได้กระทำให้หน้าของเจ้าขมึงทึงต่อเขา และให้หน้าผากของเจ้าขึงขังต่อหน้าผากของเขา
  • 9 เราได้กระทำให้หน้าผากของเจ้าแข็งขันอย่างเพชร ที่แข็งกว่าหินเหล็กไฟ อย่ากลัวเขาเลย อย่าท้อถอยเมื่อเห็นหน้าเขา เพราะเขาเป็นพงศ์พันธุ์ที่มักกบฏ”
  • 10 พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าอีกว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงรับถ้อยคำทั้งสิ้นของเราที่พูดกับเจ้าไว้ในใจของเจ้า และจงฟังไว้ด้วยหูของเจ้า
  • 11 ไปเถอะ เจ้าจงไปหาพวกที่เป็นเชลยคือชนชาติของเจ้านั้น จงพูดกับเขา และกล่าวแก่เขาว่า ‘พระเจ้าตรัสดังนี้’ ถึงเขาจะฟังหรือไม่ฟังก็ช่างเถิด”
  • 12 พระวิญญาณจึงยกข้าพเจ้าขึ้นและเมื่อพระสิริของ พระเจ้าขึ้นมาจากสถานที่อยู่ ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงกระหึ่มอยู่ข้างหลังข้าพเจ้า
  • 13 และมีเสียงปีกสัตว์ที่ถูกต้องกัน และเสียง วงล้อข้างๆสัตว์นั้น เป็นเสียงกระหึ่ม
  • 14 พระวิญญาณก็ยกข้าพเจ้าขึ้นและพาข้าพเจ้าไป ข้าพเจ้าก็ไปด้วยความขมขื่น ใจข้าพเจ้าเดือดร้อน พระหัตถ์ของพระเจ้าก็หนักอยู่บนข้าพเจ้า
  • 15 ข้าพเจ้าจึงมาถึงพวกที่เป็นเชลยที่เทลอาบิบ ผู้ที่อาศัยอยู่ที่ริมแม่น้ำเคบาร์ และที่ที่เขาอยู่ข้าพเจ้าก็อยู่อย่างมึนซึมท่ามกลางเขาเจ็ดวันยามเฝ้าอิสราเอล
  • 16 ( อสค. 33:1-9 ) พอสิ้นเจ็ดวัน พระวจนะแห่งพระเจ้าก็มาถึงข้าพเจ้าว่า
  • 17 “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย เราได้กระทำเจ้าให้เป็นยามเฝ้าพงศ์พันธุ์อิสราเอล เจ้าได้ยินถ้อยคำจากปากของเราเมื่อไร เจ้าจงกล่าวคำตักเตือนเขาจากเรา
  • 18 ถ้าเราจะบอกแก่คนอธรรมว่า ‘เจ้าจะต้องตายแน่ๆ’ และเจ้าไม่ตักเตือนเขาหรือกล่าวเตือนคนอธรรม ให้ละทิ้งทางอธรรมของตนเสีย เพื่อจะช่วยชีวิตเขาไว้ คนอธรรมนั้นจะตายเพราะความบาปผิดของเขา แต่เราจะลงโทษเจ้า เพราะความตายของเขา
  • 19 แต่ถ้าเจ้าได้ตักเตือนคนอธรรมและเขามิได้ หันกลับจากความอธรรมของเขา หรือจากทางอธรรมของเขา เขาจะตายเพราะความบาปผิดของเขา แต่เจ้าจะได้ช่วยชีวิตของเจ้าให้รอด
  • 20 อีกประการหนึ่ง ถ้าคนชอบธรรมหันกลับจากความชอบธรรมของเขา และได้กระทำความบาปผิด และเราวางสิ่งที่สะดุดไว้ตรงหน้าเขา เขาต้องตายเพราะว่าเจ้ามิได้ตักเตือนเขา เขาจะตายเพราะบาปของเขา และจะไม่มีใครจดจำการกระทำอันชอบธรรมของเขาไว้เลย แต่เราจะลงโทษเจ้าเพราะความตายของเขา
  • 21 แต่ถ้าเจ้าได้ตักเตือนคนชอบธรรมไม่ให้กระทำบาป และเขามิได้กระทำบาป เขาจะมีชีวิตอยู่ได้แน่ เพราะเขารับคำตักเตือนและเจ้าก็ได้ช่วยชีวิตของเจ้าไว้”
  • 22 ทรงกระทำให้ผู้เผยพระวจนะเป็นใบ้ ณ ที่นั่นพระหัตถ์แห่งพระเจ้าได้มาอยู่เหนือข้าพเจ้า และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงลุกขึ้นออกไปยังที่ราบ และเราจะพูดกับเจ้าที่นั่น”
  • 23 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงลุกขึ้นออกไปยังที่ราบ และนี่แน่ะพระสิริของพระเจ้าก็อยู่ที่นั่น อย่างเดียวกับพระสิริ ซึ่งข้าพเจ้าได้เห็นที่ริมแม่น้ำเคบาร์ และข้าพเจ้าก็ซบหน้าลงถึงดิน
  • 24 แต่พระวิญญาณได้เสด็จเข้าในข้าพเจ้ากระทำ ให้ข้าพเจ้ายืนขึ้น และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าและทรงบอกข้าพเจ้าว่า “จงไป ขังตัวเจ้าไว้ภายในเรือนของเจ้า
  • 25 เจ้า บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย ดูเถิด เขาจะเอาเชือกพันเจ้า และผูกมัดเจ้าไว้ด้วยเชือกนั้น เจ้าจึงออกไปท่ามกลางเขาไม่ได้
  • 26 และเราจะกระทำให้ลิ้นของเจ้าติดกับ เพดานปากของเจ้า ดังนั้นเจ้าจะเป็นใบ้ ไม่สามารถว่ากล่าวเขาได้ เพราะว่าเขาทั้งหลายเป็นพงศ์พันธุ์ที่มักกบฏ
  • 27 แต่เมื่อเราพูดกับเจ้า เราจะให้เจ้าหายใบ้ และเจ้าจะกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า ‘พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า’ ผู้ที่จะฟังก็ให้เขาได้ฟัง และผู้ที่จะปฏิเสธไม่ฟังก็ให้เขาปฏิเสธ เพราะเขาทั้งหลายเป็นพงศ์พันธุ์ที่มักกบฏ
回到本卷目录 回到本版本目录 回到首页